fbpx

ลงพื้นที่ย้อนรอยเหตุลอบวางระเบิด รพ.พระมงกุฎฯ

กรุงเทพฯ 23 พ.ค.-เหตุระเบิดไปป์บอมบ์ที่ห้องวงษ์สุวรรณ รพ.พระมงกุฎเกล้า ทำให้มีผู้บาดเจ็บถึง 21 คน เพราะคนร้ายเลือกวางระเบิดในจุดที่มีผู้คนพลุกพล่าน ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวไทย อสมท ลงพื้นที่ตรวจสอบจุดเกิดเหตุ และพูดคุยกับคนที่อยู่ในเหตุการณ์


ย้อนรอยเหตุการณ์การลอบวางระเบิดที่โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า เวลาประมาณ 10.00 น.วานนี้ ซึ่งเป็นเวลาใกล้เคียงกับขณะที่บันทึกเทปรายงานนี้ จะสังเกตได้ว่ามีผู้คนเดินเข้าออกอย่างหนาเเน่น ซึ่งพื้นที่ที่เกิดเหตุระเบิดอยู่ห่างจากจุดนี้เพียงไม่ถึง 100 เมตรเท่านั้น


วันนี้โรงพยาบาลไม่อนุญาตให้นำกล้องทีวีบันทึกภาพ ทีมข่าวสำนักข่าวไทยต้องใช้กล้องจากโทรศัพท์บันทึกภาพ โดยเดินจากหน้าอาคารเฉลิมพระเกียรติไปยังจุดเกิดเหตุ ใช้เวลาเพียง 30 วินาที ก็ถึงห้องวงษ์สุวรรณ ห้องนี้อยู่ใกล้ลิฟต์โดยสาร จุดรอรับยาเเละห้องน้ำ มีทางออก 2 ทาง ภายในตึกมีผู้ใช้บริการประมาณวันละ 3,000 คน ซึ่งมากที่สุดในโรงพยาบาล จึงเป็นจุดหนึ่งที่ผู้คนจะมารวมอยู่จำนวนมาก

หนึ่งในผู้ที่บาดเจ็บที่รักษาตัวที่ตึกอุบัติเหตุชั้น 5 ยอมเล่าให้ทีมข่าวฟัง แต่ไม่อนุญาตให้บันทึกเสียงและภาพ บอกว่า เวลา 10.05 น. ตนเองนั่งรอรับยา  กับผู้ป่วยคนอื่นๆ อยู่ๆ ได้ยินเสียงระเบิดดังมาจากด้านขวา จนทำให้หูดับ หันไปดูเห็นควันขาวเเละเศษกระจก จึงลุกออกมา ซึ่งก่อนเกิดเหตุ ภายในห้องไม่มีอะไรผิดปกติ


เช่นเดียวกับพยานที่เห็นเหตุการณ์ด้านนอกเล่าว่า ได้ยินเสียงดังออกจากห้อง และมีคนวิ่งออกมาจำนวนมาก จนชุลมุน สำหรับกล้องวงจรปิด ที่น่าจะเป็นหลักฐานสำคัญ แต่จากการสังเกต บริเวณใกล้เคียงมีกล้องวงจรปิด 5 ตัว สอบถามเจ้าหน้าที่พบว่าความละเอียดของกล้องอาจมีไม่มากนัก เพราะต้องเก็บความจำกว่า 1 เดือน หลังเกิดเหตุได้ส่งให้เจ้าหน้าที่แล้ว 10 กว่าตัว มีทั้งที่ใช้ได้และไม่ได้ ด้านรอง ผอ.รพ.ยอมรับเร่งแก้ไขโดยเร็ว

ผู้บัญชาการตำรวจนครบาลลงพื้นที่โรงพยาบาลสอบสวนพยานอีกครั้ง เผยว่าล่าสุดได้หลักฐานเป็นภาพถ่ายก่อนเกิดเหตุระเบิดเพียง 5 นาที เชื่อมั่นจะจับคนร้ายได้ เพราะมีข้อมูลเชื่อมโยงกับ 2 เหตุระเบิดก่อนหน้านี้

3 เหตุระเบิดในช่วงเวลาใกล้เคียงกัน ทั้งหน้ากองสลากฯ โรงละครแห่งชาติ และโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า มีผู้ได้รับบาดเจ็บรวมเกือบ 30 ราย ทำให้ทุกหน่วยงานเร่งตรวจสอบจุดเสี่ยงและรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มข้น.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

