สปท.เห็นชอบรายงาน กมธ.การเมือง ปรับที่มากำนัน

รัฐสภา 10 เม.ย.-ที่ประชุม สปท.เห็นชอบรายงาน กมธ.การเมือง ปรับที่มากำนันให้ประชาชนเลือกตั้ง อยู่ในวาระ 5 ปี


การประชุมสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) วันนี้ (10 เม.ย.) ได้พิจารณารายงานของคณะกรรมาธิการขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศด้านการเมือง เรื่อง ข้อเสนอประเด็นสำคัญเพื่อประกอบการพิจารณาแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติลักษณะปกครองท้องที่ พ.ศ.2475 ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการเข้าสู่ตำแหน่งกำนัน วาระการดำรงตำแหน่งกำนัน และการประเมินผลการปฏิบัติหน้าที่ของผู้ใหญ่บ้าน และร่างพระราชบัญญัติลักษณะปกครองท้องที่ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ….

โดยนายเสรี สุวรรณภานนท์ ประธานกรรมการธิการฯ ชี้แจงว่า เนื่องจากที่ผ่านมา การเข้าสู่ตำแหน่งและวาระการดำรงตำแหน่งของกำนันและผู้ใหญ่บ้าน กำหนดให้ผู้ใหญ่บ้านมาจากการเลือกของราษฎรในหมู่บ้านและกำหนดให้กำนันมาจากการคัดเลือกกันเองของผู้ใหญ่บ้านในตำบล โดยมีวาระการดำรงตำแหน่งจนอายุครบ 60 ปี ซึ่งการเลือกดังกล่าว ทำให้พบว่าแนวโน้มการผูกขาดตำแหน่งเกิดการสั่งสมอิทธิพล ขาดการยึดโยงกับราษฎรโดยตรงและไม่สอดคล้องกับวัฒนธรรมการเมืองแบบมีส่วนร่วมของราษฎร และอาจเกิดการแลกเปลี่ยนผลประโยชน์ระหว่างผู้ใหญ่บ้าน จึงไม่เป็นที่ยอมรับโดยแท้จริง ดังนั้นจึงเสนอการปฏิรูป โดยให้ราษฎรในทุกหมู่บ้านเป็นผู้เลือกกำนันโดยตรง และควรมีวาระการเลือกทุก 5 ปี และสามารถดำรงตำแหน่งติดต่อกันได้โดยไม่จำกัดวาระ เพื่อให้ประชาชนมีโอกาสทบทวนผลการปฏิบัติงาน รวมถึงเสนอให้มีการแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติลักษณะปกครองท้องที่ พ.ศ.2475 ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการเข้าสู่ตำแหน่งกำนัน วาระการดำรงตำแหน่งกำนัน และการประเมินผลการปฏิบัติหน้าที่ของผู้ใหญ่บ้าน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการปฏิบัติหน้าที่ของกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และเพื่อประโยชน์ของราษฎร โดยเสนอให้ผู้ใหญ่บ้านได้รับการประเมินผลการปฏิบัติหน้าที่ทุก 3 ปี ให้ผู้ใหญ่บ้านมีสิทธิสมัครรับเลือกเป็นกำนันได้


ขณะที่กรรมาธิการฯ อาทิ นายคำนูณ สิทธิสมาน นายวิทยา แก้วภราดัย และนายชัย ชิดชอบ ชี้แจงเพิ่มเติมว่า บุคคลที่จะเข้ามาเป็นกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ต้องมีความเป็นผู้นำชุมชนและเป็นผู้นำของหน่วยงานรัฐ ดังนั้นการแก้ไขขั้นตอนการคัดเลือกกำนัน ผู้ใหญ่บ้านเพื่อลดการบิดเบือนอำนาจรัฐในการบังคับใช้ และการแก้ปัญหาซื้อสิทธิขายเสียงในการเลือกตั้ง ส.ส. ก็ต้องเริ่มจากการเลือกกำนัน ผู้ใหญ่ที่สุจริต ยุติธรรม พร้อมย้ำว่าการแก้ไขครั้งนี้จะไม่กระทบกับตำแหน่งผู้ใหญ่บ้าน เพราะเมื่อครบ 60 ปี ก็สามารถลงสมัครกำนันได้ ส่วนกำนันจะอยู่ในตำแหน่งจนครบ 5 ปี และเมื่อครบ 5 ปีสามารถใช้สิทธิสมัครเป็นกำนันต่อไปได้ โดยการปล่อยให้ผู้ใหญ่บ้าน กำนัน มีวาระดำรงตำแหน่งถึง 60 ปี ทำให้เกิดการผูกครองตำแหน่งที่นานเกินไป ส่งผลต่อวิธีคิดที่มองว่าใช้ตำแหน่งกับผลประโยชน์ ดังนั้นการเสนอกฎหมายดังกล่าวนี้เพื่อให้สอดคล้องกับการปฏิรูปการเมือง เพื่อให้การเลือกตั้งสุจริตยุติธรรม ซึ่งข้อเสนอนี้เป็นการประนีประนอมมากที่สุดแล้ว

