กรุงเทพฯ 6 มิ.ย.-รอง ผบ.ตร.สั่งตรวจสอบเส้นทางการเงินของ “เอิร์น” ผู้ร่วมก่อเหตุฆ่าหั่นศพในขอนแก่น หลังพบมีเงินหมุนเวียนเยอะจนผิดสังเกต ขณะที่ตำรวจเร่งทำสำนวนคดีให้รัดกุม แต่ยังรอผลตรวจ DNA เปรียบเทียบกับเลื่อยที่ใช้หั่นศพและในจุดเกิดเหตุ
พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ สั่งสภ.เขาสวนกวาง ตรวจสอบข้อมูลการเงินของนางสาวกวิตา ราชดา หรือเอิร์น หนึ่งในสามผู้ต้องหาคดีฆ่าหั่นศพ “น้องแอ๋ม” ในจังหวัดขอนแก่น หลังพบเงินหมุนเวียนในบัญชีเดือนละ 1 ล้านบาท บางเดือนมากกว่า 2 ล้านบาท รวมทั้งประสานไปยัง ป.ป.ง. ตรวจสอบบัญชีย้อนหลังไปจนถึงปี 2557 เพื่อหาความเชื่อมโยงว่าเกี่ยวข้องกับขบวนการค้ายาเสพติด หรือสิ่งผิดกฎหมายหรือไม่ นอกจากนี้ยังกำชับให้กองบังคับการตำรวจภูธรขอนแก่น ปูพรมกวดขันจับกุมสถานบันเทิงในพื้นที่ เพราะมูลเหตุคดีฆ่าหั่นศพเกิดขึ้นในพื้นที่
ส่วนกระแสวิพากษ์วิจารณ์ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองเชียงราย ที่ไปถ่ายภาพคู่กับนางสาวปรียานุช โนนวังชัย หรือ “เปรี้ยว” ผู้ต้องหาในคดี ล่าสุดผู้บังคับการตรวจคนเข้าเมือง 5 ลงนามในคำสั่งย้าย 2 นายตำรวจในภาพ ไปปฏิบัติราชการที่ศูนย์ปฏิบัติการตรวจคนเข้าเมือง 5 เพื่อให้การสืบสวนเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ โดยให้มีผลตั้งแต่ 4 มิถุนายนที่ผ่านมา หรือจนกว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลง
ด้านความคืบหน้าหลังตำรวจนำตัว 3 ผู้ต้องหาไปฝากขังที่เรือนจำกลางขอนแก่น จนถึงวันนี้ยังไม่มีญาติมายื่นคำร้องขอประกันตัว ขณะที่ผลตรวจปัสสาวะ “เปรี้ยว” และ “เอิร์น” ไม่พบสารเสพติด แต่ผลตรวจของนางสาวอภิวันทน์ สัตยบัณฑิต หรือ “แจ้” ผู้ต้องหาอีกคน พบว่าไม่ชัดเจน จึงสอบถามกับเจ้าตัวสารภาพว่า เสพยาบ้าไป 30 เม็ดระหว่างกบดานที่เมียนมาร์ ทั้งนี้ผู้ต้องหาทั้ง 3 คนถูกคุมขังที่แดนเดียวกัน แต่มีนักโทษหญิงชั้นดีคอยประกบ 2 ต่อ 1 เพื่อป้องกันการทำร้ายตัวเองและไม่ให้คุยกัน 1-2 สัปดาห์ นอกจากนี้ได้ส่งนักจิตวิทยาเข้าไปพูดคุย ซึ่งพบว่า “เปรี้ยว” มีอาการโศกเศร้า-ร้องไห้ ส่วนผู้ต้องหาคนอื่นๆอีก 4 คน ได้รับรายงานว่าปกติดี โดยยืนยันว่า ทั้งหมดจะไม่ได้รับสิทธิพิเศษใดๆ
ส่วนความคืบหน้าด้านคดี พันตำรวจเอกภาคภูมิ พิศมัย ผู้กำกับการ สภ.เขาสวนกวาง ระบุว่า ได้เรียกพยานแวดล้อมมาให้ปากคำเพิ่มเติม เพื่อทำสำนวนให้รัดกุม แต่ขณะนี้ยังรอผลเปรียบเทียบ DNA ผู้ต้องหากับ DNA บนเลื่อยธนูที่ใช้ก่อเหตุ และ DNA ที่พบภายในรีสอร์ทที่มีการหั่นศพ คาดว่าต้องรออีกประมาณ 1 เดือนจึงจะชัดเจนว่านายวศิน นามพรหม ผู้ต้องหาคนแรกเกี่ยวข้องกับการฆ่าหรือไม่ เนื่องจากคำให้การยังขัดแย้งกับ “เปรี้ยว” ที่บอกว่าร่วมกันฆ่าไม่ใช่แค่ดูต้นทาง.-สำนักข่าวไทย