กรุงเทพฯ 23 เม.ย.-ศูนย์สำรวจความคิดเห็น “นิด้าโพล” สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ เปิดเผยผลสำรวจความคิดเห็นของประชาชน เรื่อง “วิถีชีวิตคนไทยกับกฎหมายว่าด้วยรถกระบะ” จากประชาชนทั่วประเทศ เกี่ยวกับการห้ามนั่งในแคปและการนั่งท้ายรถกระบะ พบพฤติกรรมการใช้รถกระบะของประชาชนยังมีมากถึงร้อยละ 74.16 ขณะที่ร้อยละ 25.84 ระบุ ไม่ได้ใช้รถกระบะ โดยในจำนวนผู้ที่ใช้รถกระบะส่วนใหญ่ ร้อยละ 74.22 ระบุว่า ใช้รถกระบะมีแคป 2 ประตู รองลงมาร้อยละ 29.02 ระบุใช้รถกระบะ 4 ประตู และร้อยละ 17.58 ระบุ ใช้รถกระบะไม่มีแคป และประชาชนส่วนใหญ่ ร้อยละ 52.32 ไม่ทราบมาก่อนหน้าการประกาศใช้ ม. 44
ขณะที่ร้อยละ 47.68 ระบุทราบมาก่อนหน้านี้แล้ว และร้อยละ 63.92 ระบุว่าไม่ทราบรถกระบะมีแคป “ห้าม” นั่งในแคป เพราะส่วนที่เป็นแคปไม่ได้ออกแบบให้เป็นที่นั่งแต่ไว้สำหรับใส่สิ่งของ มีความผิดฐานใช้รถผิดประเภท
นอกจากนี้ประชาชนมากถึงร้อยละ 83.36 ที่เห็นด้วยกับการแก้ไขกฎหมาย การห้ามนั่งท้ายรถกระบะ และการห้ามนั่งในแคป เพื่อให้สอดคล้องกับสภาพสังคมและวิถีชีวิตความเป็นอยู่ เพราะครอบครัวไทยส่วนใหญ่มีสมาชิกเยอะ และมีความสะดวกในการขนของ มีเพียงร้อยละ 13.84 ระบุว่า ไม่เห็นด้วยกับการแก้ไขกฎหมาย
ทั้งนี้ในส่วนของประชาชนที่เห็นควรให้แก้กฎหมายการห้ามนั่งท้ายรถกระบะ และการห้ามนั่งในแคป ร้อยละ 56.87 ยังเห็นว่าควรแก้กฎหมาย แบบมีข้อจำกัด เช่นนั่งได้เฉพาะเส้นทางรอง จำกัดจำนวนคนที่นั่ง ใช้ความเร็วไม่เกินที่กำหนด หรือนั่งได้ในช่วงเทศกาล
นอกจากนี้ประชาชนร้อยละ 49.60 เห็นว่าควรทำประชาพิจารณ์ รับฟังความเห็นจากประชาชนผู้ใช้รถ เพื่อหาทางออกที่เหมาะสม รองลงมาร้อยละ 22.32 ระบุว่ายังไม่แน่ใจว่าจะมีทางออกหรือการเตรียมความพร้อมอย่างไร หากเริ่มมีการบังคับใช้อย่างจริงจังร้อยละ 17.68 ระบุว่าประชาชนผู้ใช้รถ ควรปฏิบัติให้ถูกต้องตามกฎหมาย เช่นคาดเข็มขัดนิรภัย ใช้ความเร็วตามที่กฎหมายกำหนด ไม่นั่งขอบท้ายกระบะ หรือในแคป หรือหากต้องขนคนขึ้นท้ายกระบะ ต้องขออนุญาตกับเจ้าพนักงานจราจรเป็นครั้งๆ หรือรายกรณีไป ติดตั้งคอก หรือราวกั้นเพิ่มเติมซึ่งมีกฎหมายรองรับอยู่ นอกจากนี้ร้อยละ 15.28 ระบุควรเร่งประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนรับทราบเกี่ยวกับกฎหมายดังกล่าว ร้อยละ12.80 ระบุว่าควรมีการกำกับดูแลให้ทำตามข้อกำหนดอย่างเคร่งครัด.-สำนักข่าวไทย