ขณะที่สมาชิก สปท. มีทั้งอภิปรายสนับสนุนและคัดค้าน นายศานิตย์ นาคสุขศรี สมาชิก สปท. เสนอให้มีการกำหนดที่มาของกำนัน ผู้ใหญ่ให้ชัดเจน เพื่อไม่ให้มีหน้าที่เป็นนักการเมืองท้องถิ่น เนื่องจากกำนันที่ได้รับการคัดเลือกมาจากผู้ใหญ่บ้านอาจทำให้เกิดการแลกผลประโยชน์ ไม่ได้รับความน่าเชื่อถือจากชาวบ้าน อีกทั้งหากมีวาระการดำรงตำแหน่งอยู่นานเกินไป อาจก่อให้เกิดการผูกขาด สะสมอิทธิพลในพื้นที่ได้

นายปรีชา บุตรศรี สมาชิก สปท. เห็นว่าแนวทางที่กรรมาธิการฯ เสนอจะทำให้กำนัน ผู้ใหญ่บ้านยึดโยงกับประชาชนได้จริง แต่ไม่สามารถแก้ไขปัญหาการซื้อสิทธิ์ได้ อีกทั้งที่ผ่านมา การได้มาซึ่งกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน มีการปรับเปลี่ยนรูปแบบมาโดยตลอด เพื่อใช้เป็นหัวคะแนนของพรรคการเมือง ขณะที่กำนัน ผู้ใหญ่บ้านถูกออกแบบให้ปกครองท้องที่และดูแลคนในชุมชน ไม่ได้ถูกออกแบบให้เป็นนักการเมือง ดังนั้นจึงจะมาจากการเลือกตั้งเพียงอย่างเดียวไม่ได้ และไม่เห็นด้วยให้กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ดำรงตำแหน่ง 5 ปี แล้วเลือกตั้งใหม่ แต่ให้อยู่ในตำแหน่งจนอายุ 60 ปี


นายไพฑูรย์ หลิมวัฒนา สมาชิก สปท. คัดค้านการกำหนดวาระการดำรงตำแหน่งของกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน เพราะไม่ใช่นักการเมืองท้องถิ่น และต้องเห็นผลประโยชน์ของชาวบ้านเป็นหลัก ซึ่งกำนัน ผู้ใหญ่บ้านมีหน้าที่ในการตรวจสอบความปลอดภัยของลูกบ้าน หากกำหนดวาระการดำรงตำแหน่งไว้ที่ 5 ปีอาจไม่ได้รับการคัดเลือกเข้ามาดำรงตำแหน่งนั้น ๆ อีกทั้งอาจทำให้เกิดความแตกแยกในหมู่บ้าน และไม่เห็นด้วยที่ให้กำนันต้องอยู่ในวาระ 5 ปี เพราะน้อยเกินไป หากให้ดำรงตำแหน่งจนอายุครบ 60 ปีเชื่อว่าจะสามารถปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างเต็มที่ ส่วนการประเมินผลงานของผู้ใหญ่บ้าน กำนัน ควรเพิ่มเติมบทบัญญัติเกี่ยวกับการประเมินเฉพาะบุคคล

ขณะที่ นายธวัชชัย ฟักอังกูร และนางถวิลวดี บุรีกุล สมาชิก สปท.ตั้งข้อสังเกตในทิศทางเดียวกันว่า การกำหนดให้มีวาระการดำรงตำแหน่งแต่ละยุคสมัยไม่เหมือนกัน เพื่อให้สอดคล้องกับกฎหมายที่บังคับใช้ในขณะนั้น และต้องแบ่งหน้าที่ให้ชัดเจนทั้งส่วนกลางและส่วนภูมิภาค ซึ่งกำนัน ผู้ใหญ่บ้านถือเป็นตัวแทนรับฟังความเดือดร้อนของชาวบ้าน อีกทั้งการปกครองท้องที่ถือว่ามีความสำคัญเท่า ๆ กับการปกครองส่วนท้องถิ่น แต่ต้องไม่ผูกติดกับนักการเมือง รวมทั้งการประเมินผลงานของกำนัน ผู้ใหญ่บ้านนั้นควรมีการเปิดเผยต่อสาธารณชนเพื่อให้ชาวบ้านรับรู้ถึงการทำงานของผู้นำชุมชน แต่ต้องมีมาตรการป้องกันผู้ประเมินให้ได้รับความปลอดภัยด้วย

