ก.แรงงาน20 พ.ค.-กรมสวัสดิการฯเผยผลตรวจสถานประกอบกิจการที่มีการใช้จัดเก็บสารเคมีอันตรายตามมาตรการ 3-3-2 พบสถานประกอบกิจการปฏิบัติไม่ถูกต้องเรื่องการจัดทำบัญชีรายชื่อสารเคมีอันตรายและรายละเอียดข้อมูลความปลอดภัยฯ มากสุด ย้ำนายจ้างต้องปฏิบัติตามกฎหมายหากฝ่าฝืนมีโทษอาญา
นายสุเมธ มโหสถ อธิบดีกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน(กสร.) เปิดเผยถึงผลการตรวจความปลอดภัยฯแบบเข้มข้นตามมาตรการ 3-3-2 ในสถานประกอบกิจการที่มีการใช้สารเคมีว่า ช่วงเดือน ก.พ.ถึงเดือนเม.ย.2560 ได้ดำเนินการตรวจสถานประกอบกิจการ 986 แห่งลูกจ้างเกี่ยวข้อง 126,458 คน พบสถานประกอบกิจการปฏิบัติไม่ถูกต้อง 307 แห่ง พนักงานตรวจความปลอดภัยได้ออกคำสั่งให้ปรับปรุงแล้ว 282 แห่ง ให้นำเอกสารมาแสดง 25 แห่ง ในจำนวนนี้ได้ส่งดำเนินคดีตามกฎหมาย 1 แห่ง
ทั้งนี้ พบว่าเรื่องที่ปฏิบัติไม่ถูกต้อง 3 ลำดับแรก ได้แก่ไม่จัดทำบัญชีรายชื่อ สารเคมีอันตรายและรายละเอียดข้อมูลความปลอดภัยของสารเคมีที่มีอยู่ในครอบครองและแจ้งให้เจ้าหน้าที่ทราบภายในเจ็ดวัน 177 แห่ง คิดเป็นร้อยละ 57.6,ไม่ปิดฉลากรายละเอียดเกี่ยวสารเคมีเป็นภาษาไทยไว้ที่หีบห่อหรือภาชนะบรรจุสารเคมีอันตราย จำนวน 80 แห่ง คิดเป็นร้อยละ 26 และไม่จัดทำคู่มือ ขั้นตอนการทำงานเกี่ยวกับสารเคมีอันตราย จำนวน 25 แห่ง คิดเป็นร้อยละ 8.19 ตามลำดับ
ซึ่งทั้ง 3 เรื่องที่ไม่ปฏิบัตินั้น เป็นหลักการพื้นฐานที่ควรปฏิบัติ เพื่อศึกษา ทำความเข้าใจสารเคมีที่ตนใช้ ข้อปฏิบัติที่ปลอดภัยในการนำสารเคมีมาใช้ ข้อควรระวังต่างๆ รวมทั้งการไม่ติดฉลากรายละเอียด คู่มือและขั้นตอนการทำงานเพื่อสื่อสารให้ผู้พบเห็นหรือผู้ใช้เข้าใจถึงอันตรายปฏิบัติงานได้อย่างถูกต้อง ไม่ก่อเกิดอันตรายเป็นการฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามกฎกระทรวงกำหนดมาตรฐานในการบริหาร จัดการและดำเนินการด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัยและสภาพแวดล้อมในการทำงานเกี่ยวกับสารเคมีอันตราย พ.ศ.2556 มีโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 4 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
นายสุเมธ กล่าวด้วยว่า ขอให้สถานประกอบกิจการที่มีการใช้สารเคมีอันตรายให้ปฏิบัติให้ถูกต้องที่กฎหมายกำหนดหากฝ่าฝืนจะดำเนินการตามกฎหมาย กรณีมีข้อสงสัยสอบถามได้ที่สำนักงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานกรุงเทพมหานครพื้นที่ 1-10 สำนักงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานจังหวัดทุกจังหวัด หรือที่โทรศัพท์สายด่วน 1546 .-สำนักข่าวไทย