นครสวรรค์ 19 พ.ค.-ตั้งคณะกรรมการสอบสวน ครูไถผมนักเรียนโพสต์ลงเฟซบุ๊กเกินเหตุหรือไม่
กรณีมีครูคนหนึ่งลงโทษเด็กนักเรียนที่ตัดผมไม่ถูกระเบียบ ที่โรงเรียนแห่งหนึ่งใน อ.ท่าตะโก จ.นครสวรรค์ โดยตัดผมกล้อนและถ่ายภาพโพสต์ในเฟซบุ๊กจนเกิดกระแสการแชร์ต่อในโลกออนไลน์ พร้อมวิพากษ์วิจารณ์การกระทำของครูหนุ่มที่มีการโพสต์ภาพว่าเป็นการกระทำเกินกว่าเหตุ โดยครูคนดังกล่าวเป็นอาจารย์ผู้สอนประจำวิชาคณิตศาสตร์ ได้รับการบรรจุเป็นครูผู้ช่วยเมื่อวันที่ 9 ธ.ค.ปีที่ผ่านมา ซึ่งครูคนดังกล่าวแจ้งว่าทำไปด้วยเจตนาดี เพราะก่อนหน้านี้ช่วงที่มีการประชุมผู้ปกครอง ได้มีการตกลงทำความเข้าใจระหว่างโรงเรียนและผู้ปกครอง ถึงการนโยบายการตัดผมเด็กๆ ให้เป็นทรงนักเรียน ประกอบกับได้ตักเตือนนักเรียนกลุ่มดังกล่าวแล้ว 2-3 ครั้ง ในช่วง 5 วันแรกที่มีการตรวจระเบียบ ก็ยังไม่มีการไปดำเนินการตัดผมแต่อย่างใด ครูจึงได้ตัดผมในช่วงหลังเลิกเรียนก่อนกลับบ้านในช่วงวันที่ 6 นั่นเอง ซึ่งการโพสต์ภาพก็เพื่อเป็นตัวอย่างแก่นักเรียนส่วนใหญ่ที่เล่นเฟซบุ๊ก แต่ไม่ได้มีเจตนาจะประจานเด็กแต่อย่างใด หลังจากนั้นจึงได้ตัดผมเด็กๆ ให้เป็นทรงนักเรียน ไม่ได้ปล่อยให้กลับบ้านไปทั้งที่ผมยังแหว่งอยู่ ทางผู้ปกครองและตัวเด็กเองก็เข้าใจดี และไม่ได้ติดใจเอาความ
ขณะนี้ ครูคณิตศาสตร์ก็มีความเครียดและกังวลใจเป็นอย่างมาก อยากจะขอสังคมให้โอกาส เพราะความเป็นครูย่อมต้องอยากให้นักเรียนได้ดี มีวินัย ตนเองเชื่อว่าเรื่องดังกล่าวจะเป็นบทเรียนสอนครูคนดังกล่าวได้อย่างดี อย่างไรก็ตาม ล่าสุดที่เฟซบุ๊กส่วนตัวของครูคณิตศาสตร์คนดังกล่าว ได้ลบภาพการกล้อนผมนักเรียนออกไปแล้ว ทั้งยังได้โพสต์ข้อความ ระบุ “ถ้าสิ่งที่ผมทำไปในวันนี้มันทำให้ดูไม่ดี ผมขอโทษด้วย ที่ทำไปโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ทำให้เป็นเรื่องราวใหญ่โต ขอโทษท่าน ผอ. คณะครูที่ทำให้เดือดร้อน ไปกับผมด้วย”
ล่าสุด วันนี้ ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่โรงเรียนดังกล่าว ในอำเภอท่าตะโก จังหวัดนครสวรรค์ ทราบว่าครูคนดังกล่าวนั้นเป็นผู้ช่วยฝ่ายปกครอง ซึ่งหลังเกิดเหตุได้ขอลาหยุดราชการ โดยนายสมาน สุวรรณบาง รักษาราชการแทนผู้อำนวยการโรงเรียนฯ บอกว่า ได้ทราบเรื่องดังกล่าวแล้ว ซึ่งทางสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา นครสวรรค์ เขต 3 ก็ได้ตั้งคณะกรรมการสอบสวน พร้อมยืนยันทางโรงเรียนฯ ไม่มีกฎการทำโทษด้วยการกล้อนผม และทางครูผู้ช่วยฝ่ายปกครองคนดังกล่าว ได้เข้าไปขอโทษทางผู้ปกครองของนักเรียนแล้ว ซึ่งทางโรงเรียนจะระมัดระวังไม่ให้เกิดเรื่องแบบนี้อีก.-สำนักข่าวไทย