อย่างไรก็ตาม ที่สุดแล้วที่ประชุม ลงมติด้วยคะแนน 91 ต่อ 27 คะแนน งดออกเสียง 32 เสียง เห็นชอบรายงานฉบับดังกล่าวเพื่อส่งให้รัฐบาลดำเนินการต่อไป.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ผบ.พล.7 ของเขมร โดนกระสุนปืนใหญ่ยิงดับ บนช่องตาเฒ่า-ภูมะเขือ

26 ก.ค. – พลตรีดวง ซอมเนียง ผบ.พล.7 ถูกกระสุนปืนใหญ่ยิงเสียชีวิต ที่ช่องตาเฒ่า-ภูมะเขือ จากการปะทะแย่งชิงพื้นที่ระหว่างทหารไทย-กัมพูชา ตลอดวันนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การปะทะระหว่างทหารไทย กับทหารกัมพูชา บริเวณภูมะเขือ และช่องตาเฒ่า ตั้งแต่เช้ามืดวันนี้ ทหารไทยสามารถปกป้องพื้นที่ภูมะเขือ และกดดันทหารกัมพูชาออกจากพื้นที่ได้สำเร็จ ในขณะที่ทหารกัมพูชา พยายามกลับเข้ามาโจมตีกลับ เพื่อยึดภูมะเขือ ส่งผลให้มีทหารกัมพูชาเสียชีวิตหลายนาย หนึ่งในนั้นคือ พลตรีดวง ซอมเนียง ผบ.พล.7 ถูกกระสุนปืนใหญ่ยิงเสียชีวิต ที่ช่องตาเฒ่า-ภูมะเขือ. – สำนักข่าวไทย

ทอ.ส่ง F-16 และ กริพเพน โจมตีสกัดอาวุธวิถีโค้งกัมพูชา

26 ก.ค.- กองทัพอากาศส่ง F-16 และ กริพเพน โจมตียุทธบริเวณ “ภูมะเขือ” สกัดอาวุธวิถีโค้งกัมพูชา อีกจุดปราสาทตาเมือนธม ผลปฏิบัติลุล่วงกลับฐานปฏิบัติด้วยความปลอดภัย เมื่อวันที่ 26 ก.ค.68 กองทัพอากาศ ส่งเครื่องบินขับไล่ F-16 จำนวน 2 ลำ และเครื่องบินกริพเพน จำนวน 2 ลำ ออกปฏิบัติการโจมตี พื้นที่ยุทธบริเวณเป้าหมายทหาร ของทางทหารกัมพูชาบริเวณภูมะเขือ หลังทหารกัมพูชาเตรียมใช้อาวุธวิธีโค้งยิงใส่ฝ่ายไทยหวังยึดภูมะเขือ ส่วนอีกจุดบริเวณปราสาทตาเหมือนธม โดยเป็นจุดที่ทางทหารกัมพูชาได้ตั้งปืนใหญ่และกำลังพลยิงข้ามมายังฝั่งประเทศไทยโดยไร้ทิศทาง ทั้งนี้ผลการปฏิบัติการ ทำลายเป้าหมายได้ทั้งสองจุด ลุล่วงไปด้วยดี และได้บินกลับฐานปฏิบัติด้วยความปลอดภัย ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การขึ้นบินกริพเพนของกองทัพ ในภารกิจสู้รบตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ครั้งนี้ ถือเป็น ‘ประวัติศาสตร์’ ของเครื่องบินขับไล่กริพเพนที่มีประจำการในหลายประเทศ ที่ใช้ในภารกิจสู้รบ-ใช้อาวุธจริงครั้งแรก ที่ผ่านมา กริพเพน ถูกใช้เพียงภารกิจบินรักษาอาณาเขต เช่น บริเวณทะเลบอลติกในทวีปยุโรป ในฐานะสมาชิก ‘นาโต้’ ผ่านเหตุการณ์สู้รบ ‘ยูเครน-รัสเซีย’ และภารกิจเฝ้าตรวจ-คุ้มกันน่านฟ้า ประเทศลิเบีย ที่กองทัพอากาศสวีเดนเข้าร่วมภารกิจ -สำนักข่าวไทย

