ชทพ.ปูพรม 18 โซนพบ ปชช.โค้งสุดท้าย

สุพรรณบุรี 11 พ.ค.-“สรชัด” มั่นใจ ชทพ.ในสุพรรณบุรีไม่โดนเจาะ พรุ่งนี้เดินปูพรม 18 โซน ย้ำเบอร์คน เบอร์พรรค เมินคู่แข่งปั่นกระแส ดิสเครดิต ชี้ “บรรหาร” สอนยึดผลงาน-ความคิดพื้นฐาน ทำเพื่ออนาคตอย่างยั่งยืน


นายสรชัด สุจิตต์ ผู้สมัคร ส.ส.สุพรรณบุรี เขต 1 (อ.เมืองสุพรรณบุรี) พรรคชาติไทยพัฒนา (ชทพ.) ให้สัมภาษณ์ถึงสถานการณ์เลือกตั้งช่วงโค้งสุดท้ายในพื้นที่เขต 1 ว่า ถึงเวลานี้ยังเชื่อว่าในพื้นที่ จ.สุพรรณบุรี เราต้องไม่พลาด โดยเฉพาะการเจาะลงพื้นที่ เพราะพรรคอื่นมาทางออนไลน์ พลังของพวกเราที่ทุกคนในพื้นที่ได้สัมผัส เรายังได้รับความนิยมใน จ.สุพรรณบุรี อย่างไรก็ตาม เมื่อการเลือกตั้งปี 2562 ผู้สมัคร ส.ส.ของพรรคอนาคตใหม่ ซึ่งได้คะแนนมาเป็นลำดับ 2

“หลังการเลือกตั้งเสร็จสิ้น ผู้สมัคร ส.ส.คนนั้นได้มาช่วยผมทำงาน ผมเปิดกว้างให้คนสุพรรณบุรีที่จะทำงานให้กับบ้านเมือง ไม่เคยปิดกั้น ทั้งยังดึงเด็กและเยาวชนใน จ.สุพรรณบุรี มาทำงาน เพื่อปลูกฝังให้เขารู้ว่า สุพรรณบุรี คือบ้านของเรา ทำให้ได้เห็นว่า หลายคนที่ร่วมทำงานกับพรรคอนาคตใหม่ในการเลือกตั้งครั้งก่อน ก็ได้เข้ามาทำงานร่วมกับเราในพรรค ชทพ. ได้ทำงานร่วมกัน เด็กๆ เขาก็มีความฝันของเขาที่จะทำงานการเมือง” นายสรชัด กล่าว


นายสรชัด กล่าวว่า กระแสก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้บางคนเกิดการตื่นตระหนก แต่สำหรับตนแล้วยังเชื่อมั่นเรื่องการทำงานในพื้นที่อยู่เหมือนเดิม ซึ่งเราทำงานใกล้ชิดพื้นที่มาตลอด ตั้งแต่พรรคชาติไทย มาจนถึงพรรคชทพ. และผู้ใหญ่ในพรรคได้สอนมาตลอดว่า ถึงอย่างไรเราก็ต้องไม่ประมาท อยู่ในพื้นที่และเข้าถึงประชาชนให้ได้ตลอดเวลา จึงเชื่อมั่นว่าเราจะได้รับการตอบรับจากประชาชนอย่างชัดเจน ได้คะแนนหนาแน่น แต่สำหรับกระแสโซเชียลที่เกิดขึ้นในขณะนี้ ไม่ใช่ครั้งแรกที่เป็นแบบนี้ เพราะเกิดขึ้นมาตั้งแต่การเลือกตั้งปี 62 ในครั้งนั้นหลายคนก็ตกใจว่าทำไมคะแนนของพรรคอนาคตใหม่กระแสดีขนาดนั้น ขอบอกว่าเราปรับตัวการทำงานมาตั้งนานแล้ว ไม่ใช่เพิ่งมาปรับ เราทำงานกับเยาวชนมากขึ้น สื่อสารกันมากขึ้น เปิดโอกาสให้เด็กและเยาวชนได้มีโอกาสทำงาน เพื่อให้เข้าถึงกันได้มากขึ้นกว่าเดิม

