กรุงเทพฯ 7 พ.ย. – เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยด่านเก็บเงินทางด่วนประชาชื่น ให้ข้อมูลกับพนักงานสอบสวนเพิ่มเติม หลังถูกชายไม่ทราบชื่อที่อยู่บนรถกระบะทำร้ายร่างกายขณะปฎิบัติหน้าที่
นายอนิรุธ แสงมิตร เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยด่านเก็บเงินช่องทางพิเศษแห่งประเทศไทย ที่ถูกชายฉกรรจ์ไม่ทราบชื่อที่โดยสารมากับรถกระบะยี่ห้ออีซูซุ สีบรอนเทา เลขทะเบียน 1 ฒผ 5526 กรุงเทพมหานคร ทำร้ายร่างกายบริเวณด่านเก็บเงินทางด่วนประชาชื่นขาเข้า ทางพิเศษศรีรัช เข้าให้ปากคำกับตำรวจ สน.ประชาชื่นเพิ่มเติม หลังจากที่เมื่อวานเข้าแจ้งความลงบันทึกประจำวันไว้แล้ว
นายอนิรุธ เล่าเหตุการณ์เกิดขึ้นช่วงเวลาประมาณ 8 นาฬิกา วันที่ 6 พฤศจิกายน ขณะกำลังโบกรถอยู่ที่ตู้เก็บเงินที่ 13 มีรถกระบะนั่งมาด้วยกัน 5 คน ขับเข้ามา แต่ไม่สามารถผ่านได้เนื่องจากไม่มีบัตรอีซี่พาส จึงบอกให้ถอยหลังไปเข้าตู้ที่ 16 ซึ่งเก็บเงินสด เนื่องจากตู้ที่ 12-15 เป็นช่องอีซี่พาส แต่รถคันดังกล่าวกับถอยหลัง แล้วขับเข้าไปที่ตู้ 12 ไม่สามารถผ่านได้อีก จากนั้นผู้โดยสารที่นั่งมาที่ข้างคนขับก็โวยวายกับเจ้าหน้าที่ซึ่งพยามอธิบายกับคนในรถให้เข้าใจ ตนจึงเดินเข้าไปดู
จากนั้นคนที่นั่งข้างคนขับก็ลงจากรถแล้วเดินตรงมาหาตน ก่อนด่าทอด้วยคำหยาบ กล่าวหาว่าตนพูดจาเสียงแข็งทำเสียงดังใส่ โดยเจ้าหน้าที่ในตู้เก็บเงินได้ตะโกนให้ตนระวังตัว เพราะสังเกตุเห็นคนดังกล่าวทำท่าจับที่เอว คล้ายมีอาวุธ ก่อนที่คนดังกล่าวจะกระชากแขนตนและชกเข้าที่ใบหน้าและดวงตาหลายครั้งจนตนฟุบลงไปกับพื้น และกลับไปขึ้นรถก่อนขับออกไป โดยตนถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลเกษมราษฎ์ ประชาชื่น เพราะได้รับบาดเจ็บที่ดวงตาข้างซ้าย ใบหน้า และที่บริเวณต้นขา เพราะถูกเหวี่ยงล้มทำให้ขาไปกระแทกขอบฟุตบาท ส่งผลให้ขณะนี้เดินไม่ค่อยสะดวกต้องหยุดพักงานก่อน ยืนยันไม่ได้ใช้คำหยาบคาย หรือ ด่าทอคู่กรณี และอยากขอความเห็นใจคนใช้รถเห็นใจเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่ต้องทำงานหนัก
พันตำรวจเอกสามารถ พรหมชาติ ผู้กำกับ สน.ประชาชื่น เปิดเผยว่า เบื้องต้นจะให้พนักงานสอบสวนเรียกสอบปากคำเพื่อนร่วมงานของ รปภ.ที่อยู่ในเหตุการณ์มาให้ข้อเท็จจริงว่าผู้ที่เป็นคนขับรถมีส่วนรู้เห็นหรือร่วมในการก่อเหตุด้วยหรือไม่ ก่อนจะออกหมายเรียกผู้ที่เป็นเจ้าของรถ และผู้ต้องสงสัยที่เป็นผู้ลงมือก่อเหตุมาสอบปากคำ ส่วนการสอบปากคำผู้เสียหายที่ได้รับบาดเจ็บ เพียงรอยฟกช้ำบริเวณใบหน้า และต้นขา ประกอบกับแพทย์ลงความเห็นให้พักรักษาตัว 1 วัน เบื้องต้นพิจารณาว่าเข้าข่ายเป็นความผิด ข้อหาทำร้ายร่างกายผู้อื่นเป็นเหตุให้ไม่ถึงเป็นอันตรายแก่ร่างกายหรือจิตใจ เป็นความผิดลหุโทษ สามารถเปรียบเทียบปรับในชั้นพนักงานสอบสวนหากผู้เสียหายยินยอม โดยมีอัตราโทษปรับสูงสุดไม่เกิน 10,000 บาท.-สำนักข่าวไทย