กรุงเทพฯ 2 มิ.ย.- กรมศุลกากร เร่งประสานขอข้อมูลดีเอสไอ หลังมีอายัดรถหรู จำนวนมาก อาจเข้าข่ายถูกขโมยมาจากประเทศอังกฤษ พร้อมตั้งกรรมการสอบสวนกรณีดังกล่าว ว่ามีเจ้าหน้าที่เข้าไปเกี่ยวข้องหรือไม่
นายกุลิศ สมบัติศิริ อธิบดีกรมศุลกากร และนายชัยยุทธ คำคุณ รองอธิบดีกรมศุลกากร เปิดเผยว่าการนำเข้ารถหรูที่มีปัญหา ในขณะนี้ แบ่งเป็น 3 กรณีซึ่งไม่ความเกี่ยวข้องกัน โดย กรณีแรกเกิดขึ้นเมื่อปี 2552-2553 ที่สำงานตรวจเงินแผ่นตั้งคณะกรรมการตรวจสอบและพบว่ามีเจ้าหน้าที่กรมศุลกากร 9 คนเข้าไปเกี่ยวข้องกับการคืนอากรให้บริษัทนำเข้ารถหรู โดยมิชอบ ซึ่งรายงานจากสำนักงานตรวจเงินแผ่นเพิ่งถึงกรมศุลกากร และขณะนี้ได้มีคำสั่งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง ยืนยันว่ายังไม่มีการลงโทษทางวินัยเนื่องจากยังไม่พบความผิด แต่หากผลการสอบสวนพบว่ามีเจ้าหน้าที่ของกรมศุลกากรเกี่ยวข้องก็จะส่งเรื่องให้ปปช.ชี้มูลต่อไป
กรณีที่สองเกิดขึ้นในปี 2555-2556 ที่เกิดเหตุไฟไหม้รถหรูที่จังหวัดนครราชสีมา ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างตรวจสอบการสำแดงราคารถ และการจดประกอบรถนำเข้าทั้งหมด และมีการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบว่ามีบุคคลใดเข้าไปเกี่ยวข้องบ้าง
และกรณีสุดท้ายสืบเนื่องจากที่ เจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ อายัดรถหรูจำนวนมาก ที่อาจมีประวัติการโจรกรรมจากประเทศอังกฤษ รวมถึงกรณีมีบริษัทนำเข้ารถสำแดงราคาอันเป็นเท็จต่อกรมศุลกากร โดยกรณีนี้ ยังอยู่ระหว่างประสานขอข้อมูลรถยนต์ที่ยึด บริษัทรถยนต์ รวมถึงราคากลางรถยนต์ที่ดีเอสไอได้ข้อมูลจากบริษัทผู้ผลิตรถจากต่างประเทศ มาใช้ตรวจสอบและเทียบเคียงกับราคาที่บริษัทที่เป็นปัญหา นำมาสำแดงต่อกรมศุลกากร ซึ่งขณะนี้ยังไม่สามารถระบุได้ว่าบริษัทใดมีความผิดบ้าง พร้อมกันนี้ได้มีการตั้งคณะกรรมการสอบสวนว่ามีเจ้าหน้าที่เข้าไปเกี่ยวข้องหรือไม่ หากพบจะต้องถูกดำเนินการตามกฏหมาย ในส่วนของบริษัทนำเข้าจะต้องดำเนินการคัดแยกและคัดกรองออกเป็น 2 กลุ่มโดยกลุ่มแรกเป็นกลุ่มดี และกลุ่มที่มีประวัติไม่ดี ซึ่งจะต้องดำเนินการตรวจสอบว่ามีใครเป็นเจ้าของและจะทำการขึ้นแบล็คลิสต์ เพื่อป้องกันปัญหาการปิดบริษัทเดิม แล้วไปจดทะเบียนจัดตั้งบริษัทใหม่ และกลับมากระทำผิดซ้ำแบบเดิมอีก
สำหรับขั้นตอนการนำเข้ารถหรู ตามปกติบริษัทผู้นำเข้าจะนำเอกสารราคาการซื้อขายรถจากบริษัทซื้อขายมาสำแดงต่อเจ้าหน้าที่กรมศุลกากรเพื่อจัดเก็บภาษีนำเข้า เมื่อได้เอกสารทางกรมศุลกากรจะมีประเมินราคาในการจัดเก็บภาษีนำเข้า ซึ่งหากเจ้าหน้ามีข้อสงสัยก็จะไม่อนุญาตให้นำเข้า และดำเนินการตามนะเบียบของกรมศุลกากร พร้อมยอมรับทางกรมศุลกากรไม่มีอำนาจหรือกฎหมายในการขอข้อมูลราคาขายจากบริษัทผู้ผลิตในต่างประเทศ มีเพียงฐานข้อมูลจากการตรวจสอบราคาในท้องตลาดเท่าที่ตรวจสอบได้เท่านั้น
อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่า หลังจากนี้ทางกรมศุลกากรจะรื้อระบบการประเมินราคารถยนต์โดยอ้างอิงจากฐานข้อมูล ราคาของดีเอสไอ เพื่อให้ความเป็นธรรมและไม่เป็นช่องโหว่ให้มีการลักลอบนำเข้ารถยนต์โดยผิดกฎหมาย.-สำนักข่าวไทย