ก.แรงงาน 9 พ.ค.-รองโฆษกฯ แรงงาน ชี้แจงการป้องกันปัญหาค้ามนุษย์คืบหน้ามาก ตั้งเป้าปีนี้ลดอันดับมาอยู่ Tier 2 ย้ำนโยบาย รมว.แรงงานบังคับใช้กฎหมายเคร่งครัด ต่อต้านคอร์รัปชั่น ดูแลสิทธิแรงงานตามหลักสากล เพิ่มพนักงานตรวจให้ครบ 1,500 อัตรา พร้อมร่วมมือทุกหน่วยแก้ ปัญหายั่งยืน
นางเพชรรัตน์ สินอวย ผู้ตรวจราชการกระทรวงแรงงาน ในฐานะรองโฆษกกระทรวงแรงงาน เปิดเผยถึงกรณีที่สื่อมวลชนนำเสนอผลสำรวจ ซึ่งระบุว่าปัญหาการค้ามนุษย์แย่ลง ว่า ข้อเท็จจริงเรื่องนี้ ที่ผ่านมากระทรวงแรงงานได้ขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์ด้านแรงงานอย่างจริงจัง โดยได้ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จนได้รับการปรับระดับจาก Tier 3 มาเป็น Tier 2 Watch List ในปีที่ผ่านมา และได้กำหนดมาตรการในการส่งเสริมและปกป้องสิทธิของแรงงานในประเทศไทยทุกสัญชาติอย่างเท่าเทียมกัน ไม่มีการแบ่งแยกว่าเป็นแรงงานสัญชาติใด และมุ่งเน้นการควบคุมและตรวจตราอย่างเข้มงวดผ่านกระบวนการตรวจแรงงาน ซึ่งกำหนดเป้าหมายการตรวจแรงงานให้ครอบคลุมสถานประกอบกิจการทุกขนาด และทุกประเภทกิจการทั่วประเทศ
พร้อมจัดลำดับความสำคัญการตรวจแรงงานในสถานประกอบกิจการที่มีความเสี่ยงต่อการใช้แรงงานเด็ก แรงงานบังคับ แรงงานขัดหนี้ และการค้ามนุษย์ด้านแรงงานเป็นลำดับแรก รวมทั้งจัดวางระบบการบริหารจัดการแรงงานต่างด้าวอย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ซึ่งมีความร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้านอย่างใกล้ชิดผ่านความร่วมมือระหว่างรัฐบาลและภาคีภาค เอกชน องค์การระหว่างประเทศ ตลอดจน NGOs ที่เกี่ยวข้อง โดยยึดแนวทางตามกรอบนโยบายในรูปแบบ 5P ได้แก่ 1) นโยบาย (Policy) 2) การคุ้มครอง (Protection) 3) การบังคับใช้กฎหมาย (Prosecution) 4) การป้องกัน (Prevention) และ 5) การมีส่วนร่วม (Partnership)
นางเพชรรัตน์ กล่าวต่อไปว่า สำหรับการดำเนินงานในอนาคต กระทรวงแรงงานยังคงมุ่งมั่นที่จะบูรณาการการทำงานร่วมกับหน่วยงานราชการ องค์กรภาคประชาสังคมและทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์อย่างต่อเนื่อง โดยปี 2560 ตั้งเป้าหมายให้ได้รับการจัดอันดับใน Tier 2 สำหรับนโยบายสำคัญของพล.อ.ศิริชัย ดิษฐกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน คือการบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด (Zero Tolerance) การต่อต้านการทุจริตคอรัปชั่น (Zero Corruption)
การพิจารณาให้สัตยาบันอนุสัญญา ILO ฉบับที่188 ว่าด้วยการทำงานในภาคประมง การให้สัตยาบันอนุสัญญา ILO ฉบับที่ 98 ว่าด้วยการร่วมตัวและเจรจาต่อรอง และการให้สัตยาบันพิธีสารภายใต้อนุสัญญา ฉบับที่ 29 ว่าด้วยแรงงานบังคับ เพื่อแสดงความมุ่งมั่นของกระทรวงแรงงาน และประเทศไทยที่จะยกระดับการดูแลแรงงานตามหลักสิทธิมนุษยชน ยึดมั่นในหลักมนุษยธรรม และเคารพศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์
ตลอดจนการจัดตั้งศูนย์ร่วมบริการช่วยเหลือแรงงานต่างด้าว จำนวน 10 แห่ง (สมุทรสาคร สุราษฎร์ธานี สงขลา สมุทรปราการ ชลบุรี ระนอง เชียงใหม่ ตาก นครราชสีมา และขอนแก่น) เป็นการดำเนินงานร่วมกัน ระหว่างกระทรวงแรงงานและ NGOs เพื่อสร้างช่องทางการติดต่อสื่อสาร ที่มีประสิทธิภาพ เพื่อให้แรงงานต่างด้าวเข้าถึงบริการและการดูแลจากภาครัฐมากขึ้น และได้อนุญาตให้แรงงานต่างด้าวมาร่วมทำหน้าที่เป็นผู้ประสานงานด้านการสื่อสาร เพื่อให้มีส่วนร่วมในการดูแลเพื่อนแรงงานต่างด้าวพร้อมไปกับการแก้ไขปัญหาการขาดแคลนล่าม
นอกจากนี้กระทรวงแรงงานจะดำเนินการเพิ่มจำนวนพนักงานตรวจแรงงานให้ครบ1,500 อัตรา ตามมาตรฐาน ILO เพื่อให้สามารถดูแลแรงงานให้ได้รับสิทธิต่าง ๆ ตามกฎหมาย และสามารถแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์ที่เป็นภัยคุกคามต่อประเทศชาติได้อย่างยั่งยืน .-สำนักข่าวไทย