กริพเพน

ทอ. ส่ง F16 – กริพเพน ปฏิบัติการรอบ 2 ทิ้งบอมบ์พื้นที่ทางทหารเขมร

26 ก.ค. – ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เครื่องบินขับไล่ F-16 จำนวน 2 ลำ และกริพเพน 2 ลำ ออกปฏิบัติการรอบสอง โจมตียุทธบริเวณทำลายพื้นที่ทหารกัมพูชา บริเวณปราสาทตาควาย อ.พนมดง จ.สุรินทร์ ภารกิจลุล่วง และกับฐานปฏิบัติโดยปลอดภัย สำหรับพื้นที่บริเวนนี้ ทหารไทยกับทหารกัมพูชา ปะทะกันดุเดือด โดยทหารไทยพยายามทำลายพื้นที่กัมพูชาวางกำลังไว้หลายระลอก ในขณะที่กัมพูชาโต้กลับและระดมกำลังทหารมาเพิ่มเติม ส่งผลให้พื้นที่บริเวนนี้มีการปะทะดุเดือดตั้งแต่วันที่ 24 ก.ค.ถึงวันนี้. – สำนักข่าวไทย

เปิดภาพคลังอาวุธทหารเชมร “สมรภูมิภูมะเขือ”

26 ก.ค.- เปิดภาพคลังอาวุธทหารเชมร “สมรภูมิภูมะเขือ” ทหารไทยยึดอาวุธปืน-โดรน 11 รายการ พร้อมมือถือ 7 เครื่อง ใช้ถ่ายคลิปยั่วยุทหารไทย เมื่อวันที่ 26 ก.ค.68 รายงานข่าวจากกองทัพภาคที่ 2 ระบุว่า สำหรับปฏิบัติการ ของเจ้าที่ทหารกองทัพภาคที่ 2 บนภูมะเขือที่สามารถยึดกลับคืนมาได้ ทำให้ทหารกัมพูชาเสียชีวิต 10 นาย พร้อมทั้งตรวจพบและสามารถยึดอาวุธ ยุทโธปกรณ์ จำนวน 11 รายการ ประกอบด้วย นอกจากนี้ยังพบโทรศัพท์มือถือ 7 เครื่อง ที่ทางทหารกัมพูชาชอบถ่ายในเวลาทำคลิปเมื่อเจอกับทหารไทยบริเวณแนวชายแดน -สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

แม่ “จ.ส.อ.ธวัชชัย” เปลี่ยนความเสียใจเป็นภาคภูมิใจ

มุกดาหาร 27 ก.ค. – แม่ “จ.ส.อ.ธวัชชัย” ซึ่งเสียชีวิตจากเหตุปะทะไทย-กัมพูชา เปลี่ยนความเสียใจเป็นภาคภูมิใจในตัวลูกชายที่ได้รับใช้ชาติ ที่จังหวัดมุกดาหาร ผู้ว่าราชการจังหวัด เชิญสิ่งของพระราชทานมอบให้ครอบครัว จ.ส.อ.ธวัชชัย บุสภา หรือ จ่าโต๋ ซึ่งเสียชีวิตบริเวณฐานปฏิบัติการฟ้าลั่น (เขาสัตตะโสม) อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ จากเหตุปะทะและการยิงถล่มของกัมพูชาบริเวณเนิน 333 แม่ของ จ.ส.อ.ธวัชชัย บอกว่าตอนนี้ตนได้เปลี่ยนจากความเสียใจเป็นภาคภูมิใจในตัวลูกชายในการรับใช้ชาติ อีกทั้งครอบครัวได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ถือเป็นบุญของลูกชายและครอบครัว ส่วนน้องชายที่เป็นทหารพรานอยู่ตอนนี้ก็ไม่ถอดใจ ส่วนที่ศาลาประชาคมชาวบ้านห้วยเตย ตำบลศรีสุขสำราญ อำเภออุบลรัตน์ จังหวัดขอนแก่น เชิญธงชาติขึ้นสู่ยอดเสาพร้อมใจกันร้องเพลงชาติไทยดังกึกก้องไปทั่วบริเวณ เพื่อแสดงพลังและส่งกำลังใจให้ทหารทุกนายที่ปฏิบัติหน้าที่ปกป้องรักษาชายแดนไทยและประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากเหตุปะทะตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา พร้อมเปิดจุดรับบริจาคสิ่งของเพื่อนำส่งความช่วยเหลือเจ้าหน้าที่และผู้ประสบภัย.-สำนักข่าวไทย

