กรุงเทพฯ 1 พ.ค. – กกพ.แจงสาเหตุราคาเชื้อเพลิงกระทบค่าเอฟทีงวด พ.ค. – ส.ค.60
นายวีระพล จิรประดิษฐกุล กรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) ในฐานะโฆษก กกพ. ชี้แจงเพิ่มเติมว่าตามที่ กกพ.มีมติเห็นชอบให้ปรับค่าเอฟทีงวดเดือนพฤษภาคมถึงสิงหาคม 2560 ที่ -24.77 สตางค์ต่อหน่วย เพิ่มขึ้นจากงวดที่แล้วเดือนมกราคมถึงเมษายน 2560 เท่ากับ 12.52 สตางค์ต่อหน่วย จนเกิดกระแสข่าวสงสัยจำนวนมากว่าราคาก๊าซธรรมชาติที่มีแนวโน้มลดลงอย่างต่อเนื่อง แต่ทำไมค่าเอฟทียังคงขึ้นได้อย่างไร สำหรับประเด็นข้อสงสัยนี้อาจทำให้ประชาชนเกิดความเข้าใจคลาดเคลื่อน
“กกพ.ขอตอบข้อสงสัยว่าราคาก๊าซปากหลุมต้นปีเดือนมกราคมถึงกุมภาพันธ์เป็นช่วงขาลงจริง แต่ราคาก๊าซจะอ้างอิงราคาน้ำมันย้อนหลังประมาณ 8 – 12 เดือน ราคาก๊าซจึงมีการปรับช่วงเดือนเมษายน ดังนั้น ช่วงเดือนเมษายน – สิงหาคม จึงเป็นช่วงราคาขาขึ้น นอกจากนี้ ราคาก๊าซที่นำไปคิดค่าไฟฟ้า กกพ.ต้องดูราคาก๊าซทั้งหมดที่เรียกว่าราคาพูล (Pool) ประกอบด้วย ก๊าซจากอ่าวไทยและเมียนมาร์ รวมถึงนำเข้าแอลเอ็นจีและก๊าซจากแหล่งในประเทศ เช่น น้ำพอง หรือลานกระบือ ซึ่งราคาพูลที่ใช้คำนวณเป็นช่วงขาขึ้น ประมาณ 210 บาทต่อล้านบีทียู ช่วงเดือนพฤษภาคม – สิงหาคม เมื่อรวมค่าผ่านท่อและค่าดำเนินการจัดหา ทำให้ราคาใช้คำนวณอยู่ที่ 244.58 บาทต่อล้านบีทียู” นายวีระพล กล่าว
ส่วนราคาน้ำมันเตาและน้ำมันดีเซลที่ไม่ตรงกัน เนื่องมาจากในข่าวประชาสัมพันธ์เป็นค่าใช้จ่ายในภาพรวมที่รวมถึงเอกชน IPPs SPPs ด้วย แต่ของเอกสารรับฟังความคิดเห็นเป็นเฉพาะของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เท่านั้น จึงทำให้ค่าที่แสดงแตกต่างกัน ทั้งนี้ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความสับสน กกพ. ได้ปรับปรุงเพิ่มหมายเหตุรายละเอียดให้ชัดเจนยิ่งขึ้นทั้งในเอกสารประชาสัมพันธ์และเอกสารการรับฟังความคิดเห็นแล้ว
“ขณะนี้ กกพ.อยู่ระหว่างการเปิดรับฟังความคิดเห็นจากประชาชนและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียระหว่างวันที่ 19 เมษายน 2560 – 3 พฤษภาคม 2560 เวลา 12.00 น. หากผู้ใดมีข้อคิดเห็นสามารถแสดงความคิดเห็นมาได้ ผ่านช่องทาง www.erc.or.th โดย กกพ.จะรวบรวมผลรับฟังความเห็นประเด็นต่าง ๆ เพื่อมาประกอบการพิจารณาขึ้นค่าเอฟที ทั้งนี้ จะมีการชี้แจงรายละเอียดให้ทราบต่อไป” นายวีระพล กล่าวย้ำ.-สำนักข่าวไทย
