17 มี.ค. – ชุดปฏิบัติการสืบสวนสะกดรอยและการข่าวดีเอสไอ จับผู้ต้องหาคดีนำเข้ารถหรู มูลค่าความเสียหายกว่า 11 ล้านบาท
วานนี้ (16 มี.ค.) เวลาประมาณ 08.15 น. ชุดปฏิบัติการที่ 2 ของศูนย์สืบสวนสะกดรอยและการข่าว กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ภายใต้การอำนวยการของนายวิทวัส สุคันธรส ผู้อำนวยการศูนย์สืบสวนสะกดรอยและการข่าว ร่วมกันจับกุมนายจิราพัฒน์ ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ 4753/2566 ลงวันที่ 21 ธันวาคม 2566 ในคดีพิเศษที่ 74/2565
ต้องหาว่ากระทำความผิดฐานร่วมกันนำของที่ผ่านหรือกำลังผ่านพิธีการศุลกากรเข้ามาในราชอาณาจักรโดยหลีกเลี่ยงการเสียอากร โดยเจตนาจะฉ้ออากรที่ต้องเสียสำหรับของนั้นๆ ตามพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ. 2560 มาตรา 243 วรรคหนึ่ง ประกอบมาตรา 253 (เดิมคือ มาตรา 27 มาตรา115 จัตวา แห่งพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ. 2469) และร่วมกันแจ้งข้อความอันเป็นเท็จ ตอบคำถามด้วยถ้อยคำอันเป็นเท็จ นำพยานหลักฐานเท็จมาแสดง หรือยื่นบัญชีหรือเอกสารอันเป็นเท็จ เพื่อหลีกเลี่ยงหรือพยายามหลีกเลี่ยงการเสียภาษี มาตรา 202 และมาตรา 208 แห่งพระราชบัญญัติภาษีสรรพสามิต พ.ศ. 2560 (มาตรา 165 มาตรา 167 แห่งพระราชบัญญัติภาษีสรรพสามิต พ.ศ. 2527) ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83
กรณีนี้สืบเนื่องจากบริษัทแห่งหนึ่ง โดยมีนายจิราพัฒน์ กรรมการบริษัทผู้มีอำนาจทำการแทน และนางสาวศิริพร ร่วมกับอีกบริษัทหนึ่ง โดยนางสาวพรรณพิจิตร กรรมการผู้มีอำนาจทำการแทน และนางสาวพิจิตร ร่วมกันนำเข้ารถยนต์หรู จำนวน 4 คัน เข้ามาในราชอาณาจักรไทย โดยแสดงราคาซื้อขายรถยนต์ที่เป็นเท็จต่ำกว่าราคาซื้อขายจริง ทำให้รัฐได้รับความเสียหาย กว่า 11,000,000 บาท ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้จับกุมนายจิราพัฒน์ ผู้ต้องหา ได้ที่บริเวณริมทางเท้าด้านหน้าอาคารพาณิชย์ ซอยพระยามนธาตุราชศรีพิจิตร 35 แยก 3 แขวงคลองบางบอน เขตบางบอน กรุงเทพมหานคร
ทั้งนี้ ในการจับกุมเจ้าพนักงานชุดจับกุมได้แจ้งข้อกล่าวหาสิทธิตามประมวลกฎหมาย รวมถึงแจ้งว่าต้องบันทึกภาพและเสียงอย่างต่อเนื่องในขณะจับและควบคุมตัว จนกระทั่งส่งตัวให้พนักงานสอบสวนคดีพิเศษ ตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย พ.ศ. 2565 ให้ผู้ต้องหาได้รับทราบแล้ว
ทั้งนี้ เจ้าพนักงานชุดจับกุมได้แจ้งพนักงานอัยการและผู้อำนวยการสำนักการสอบสวนและนิติการกรมการปกครอง (ในเขตพื้นที่กรุงเทพมหานคร) และได้บันทึกข้อมูลเกี่ยวกับผู้ถูกควบคุมตัว (ปท.1) ตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย พ.ศ. 2565 เรียบร้อยแล้ว และได้ควบคุมตัวส่งมอบให้พนักงานสอบสวนคดีพิเศษ สำนักงานผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านคดีพิเศษผู้รับผิดชอบสำนวนคดีนี้ เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
การดำเนินการในการติดตามจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับในคดีพิเศษ เป็นไปตามข้อสั่งการของพันตำรวจตรี ยุทธนา แพรดำ รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ รักษาราชการแทนอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ที่กำหนดให้ศูนย์สืบสวนสะกดรอยและการข่าว ซึ่งเป็นหน่วยขึ้นตรงการบังคับบัญชา จัดชุดปฏิบัติการติดตามจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับ โดยเฉพาะหมายจับที่ใกล้ขาดในอายุความ เพื่อนำตัวผู้ถูกกล่าวหาว่ากระทำความผิดที่ยังหลบหนี เข้าสู่กระบวนการยุติธรรมต่อไป.-119-สำนักข่าวไทย