ชายแดนสุรินทร์ยังปะทะหนัก แม้ “ทรัมป์” เสนอเจรจาหยุดยิง

สุรินทร์ 27 ก.ค.-ชายแดนสุรินทร์ยังปะทะหนัก กัมพูชาเปิดฉากยิงใส่แต่เช้ามืด กระสุนบางส่วนตกใส่หมู่บ้านฝั่งไทย ขยายรัศมีไกลขึ้นเรื่อยๆ แม้ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ เสนอเจรจาหยุดยิง แม้จะมีการเจรจาหยุดยิงผ่านประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐอเมริกา แต่ขณะที่ยังไม่มีการเจรจาทวิภาคี ระหว่างไทย-กัมพูชา เช้ามืดวันนี้ ชายแดนด้านจังหวัดสุรินทร์ ก็ยังมีการปะทะกันอย่างหนัก จนกระสุนมาตกสร้างความเสียหายให้ราษฎรไทยอย่างที่เห็น“ สถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ด้านปราสาทตาควายและตาเมือนธม อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ เริ่มเปิดฉากปะทะกันตั้งแต่ช่วงตี 4 กระสุนจากการประทะบางส่วนเข้ามาตกในหมู่บ้านแห่งหนึ่ง ตำบลบ้านพลวง อำเภอปราสาท จังหวัดสุรินทร์ ซึ่งปรากฏกระสุนรุกล้ำดินแดนไทยลึกเข้ามาเรื่อยๆ ส่งผลให้บ้านเรือนประชาชนได้รับความเสียหายทั้งหลัง และมีไฟลุกไหม้ เศษสังกะสี ซีเมนต์ วัสดุโครงสร้างบ้านปลิวกระจัดกระจาย เคราะห์ยังดี ที่เจ้าของบ้านอพยพออกนอกพื้นที่หมดแล้ว เพราะเจ้าหน้าที่ขอร้องให้อพยพออกไปเมื่อวานนี้ จึงไม่มีใครได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต บางจุดลงฟาร์มวัววากิว ทำให้วัวตายไป 6 ตัว เจ้าของวัวเล่าว่า ตื่นขึ้นมาก็ได้ยินเสียงลูกปืนใหญ่ของ 2 ฝ่าย และสังเกตเห็นจรวด BM-21 พุ่งเข้ามาที่คอกวัว จึงได้หลบหาที่กำบัง พอเสียงเงียบ ตนก็รีบออกมาดู ก็พบว่า วัวของตนถูกกระสุนตายไป […]

บุรีรัมย์สั่งอพยพชาวบ้านเพิ่ม 3 อำเภอ

บุรีรัมย์ 27 ก.ค.-บุรีรัมย์ ประกาศให้ชาวบ้านอพยพเพิ่มอีก 3 อำเภอ หลังพื้นที่ปะทะและรัศมีอาวุธขยายไปไกลขึ้น ทั้งวัด โรงเรียน ศูนย์พักพิงชั่วคราว และ รพ.อีก 2 แห่ง ต้องอพยพผู้ป่วยด่วน เหลือเพียงหน่วยรับผู้ป่วยฉุกเฉิน ช่วงเวลาบ่าย 2-3 โมง เมื่อวานนี้ ในพื้นที่จังหวัดบุรีรัมย์ มีเสียงปืน เสียงระเบิดดังเป็นระยะ และมีกระสุนปืนใหญ่ ตกในพื้นที่ อ.ละหานทราย จ.บุรีรัมย์ จึงประกาศให้ชาวบ้านในพื้นที่ 3 อำเภอ คือ อ.ละหานทราย อ.เฉลิมพระเกียรติ และ อ.โนนดินแดง อพยพไปอยู่ตามบ้านญาติ หรือศูนย์พักพิงที่ห่างไกลจากรัศมีวิถีกระสุนปืนใหญ่ และอาวุธหนัก บางครัวเรือนก็มีลูกหลานมารับออกไปแล้ว ส่วนชาวบ้านที่ไม่มีรถยนต์ส่วนตัว ทางเจ้าหน้าที่จากหลายหน่วยงาน ก็ได้จัดรถไปช่วยอพยพชาวบ้านออกจากพื้นที่ด้วย ด้าน โรงพยาบาลในพื้นที่ 2 แห่ง คือ รพ.ละหานทราย และ รพ.เฉลิมพระเกียรติ ก็มีการอพยพผู้ป่วยออกจากโรงพยาบาลเช่นกัน รวมถึงให้แพทย์ พยาบาล และเจ้าหน้าที่ถอนกำลังออกจากพื้นที่ เหลือไว้แค่หน่วยที่จะรับผู้ป่วยฉุกเฉิน […]