รวบผู้ต้องสงสัยคดีฆ่าหั่นศพที่นนทบุรี นำตัวเข้าเซฟเฮาส์

รวบตัวชายไทย อายุประมาณ 35-40 ปี ต้องสงสัยคดีฆ่าหั่นศพ ภายในซอยจัดสรรสวิง 2 ถนนบ้านกล้วย-ไทรน้อย ต.พิมลราช อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี ตำรวจนำตัวเข้าเซฟเฮาส์ อยู่ระหว่างสอบสวนและรวบรวมพยานหลักฐาน

ผู้ว่าการ ธปท.เตือน ครม. หวั่นดิจิทัลวอลเล็ตก่อหนี้จำนวนมาก

ทำเนียบฯ 24 เม.ย.- ผู้ว่าการ ธปท. ทำหนังสือถึง ครม. เตือนเดินหน้าดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท หวั่นก่อหนี้จำนวนมาก นายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้ทำหนังสือถึงสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ลงวันที่ 22 เมษายน 2567 เพื่อเสนอความเห็นประกอบการพิจารณาในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันที่ 23 เม.ย.2567 มองว่า โครงการเติมเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท เป็นโครงการขนาดใหญ่ของประเทศ  ต้องใช้เงินจำนวนมาก อาจก่อให้เกิดภาระหนี้ผูกพันต่อรัฐบาลในอนาคตดังนี้ 1.ความจำเป็น โครงการเติมเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท และผลกระทบต่อเสถียรภาพทางการคลังของประเทศ ควรดูแลครอบคลุมเฉพาะกลุ่มเป้าหมาย  เพื่อเป็นการแบ่งเบาภาระค่าครองชีพ ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างมีประสิทธิผลคุ้มค่า และใช้งบประมาณลดลง  โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบาง ยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ เช่น กลุ่มผู้มีรายได้น้อย หรือผู้ถือบัตรสวัสดิการฯ 15 ล้านคน ซึ่งดำเนินการได้ทันที และใช้งบประมาณเพียง 150,000 ล้านบาท และควรทำแบบแบ่งเป็นระยะ (phasing) เพื่อลดผลกระทบต่อเสถียรภาพการคลัง  […]

“สารวัตรแจ๊ะ” ยื่นฟ้องหมิ่น “ทนายรัชพล” กล่าวหาจับแพะติดคุกฟรีปีกว่า

“สารวัตรแจ๊ะ” พร้อมทนายความ ยื่นฟ้องหมิ่นประมาททนายดัง และฟ้องแพ่งเรียกค่าเสียหาย 5 ล้านบาท ยันไม่ได้นําตัวไปเซฟเฮาส์ ด้านทนายเผยพบหลักฐานทนายคู่กรณีบีบผู้เสียหายกลับคําให้การ แบ่งเงินคนละครึ่ง

ข่าวแนะนำ

ขอบคุณสมาคมธนาคารไทย ปรับลดดอกเบี้ย MRR

นายกฯ ขอบคุณสมาคมธนาคารไทย หั่นดอกเบี้ยลูกค้ารายย่อยชั้นดี (MRR) ลง 0.25% เป็นเวลา 6 เดือน เพื่อลดภาระดอกเบี้ยให้กลุ่มเปราะบาง ทั้งลูกค้าบุคคล และ SME

“บิ๊กโจ๊ก” ร้อง ตร.ขอความเป็นธรรม ปมโดนให้ออกจากราชการ

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล บุกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ หอบหลักฐานยื่นคณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรมตำรวจ ขอให้เพิกถอนคำสั่งให้ออกจากราชการ

เร่งตรวจสอบเหตุสารเคมีรั่วไหลโรงงานย่านพระราม 2

เจ้าหน้าที่เร่งตรวจสอบเหตุสารเคมีรั่วไหลในโรงงานย่านพระราม 2 ควันสีขาวลอยโขมง เบื้องต้นพบเป็นสารไทโอยูเรีย

อุตุฯ เผยไทยตอนบนร้อนจัด แนะเลี่ยงทำงานในที่โล่งแจ้งเป็นเวลานาน

กรมอุตุฯ เผยไทยตอนบนมีอากาศร้อนถึงร้อนจัด แนะหลีกเลี่ยงการทำงานหรือการประกอบกิจกรรมในที่โล่งแจ้งเป็นระยะเวลานาน ส่วนภาคใต้มีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง กรุงเทพฯ-ปริมณฑล อากาศร้อนจัดบางแห่ง