นนทบุรี 24 เม.ย.- อธิบดีกรมการค้าภายใน ชี้แจงขึ้นค่าเอฟทีกระทบต้นทุนสินค้าเพิ่มเพียงร้อยละ 0.002-0.2660 ส่วนกรณีสวนดุสิตโพลเผยผลสำรวจค่าครองชีพแพง ยืนยันรัฐมีมาตรการดูแลใกล้ชิด
นางนันทวัลย์ ศกุนตนาค อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยว่า จากกรณีที่สวนดุสิตโพล เปิดเผยผลสำรวจความคิดเห็นของประชาชนทั่วประเทศ โดยปัญหาอันดับ 1 เศรษฐกิจย่ำแย่ ประชาชนมีความเป็นอยู่ยากลำบาก ร้อยละ 76.50 เนื่องจากค่าครองชีพแพง รายได้ไม่พอรายจ่าย และการค้าการลงทุนชะงัก ประกอบกับผลกระทบการปรับเพิ่มอัตราค่าไฟฟ้าผันแปร (เอฟที) ขึ้นเป็น 12.52 สตางค์/หน่วย จากเดิม 3.3827 บาท/หน่วย เพิ่มเป็น 3.5079 บาท/หน่วย หรือค่าไฟฟ้าเพิ่มขึ้นประมาณร้อยละ 3.70 ตั้งแต่เดือนพฤษภาคม-สิงหาคม 2560 นั้น
ทั้งนี้ การปรับขึ้นค่าไฟฟ้าจะมีผลกระทบต่อต้นทุนราคาสินค้าในหลายหมวด เช่น หมวดอาหารและเครื่องดื่ม อาทิ น้ำอัดลม และน้ำส้มสายชู ของใช้ประจำวัน อาทิ แชมพูสระผม และผ้าอนามัย เครื่องใช้ไฟฟ้า อาทิ ตู้เย็น และเตารีดไฟฟ้า หมวดบริภัณฑ์ขนส่ง อาทิ รถบบรทุกเล็ก และแบตเตอรี่ วัสดุก่อสร้าง อาทิ สังกะสี และปูนซีเมนต์ และหมวดปัจจัยทางการเกษตร อาทิ ปุ๋ยเคมี และจอบ แต่เฉลี่ยเพิ่มขึ้นเพียงร้อยละ 0.0002-0.2660 ถือเป็นการเพิ่มเล็กน้อยเท่านั้น จึงไม่เป็นเหตุที่จะขอปรับเพิ่มราคาสินค้าต่อหน่วยงาน และหากขอปรับเพิ่มมาก็จะไม่อนุมัติให้ปรับขึ้นแต่อย่างใด โดยกรมฯ มีการติดตามดูแลราคาสินค้าทุกสัปดาห์อย่างใกล้ชิดอยู่แล้ว
ทั้งนี้ จากการสำรวจราคาสินค้าอุปโภคบริโภคในปัจจุบัน ส่วนใหญ่ราคายังทรงตัว เช่น สินค้าหมวดอาหารสด ไข่ไก่เบอร์ 3 ราคาฟองละ 2.70-2.80 บาท ยังต่ำกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน ไก่สด กิโลกรัมละ 75-80 บาท เพิ่มขึ้นกิโลกรัมละ 5 บาท เนื่องจากโรงงานหยุดผลิตในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ส่วนเนื้อหมูราคาเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน กิโลกรัมละ 10 บาท เนื่องจากสภาพอากาศร้อนจัด ทำให้หมูโตช้า ส่วนสินค้าโอผู้บริโภค เช่น น้ำมันปาล์มบรรจุขวด 1 ลิตร ขวดละ 38-40 บาท ลดลงจากเดือนที่ผ่านมา 1-2 บาท สบู่ ยาสีฟัน และผงซักฟอก ราคายังคงเดิม ยกเว้นเพียงสินค้าหมวดน้ำมันเชื้อเพลิง เช่น น้ำมันเบนซิน ดีเซล และก๊าซหุงต้ม ราคาเพิ่มขึ้นกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อนเล็กน้อย ตามราคาในตลาดโลก
อย่างไรก็ตาม หากเปรียบเทียบราคาจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภคที่สำคัญของไทยกับประเทศในกลุ่มอาเซียน มีบางรายการราคาต่ำกว่าในบางประเทศ เช่น เนื้อไก่และไข่ไก่ของไทยราคาต่ำสุด และน้ำมันเบนซิน-ดีเซล สูงกว่าประเทศมาเลเซีย อินโดนีเซีย และบรูไน เนื่องจากรัฐบาลให้การอุดหนุน
และมองว่าแนวโน้มราคาสินค้าอุปโภคบริโภค คาดว่าราคาจะทรงตัว เนื่องจากวัตถุดิบสำคัญที่ต้องนำเข้าจากต่างประเทศยังมีราคาเท่าเดิม ประกอบกับค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้น ทำให้ราคาสินค้านำเข้าลดลง แต่หากราคาน้ำมันเชื้อเพลิงมีการปรับตัวสูงขึ้นก็อาจจะส่งผลต่อต้นทุนและราคาสินค้า ขณะที่ราคาพืชผลทางการเกษตรมีการขึ้นลงตามสภาพอากาศในขณะนั้น และเมื่อเที่ยบกับปีที่ผ่านๆ มา ถือว่าปรับขึ้นเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
นอกจากนี้ กรมการค้าภายใน ยังได้จัดโครงการลดค่าครองชีพประชาชน เช่น ธงฟ้าประชารัฐ จำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภคในราคาต่ำกว่าท้องตลาดร้อยละ 15-20 ผ่านช่องทางร้านค้าของกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ซึ่งจะเริ่มดำเนินโครงการในระยะแรก 6,000 แห่งทั่วประเทศในวันที่ 8 พฤษภาคมนี้ และงานลดราคาสินค้า “รวมใจช่วยไทยรับปิดเทอม” ร่วมกับห้างค้าปลีก จำนวน 15 ราย ทุกสาขาทั่วประเทศมากกว่า 13,500 สาขา จำหน่ายชุดนักเรียนและอุปกรณ์การเรียนลดราคา ตั้งแต่วันที่ 27 เมษายน – 14 พฤษภาคม 2560 ลดสูงสุดถึงร้อยละ 80 หากประชาชนพบเห็นราคาสินค้ามีการปรับขึ้นค่อนข้างมาก ให้แจ้งมายังกรมการค้าภายใน ผ่านสายด่วน 1569 ได้ทันที.-สำนักข่าวไทย