Trump says he is seeking a ceasefire between Thailand, Cambodia

“ทรัมป์” โยงเรื่องการค้ากับหยุดยิงไทย-กัมพูชา

เอดินบะระ 27 ก.ค.-  ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐ พูดคุยกับผู้นำของทางการไทยและกัมพูชา โดยโยงเรื่องการเจรจาทางการค้ากับสหรัฐกับเรื่องหยุดยิงของทั้ง 2 ประเทศ ด้านนายกรัฐมนตรีมาเลเซียจะผลักดันข้อเสนอหยุดยิงระหว่างไทยและกัมพูชา ในระหว่างการเยือนสกอตแลนด์เมื่อวันเสาร์ตามเวลาท้องถิ่น ประธานาธิบดีทรัมป์ได้โพสต์ในทรูธโซเชียลที่เป็นสื่อสังคมออนไลน์ของเขาเกี่ยวกับสถานการณ์ไทยและกัมพูชา 3 โพสต์ติดต่อกัน โพสต์แรกระบุว่า ได้หารือทางโทรศัพท์กับนายกรัฐมนตรี มาเนตกัมพูชาและนายภูมิธรรม เวชยชัย รักษานายกรัฐมนตรีของไทย เรื่องการหยุดยิงและยุติสงครามที่กำลังดำเนินอยู่ สหรัฐซึ่งกำลังหารือทางการค้ากับทั้ง 2 ประเทศอยู่ในขณะนี้ไม่ต้องการทำข้อตกลงกับประเทศใดประเทศหนึ่งหากยังมีการสู้รบกันอยู่ กัมพูชาจะแสดงท่าทีเรื่องหยุดยิงหลังจากที่เขาได้คำตอบจากไทยในเรื่องนี้ นายทรัมป์ระบุด้วยว่า สถานการณ์ระหว่างไทยกับกัมพูชาทำให้เขานึกถึงสถานการณ์ความตึงเครียดระหว่างปากีสถานกับอินเดียที่ได้รับการยับยั้งเป็นผลสำเร็จ หลังจากนั้นราว 1 ชั่วโมง ประธานาธิบดีทรัมได้โพสต์ข้อความใหม่ว่า ได้สนทนากับรักษาการนายกรัฐมนตรีของไทย ฝ่ายไทยต้องการหยุดยิงและสันติภาพเช่นเดียวกับกัมพูชา และหลังจากนั้นไม่นานผู้นำสหรัฐโพสต์ข้อความที่ 3 ว่า เพิ่งเสร็จสิ้นการสนทนากับนายกรัฐมนตรีกัมพูชาและแจ้งเรื่องที่ได้หารือกับทางการไทย ทั้ง 2 ฝ่ายต้องการหยุดยิงและสันติภาพ และต้องการกลับมาเจรจาทางการค้ากับสหรัฐ โดยตกลงจะพบหารือและหาทางหยุดยิงโดยทันที ด้านนายกรัฐมนตรีอันวาร์ อิบราฮิมของมาเลเซีย เปิดเผยกับสื่อที่เมืองปุตราจายาเมื่อวานนี้ว่า จะเดินหน้าผลักดันข้อเสนอหยุดยิงระหว่างไทยและกัมพูชา ซึ่งยังคงมีการยิงปะทะกันอยู่ เขาได้ขอให้รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศของมาเลเซียประสานงานกับรัฐมนตรีต่างประเทศของไทยและกัมพูชา และหากเป็นไปได้ เขาจะเข้าไปประสานงานด้วยตัวเองเพื่อหยุดยั้งการสู้รบ รอยเตอร์รายงานว่า กัมพูชาสนับสนุนข้อเสนอของนายอันวาร์ ส่วนไทยระบุว่า เห็นชอบในหลักการ.-820(814).-สำนักข่าวไทย