นนทบุรี 22 เม.ย. – อคส.เชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องประชุมชี้แจงขั้นตอนการขนย้ายข้าวสารในสตอกรัฐเข้าสู่อุตสาหกรรมที่ไม่ใช่การบริโภคของคน โดยวางระบบคุมเข้มตลอดเส้นทางป้องกันการรั่วไหล แต่ผ่อนปรนขั้นตอน เพื่ออำนวยความสะดวกผู้ชนะประมูลมากขึ้น
พล.ต.ท.ไกรบุญ ทรวดทรง ประธานกรรมการองค์การคลังสินค้า (อคส.) เปิดเผยว่า หลังจากคณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าว (นบข.) อนุมัติให้จำหน่ายข้าวสารในสตอกของรัฐบาลเข้าสู่อุตสาหกรรมที่ไม่ใช่การบริโภคของคน ดังนั้น จึงเชิญผู้แทนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องประชุมเพื่อชี้แจงขั้นตอนการขนย้ายข้าวข้าวสารในสตอกของรัฐบาลเข้าสู่อุตสาหกรรม เพื่อร่วมกันวางมาตรการควบคุมการขนย้ายข้าวออกจากคลังสินค้าต้นทางไปยังคลังสินค้าปลายทาง ป้องกันการรั่วไหลกลับเข้ามาสู่ตลาดข้าวเพื่อการบริโภค
ทั้งนี้ สัปดาห์หน้าจะลงพื้นที่สุ่มตรวจคลังสินค้าที่เป็นคลังสินค้าปลาย ประกอบด้วย เชียงใหม่ เชียงราย กำแพงเพชร นครปฐม ราชบุรี ปทุมธานี ระยอง โดยเป็นการบูรณาการการทำงานร่วมกันขององค์การตลาดเพื่อเกษตรกร (อ.ต.ก.) กรมการค้าต่างประเทศ คสช. สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กองบังคับการตำรวจทางหลวง และกรมทางหลวง
สำหรับขั้นตอนและมาตรการควบคุมการขนย้ายข้าวออกจากคลังสินค้าไปจนถึงโรงงานอุตสาหกรรมของผู้ชนะการประมูล 12 ราย ใน 90 คลัง จาก 27 จังหวัด ปริมาณรวมกว่า 1.17 ล้านตัน มูลค่า 5,796 ล้านบาทนั้น มีการจัดเจ้าหน้าที่สายตรวจสุ่มตรวจตลอดเส้นทางการขนย้ายข้าวและคลังสินค้าต้นทาง และคลังสินค้าปลายทาง โดยไม่แจ้งให้ทราบล่วงหน้า ขณะที่การขนย้ายข้าวครั้งนี้จะไม่ต้องขออนุญาตการขนย้ายจากสำนักงานพาณิชย์จังหวัด ซึ่งครั้งที่ผ่านมาจะต้องขออนุญาต ทำให้การขนย้ายครั้งนี้ทำได้รวดเร็วขึ้น โดยจะมีเจ้าหน้าที่ อคส.และหัวหน้าคลังประจำอยู่ตามโกดังต่าง ๆ รับทราบขั้นตอนการปฏิบัติ และตรวจสอบความถูกต้องของเอกสารที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ซึ่งการขนย้ายข้าวจากเดิมกำหนดให้ขนข้าวตั้งแต่พระอาทิตย์ขึ้นจนถึงพระอาทิตย์ตก แต่ครั้งนี้กำหนดให้รถบรรทุกคันสุดท้ายออกจากโกดังไม่เกินเวลา 18.00 น. มีการซีลรถบรรทุกที่ขนข้าวทุกคันตลอดการขนย้าย โดยระยะเวลาต้องสอดคล้องกับระยะเวลาการเดินทาง หากตรวจพบว่าใช้เวลามากไม่สัมพันธ์หรือผิดปกติเจ้าหน้าที่ตำรวจในจุดตรวจสามารถเรียกให้หยุดเพื่อตรวจสอบได้
ส่วนคลังสินค้าปลายทาง ก็จะติดตั้งกล้อง CCTV และรายงานข้อมูลสินค้าผ่านเว็บไซต์ www.pwo.co.th เพื่อรายงานให้เจ้าหน้าที่ อคส.รับทราบ และเมื่อขนย้ายข้าวถึงสถานที่ปลายทางแล้ว อคส.และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะสุ่มตรวจปริมาณข้าวอีกครั้งว่าตรงตามปริมาณการขนย้ายหรือไม่ หากตรวจพบว่าผู้ซื้อไม่นำข้าวเข้าสู่กระบวนการผลิตทางอุตสาหกรรมตามที่ได้แจ้งไว้ในวัตถุประสงค์ที่ขอซื้อจะต้องชำระค่าปรับร้อยละ 25 ของมูลค่าข้าวสารที่ไม่ได้นำเข้าสู่กระบวนการอุตสาหกรรม และหากเลิกสัญญาผู้ซื้อจะต้องเสียค่าปรับร้อยละ 25 ของมูลค่าปริมาณข้าวสารที่ยังไม่ได้รับมอบและขนย้าย รวมทั้งจะถูกดำเนินคดีตามกฎหมายแพ่งและอาญาด้วย .-สำนักข่าวไทย