ดีเอสไอ 28 เม.ย. – ผู้เสียหายถูกหลอกเทรดหุ้นร้องดีเอสไอ สอบเส้นทางการเงินบริษัทฯ หลังแม่ข่ายชักชวนร่วมลงทุนในตลาดหุ้นกว่า 2,000 ล้านบาท ก่อนปิดสำนักงานหนีโกงเงิน-ปิดพอร์ตหนี
นายนรเสฏฐ์ มารีลักษณาพร อายุ45 ปี อาชีพธุรกิจส่วนตัว นำผู้เสียหาย จากการถูกหลอกลงทุนเทรดหุ้นระหว่างประเทศ บริษัท อีเกิ้ลเกท จำกัด มีผู้ได้รับความเสียหาย 200 คน มูลค่าความเสียหายกว่า 2,000 ล้านบาทเข้ายื่นคำร้องกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เพื่อขอให้รับเป็นคดีพิเศษ โดยมีนายณัฐวุฒิ นิติวรยุทธ พนักงานสอบสวนชำนาญการคดีพิเศษ ดีเอสไอ เป็นตัวแทนมารับเรื่อง และจะนำไปตรวจสอบ
นายนรเสฏฐ์ เปิดเผยว่า เมื่อเดือนพฤษภาคมปี 2559 ได้นำเงินมาลงทุนเพื่อซื้อขายแลกเปลี่ยนอัตราเงินระหว่างประเทศในลักษณะการเทรดหุ้นกับบริษัทฯดังกล่าว โดยการชักชวนจากกลุ่มญาติให้ร่วมลงทุน ซึ่งบริษัทอยู่ระหว่างการจัดตั้งสำนักงานในประเทศไทย แต่สามารถร่วมลงทุนด้วยการโอนเงินเข้าบัญชีของตัวแทนบริษัทเพื่อนำไปเทรดหุ้นเพื่อสร้างผลกำไร ในระยะเริ่มก่อตั้งบริษัท ซึ่งมีโครงการจะเปิดตัวในเดือนพฤษภาคมปี 2559 ก่อนที่จะมีการชักชวนสมาชิกมาร่วมงานแกรนด์ โอเพนนิ่งบริษัท เมื่อเดือนสิงหาคม 2559 โดยบริษัทได้ทำการปิดโรงแรมชื่อดังแห่งหนึ่งในพัทยา จ.ชลบุรี มีการเชิญดารานักร้อง ทหาร ตำรวจระดับสูงมาร่วมงานจำนวนมาก รวมทั้งมีซีอีโอ บริษัท ชาวต่างชาติ มาร่วมงาน ตนและญาติเห็นว่ามีความน่าเชื่อถือ และการชักจูงให้ซื้อขายเงินในลักษณะดังกล่าวจะทำกำไรดี จึงนำเงินเก็บมาร่วมลงทุน โดยผู้แนะนำ เป็นมือโปรเทรดหุ้นของบริษัทนำแผนการตลาดมาอธิบายเพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ โดยระบุว่า ผลประโยชน์จากการเทรดหุ้นจะได้รับค่าตอบแทนตามระดับเงินลงทุน โดยการลงทุนขั้นต่ำตั้งแต่ 1,000 เหรียญยูเอสดอลล่าร์ , 50,000 เหรียญยูเอสดอลล่าร์ และระดับสูงสุดคือ 100,000เหรียญยูเอสดอลล่าร์ ระบุจะให้ผลตอบแทนตั้งแต่ร้อยละ 3-20 ขึ้นอยู่กับเงินลงทุน โดยการซื้อขายแลกเปลี่ยนอัตราเงินไทยจะอยู่ที่ 37 บาทต่อเหรียญ แต่ผู้เทรดหุ้นจะได้รับผลตอบแทนอยู่ที่ 34 บาทต่อเหรียญ จนเมื่อถึงช่วงเดือนตุลาคม 2559 เรื่องจึงเริ่มแดง หลังสมาชิกไม่สามารถถอนเงินต้น และผลตอบแทนออกมาได้ ทางบริษัทได้พยายามประวิงเวลาด้วยการอ้างว่าเป็นขั้นตอนการเงินมาจากต่างประเทศจึงต้องใช้เวลา ประกอบกับเริ่มมีสมาชิกที่บริษัทอีเกิ้ล ไปเปิดเครือข่ายทั้งใน จีน อินเดีย มาเลเซีย กัมพูชา และลาว ติดต่อมาว่าเกิดปัญหาไม่สามารถถอนเงินออกมาได้ จึงรู้ตัวแล้วว่าโดนหลอก
