กรุงเทพฯ 10 พ.ค.- คดีดาบตำรวจ สน.บางเขนชักปืนขู่-ภรรยาเบี้ยวค่าไฟแนนซ์ จบลงด้วยดี ยินยอมจะหาเงินมาจ่ายค่างวดที่ค้างนัดวันชดใช้พรุ่งนี้ ส่วนคดีก็ว่าไปตามกฏหมายเพราะยอมความกันไม่ได้
นางพัชรินทร์ จันทร์ศิริ และนางดาวรุ่ง พนักงานเร่งรัดหนี้สินบริษัท กรุงไทย ออโต้ลีส จำกัด เข้าให้ปากคำพนักงานสอบสวนสน.คันนายาว พร้อมนำเอกสารหลักฐานการมอบอำนาจและเอกสารเช่าซื้อ มอบให้พนักงานสอบสวนตรวจสอบ หลังเกิดเหตุดาบตำรวจ เอกฉัตร สมสิริ ผู้บังคับหมู่งานสืบสวน สน.บางเขน ใช้ปืนข่มขู่ระหว่างติดตามรถยนต์ฮอนด้า แจ๊ส ทะเบียน ฌอ 2979 กทม. คืน เนื่องจากไม่ส่งค่างวดรถนานถึง 2 ปี พร้อมเตรียมแจ้งข้อหาเพิ่มเติม ฐานหมิ่นประมาท เนื่องจาก คู่กรณีกล่าวหาว่า มาทวงถามทรัพย์ผิดขั้นตอน และยืนยันว่าไม่มีการล้อมรถข่มขู่คู่กรณี พร้อมมีหลักฐานชัดเจนว่า คู่กรณีลงนามเอกสารสัญญาการเช่าซื้อและค้ำประกันรถคันดังกล่าวและลงนามยกเลิกสัญญาแล้วด้วย แต่กลับบ่ายเบี่ยงไม่คืนรถยนต์
นอกจากนี้คู่กรณียังใช้อาวุธปืนออกมาข่มขู่ โดยไม่ได้อยู่ระหว่างปฏิบัติหน้าที่และไม่สวมเครื่องแบบตำรวจ ถือเป็นการกระทำไม่เหมาะสม ซึ่งการแจ้งข้อหาข่มขู่เพียงข้อหาเดียวอาจจะเป็นข้อหาที่เบาเกินไป จึงอยากให้พิจารณาแจ้งข้อหาที่เหมาะสม
เวลาต่อมาพันตำรวจเอกสิงห์ สิงห์เดช ผู้กำกับ สน.คันนายาว ได้เชิญดาบตำรวจฉัตร และภรรยา มาเจรจากับบริษัทไฟแนนซ์ เพื่อสอบถามข้อเท็จจริงทั้งหมด นานกว่า 30 นาที ได้ข้อสรุปว่า ทางบริษัทไฟแนนซ์ยินยอมถอนแจ้งความข้อหาข่มขู่ให้ผู้อื่นตกใจกลัว ขณะที่ฝ่ายดาบตำรวจ เอกฉัตรและภรรยา ก็ไม่ติดใจดำเนินคดีตัวแทนบริษัทไฟแนนซ์ในความผิดตามพ.ร.บ.ทวงถามหนี้ พ.ศ.2558 แต่ทางพนักงานสอบสวนจะดำเนินการสอบสวนไปตามขั้นตอนในทุกประเด็นก่อนพิจารณาว่าแจ้งข้อหาหรือไม่เนื่องจากเป็นคดีอาญาแผ่นดินยอมความไม่ได้ ซึ่งหากพบทำผิดจริงจะแจ้งข้อหาและสั่งฟ้องไปตามขั้นตอน
ส่วนเงินค่างวดรถที่ยังติดค้างดาบตำรวจ เอกฉัตรจะหาเงินมาชดใช้ ซึ่งจะมีการนัดวันชดใช้เงินในวันพรุ่งนี้ แต่หากไม่สามารถหาเงินมาชดใช้ก็ยินดีให้ทางบริษัทยึดรถคืน.-สำนักข่าวไทย