ทำเนียบฯ 21 เม.ย.-ผู้ว่าการการยางฯ แจงผลประชุมคณะกรรมการนโยบายยางธรรมชาติ นายกฯ สั่งเพิ่มปริมาณการใช้ยางในประเทศอีกเท่าตัว โดยต้องอาศัยความร่วมมือจากภาครัฐและเอกชน
นายธีธัช สุขสะอาด ผู้ว่าการการยางแห่งประเทศไทย เปิดเผยผลการประชุม คณะกรรมการนโยบายยางธรรมชาติ หรือ กนย. ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ว่า ที่ประชุม กนย.เห็นชอบให้มีการขยายระยะเวลาโครงการสนับสนุนสินเชื่อ เป็นเงินทุนหมุนเวียน แก่สถาบันเกษตรกร เพื่อรวบรวมยางพาราทั้งระบบ ในวงเงินสินเชื่อ 10,000 ล้านบาท หลังหลังพบว่าเกษตรกรบางส่วนยังไม่คืนเงินกู้ให้กับธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) จึงมีการขยายเวลาออกไปอีก 1 ปี
นายธีธัช กล่าวอีกว่า ที่ประชุมได้อนุมัติโครงการสร้างความเข้มแข็งให้กับเกษตรกรชาวสวนยาง ซึ่งเป็นโครงการเดิม และให้ความช่วยเหลือเกษตรกรไปแล้วถึง 500,000 ครัวเรือน แต่ยังมีเกษตรกรไม่ได้รับสิทธิ์ตกค้างอีก 11,000 ครัวเรือน จึงได้มีการขยายสิทธิ์ออกไปอีก 30 วันเพื่อให้เกษตรที่ตกค้างเข้าร่วมโครงการฯ และที่ประชุม ยังมีมติขยายระยะเวลาโครงการพัฒนาศักยภาพสถาบันเกษตกร เพื่อรักษาเสถียรภาพราคายาง และโครงการสร้างมูลภัณฑ์กันชนรักษาเสถียรภาพราคายาง จนถึงวันที่ 31 พฤษภาคม 2563
นายธีธัช กล่าวด้วยว่า นอกจากนี้ ที่ประชุม ได้อนุมัติโครงการสนับสนุนสินเชื่อ เป็นเงินทุนหมุนเวียนแก่ผู้ประกอบกิจการยาง โดยรัฐบาลจะสนับสนุนดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 3 ให้กับผู้ประกอบการ โดยรัฐบาลจะไม่ต้องมารับซื้อและเก็บสต็อกยาง โดยโครงการที่เห็นชอบในวันนี้ (21 เม.ย.) จะเสนอให้คณะรัฐมนตรีเห็นชอบดำเนินการต่อไป
“สต็อกยางพาราในประเทศ ยืนยันว่าขณะนี้ปริมาณสต็อกลดลง หากระบายออก ภายในเดือนหน้า ก็จะหมด ขณะที่สต็อกยางในตลาดโลก พบว่าในส่วนอุตสาหกรรมยานยนต์ คาดว่าจะมีการขยายตัวเพิ่มขึ้นถึงร้อย 7-12 โดยเฉพาะประเทศจีนขยายตัวถึงร้อยละ 12.7 ส่งผลให้มีความต้องการยางธรรมชาติเพื่อนำไปผลิตล้อยางเพิ่มมากขึ้น และมีความต้องการใช้ยางมากกว่า” นายธีธัช กล่าว
นายธีธัช กล่าวอีกว่า ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีได้สั่งการให้มีการเพิ่มสัดส่วนการใช้ยางในประเทศให้มากขึ้น และส่งออกให้น้อยลง เพื่อให้เกิดเสถียรภาพด้านของราคายางมากขึ้น ซึ่งจากข้อมูลปริมาณยางล่าสุด พบว่าไทยผลิตได้ถึง 4 ล้านตัน แต่ใช้ในประเทศเพียง 6 แสนล้านตัน จึงตั้งเป้าการใช้ยางในประเทศให้เพิ่มขึ้นอีกเท่าตัว หรือ 1.2 ล้านตัน ซึ่งจำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือจากภาครัฐและเอกชน
“สำหรับราคายางล่าสุด เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ในช่วงเดือนมกราคม ราคายางเพิ่มสูงขึ้นถึงร้อยเปอร์เซ็น โดยเห็นได้จากราคายางแผ่นรมควันชั้น 3 จากปีที่แล้ว อยู่ที่ประมาณ กว่า 30 บาทเท่านั้น วันนี้ อยู่ที่ 70 บาท และช่วงสองสัปดาห์ที่ผ่านมา ราคายางมีความสวิงตัวอย่างมาก สาเหตุมาจากการเก็งกำไรในตลาดล่วงหน้า ทั้งที่ปัจจัยพื้นฐานยังเป็นบวก จึงขอเตือนคนที่จะลงทุนให้มีการติดตามข้อมูลจากทางภาครัฐ” นายธีธัช กล่าว.- สำนักข่าวไทย