“สิ่งที่ทำให้เกิดความน่าเชื่อถือคือ นักเทรดหุ้นของบริษัทจะอ้างว่า แม้จะมีความเสี่ยง แต่ผลตอบแทนคุ้มค่าเพราะเป็นกำไรที่ได้จากการเทรดหุ้นจากตลาดทั่วโลก ทั้งจากตลาดนิเคอิญี่ปุ่น ดาวโจนส์ นอกจากนี้บริษัทดังกล่าวมีสำนักงานใหญ่อยู่ทั่วโลกทั้งจีน ญี่ปุ่น เยอรมันและอังกฤษ โดยสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่รัฐฟลอริด้า จึงนำเงินมาร่วมลงทุน 500,000 บาท และเตรียมจะลงทุนเพิ่มอีก 4 ล้านบาท จากการเทรดหุ้นตัวอื่นมาลงทุนกับบริษัทนี้ ต่อมาเมื่อเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมาก็ไม่สามารถติดต่อกับตัวแทนหรือบริษัทดังกล่าวได้กระดานหุ้นก็ไม่ไม่สามารถเปิดพอร์ตดูหุ้นได้”นายนรเสฎฐ์ กล่าว
ขณะที่นางมุฑิตา ถิละพร อดีตอาจารย์มหาวิทยาลัยเอกชน ซึ่งทำโครงการหมู่บ้านจัดสรร เดอะฮิลล์ พระยาตรัง อายุ 65 ปี กล่าวว่า รู้จักแม่ข่ายของบริษัทดังกล่าว เนื่องจากแม่ข่ายมาติดต่อซื้อบ้านจัดสรรจากสำนักงานขายของตนเมื่อต้นปี 2559 จำนวน 2 หลัง หลังแรกจ่ายเป็นเงินสดจาก การพูดคุยเห็นว่าแม่ข่ายมีความน่าเชื่อถือและมีฐานะดี จึงได้เข้าร่วมลงทุนตามการชักชวน ซึ่งแม่ข่ายได้แนะนำผู้ที่มีความน่าเชื่อถือทั้งคนไทยและชาวต่างชาติให้รู้จักโดยอ้างว่าเป็นซีอีโอของบริษัทเป็นนักค้าเงินพร้อมทั้งนำแผนการลงทุนมาให้ดู ตนจึงได้เริ่มลงทุนเมื่อเดือน ต.ค. 2559จำนวน 50,000 ดอลลาร์ ซึ่งจะได้กำไร 155 ดอลลาร์ ใน 3 เดือนแรก และเดือนที่ 4-6 จะได้เพิ่มเป็น 2 เท่าต่อมาจึงร่วมทุนต่อรวมมูลค่าทั้งหมด 8ล้านบาทได้รับค่าตอบแทนกลับมา1ครั้ง เป็น 680,000 บาท
ด้านนายอภิชาต หรรษาสถิต สจ.กบินทร์บุรี เขต2 จ.ปราจีนบุรี กล่าวว่าได้ลงทุนไป 700,000บาท โดยลงทุนผ่านคนที่รู้จัก ซึ่งในกลุ่มคนที่รู้จักจังหวัดปราจีนรวมเงินกว่า 20 ล้านให้แม่ข่ายรายหนึ่งของบริษัทดังกล่าว ทั้งนี้บริษัท มีการเปิดตัวอย่างยิ่งใหญ่ที่โรงแรมรอยัลคลิฟบีชโฮเต็ล และให้นักลงทุนพักฟรี 3วัน2 คืนตลอดงาน และในงานมีการแจกรถเบนซ์ สร้อยคอทองคำ อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกราคาแพง มีผู้ร่วมทุนจากฟลอริด้ามาร่วมงาน พร้อมจุดพลุอย่างยิ่งใหญ่ และยังมีการเชิญนักร้องชื่อดังมาร่วมเปิดงาน อาทิ ‘เจ’ เจตริน วรรธนะสิน ‘ใบเตย’ อาร์สยาม เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ ตนหลงเชื่อจะเตรียมจะนำเงิน 1.8 ล้านบาทมาร่วมลงทุนอีกแต่ปรากฏว่าเมื่อเดือน พ.ย.ที่ผ่านมาบริษัทดังกล่าวได้ปิดสำนักงานฯหนีไปก่อนจึงทราบว่าถูกหลอกสูญเงิน.-สำนักข่าวไทย