พม.16 พ.ค.-พม.เสนอรายงาน ครม.รับทราบผลการดำเนินงานป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ของประเทศไทย
นายไมตรี อินทุสุต ปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (ปลัด พม.) กล่าวว่า วันนี้ (16 พ.ค.) กระทรวงการพัฒนาสังคมฯ ได้เสนอรายงานผลการดำเนินงานป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ของประเทศไทย ประจำปี 2559 ต่อคณะรัฐมนตรี เพื่อรับทราบผลการบูรณาการระหว่างส่วนราชการที่เกี่ยวข้องในการต่อต้านการค้ามนุษย์ ตลอดปีที่ผ่านมา
นายไมตรี เปิดเผยว่า คณะรัฐมนตรีได้รับทราบรายงานของประเทศไทย ซึ่งเป็นข้อมูล ชุดเดียวกันที่ได้จัดส่งให้สหรัฐอเมริกา เพื่อใช้ประกอบการจัดระดับใน TIP Report ประจำปี ค.ศ. 2017 และสหรัฐฯ จะเผยแพร่ผลการจัดระดับในปลายเดือนมิถุนายนนี้ โดยมีผลการดำเนินงานที่สำคัญของไทย อาทิ 1) การประกาศใช้พระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2560 มีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 28 มกราคม 2560 แก้ไขเพิ่มเติมคำนิยามและลักษณะความผิดฐานค้ามนุษย์ให้มีความชัดเจนและเพิ่มโทษปรับ ให้สูงขึ้น
2) ดำเนินคดีเพิ่มมากขึ้นกว่าปี 2558 ทั้งในชั้นของพนักงานสอบสวน จาก 317 เป็น 333 คดี ชั้นพนักงานอัยการ จาก 251 เป็น 301 คดี และในชั้นศาล พิพากษาลงโทษจาเลยจาก 205 เป็น 268 ราย นอกจากนี้ ยังดำเนินการยึดทรัพย์ผู้กระทำความผิดฐานค้ามนุษย์ได้มากถึง 784 ล้านบาท มากกว่าปี 2558 จำนวน 3 เท่า (195 ล้านบาท)
3) ดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่ของรัฐที่เข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับการค้ามนุษย์ ปี 2556–2558 จำนวน 35 ราย และในปี 2559 จำนวน 10 ราย รวม 45 ราย
4) ช่วยเหลือผู้เสียหายในสถานคุ้มครอง 561 คน และส่งเสริมให้ผู้เสียหายทำงาน ทั้งในและนอกสถานคุ้มครองฯ จำนวน 196 คน และ 5) ให้เงินรางวัลสำหรับผู้แจ้งเบาะแสคดีค้ามนุษย์และเงินค่าตอบแทนแก่เจ้าหน้าที่ตำรวจที่จับกุมผู้ต้องหาคดีค้ามนุษย์ โดยใช้เงินจากกองทุนเพื่อการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์รวม 12 คดี เป็นเงิน 1,350,000 บาท และอยู่ระหว่างตรวจสอบเอกสารและยื่นเอกสารเพิ่มเติมจำนวน 61 คดี
“นอกจากนี้ กระทรวงเตรียมเผยแพร่ผลการดำเนินงานสำคัญต่างๆในงานวันต่อต้านการค้ามนุษย์ ซึ่งจะจัดขึ้นในวันจันทร์ที่ 5 มิ.ย.60เวลา 13.30 น. ณ ทำเนียบรัฐบาล โดยเชิญนายกรัฐมนตรี (พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา) เป็นประธานเปิดงาน ภายใต้แนวคิด “ประชารัฐร่วมใจ ประเทศไทยไร้การค้ามนุษย์” เพื่อแสดงถึงความมุ่งมั่นของรัฐบาล และพลังในการบูรณาความร่วมมือระหว่างภาครัฐและประชาสังคม ให้ประชาชนและทุกภาคส่วนได้รับทราบต่อไป” นายไมตรี กล่าว .-สำนักข่าวไทย