เมื่อถามย้ำว่า คนในพื้นที่ยังมองผลงานในพื้นที่เป็นหลักมากกว่ากระแสใช่หรือไม่ นายสรชัด กล่าวว่า คนในสุพรรณบุรีส่วนใหญ่ทราบดี โดยเฉพาะถ้าดูจากเฟซบุ๊กของตนจะพบว่าไม่ค่อยมีเยาวชนเข้ามาก่อกวน เชื่อว่าเด็ก ๆ หลายคนทราบดีว่าตนทำงานและมีผลงานอย่างไรในพื้นที่ สำหรับวันพรุ่งนี้(12 พ.ค.) จะปรับกลยุทธ์หาเสียงโค้งสุดท้ายจากเมื่อก่อนที่นายบรรหาร และสมาชิกพรรคจะเดินหาเสียงในตลาดจ.สุพรรณบุรี แต่ครั้งนี้นายวราวุธมีนโยบายว่าจะเดินหาเสียงอย่างไรไม่ให้มีผลกระทบต่อประชาชนจำนวนมาก โดยเฉพาะเรื่องการจราจร

“การหาเสียงพรุ่งนี้จะแบ่งสายกันเดิน 18 โซน ปูพรมไปพร้อมกัน โดยจะเริ่มต้นจากสวนเฉลิมภัทรราชินี (หอคอยบรรหารแจ่มใส) ซึ่งเป็นสวนสาธารณะกลางเมืองสุพรรณบุรี และกระจายออกเป็น 18 โซน เพราะออกเดินรณรงค์หาเสียงพร้อม ๆ กันเพื่อย้ำเบอร์และจะเน้นย้ำการสื่อสารให้พี่น้องประชาชนชัดเจนเรื่องที่ต้องกาบัตรสองใบ โดยจะมีทั้งผู้ใหญ่ของพรรคชทพ.และมีนิวเจนเนอเรชั่น ซึ่งคนรุ่นใหม่หน้าใหม่ในเมือง เป็นภาคธุรกิจสร้างเศรษฐกิจในกับจ.สุพรรณบุรี อาทิ อุตสาหกรรมอะไหล่รถยนต์ อุตสาหกรรมอาหาร การเกษตร อุตสาหกรรมภาคบริการ และยังมีเด็กรุ่นใหม่ที่ทำพืชสมุนไพร เหล่านี้จะเป็นนิวเจนฯ ของพรรค​ซึ่งผมพยายามสร้างเป็นเครือข่าย” นายสรชัด กล่าว


 นายสรชัด กล่าวว่า พรุ่งนี้พรรคเราจะมีทั้งคนรุ่นใหญ่และรุ่นใหม่ ร่วมเดินรณรงค์หาเสียงไปด้วยกัน เราลงพื้นที่ปฏิบัติงานกันจริง ทำงานอยู่ข้างหลัง แล้วไม่ได้นำมาเผยแพร่ทางโซเชียล เรามีความชัดเจนในการทำงาน ซึ่ง “นิวเจนฯ”หรือ “ยังเจนฯ” ของพรรคทำงานกับคนรุ่นใหญ่ของพรรค เพื่อช่วยกันกำหนดทิศทางของจ.สุพรรณบุรี เป็นการทำงานร่วมกัน รับฟังจากทุก ๆ คน แล้วนำมาขับเคลื่อนแต่ละบทบาทหน้าที่ ตามนโยบายของพรรคชทพ.ว่าเรารับฟังและทำจริง โดยอาศัยประสบการณ์และพื้นฐานของรุ่นใหญ่ ประกอบกับองค์ความรู้และนวัตกรรมจากคนรุ่นใหม่ นำมาปรับเปลี่ยนขับเคลื่อน เดินร่วมกันต่อไปข้างหน้า

เมื่อถามว่าแสดงว่ากระแสนิวโหวตเตอร์ครั้งนี้ไม่แรงมากใช่หรือไม่ นายสรชัด กล่าวว่า อยู่ในเกณฑ์กลาง ๆ ไม่แรงเท่าไหร่ ส่วนใหญ่อยู่ในกทม. ไม่ได้สัมผัสเราในพื้นที่ และนิวโหวตเตอร์บางคนที่อยู่ในจ.สุพรรณบุรี เขาจะอยู่ในโลกโซเชียลและไม่ได้สัมผัสเราก็มี มีอยู่ทุกส่วน แต่ไม่ใช่ว่านิวโหวตเตอร์ทั้งหมดจะไปทางนั้น ตนยืนยันว่าจากการประเมินสถานการณ์เลือกตั้งจนถึงเวลานี้ ไม่มีอะไรทำให้หวั่นไหว เมื่อถามย้ำว่าคิดว่าจะสามารถดึงกลุ่มนิวโหวตเตอร์บางส่วนกลับมาได้หรือไม่

“ผมมองว่า บางคนเขาตัดสินใจแล้ว แล้วจะให้เราไปเปลี่ยนเขาให้เขาเปลี่ยนการตัดสินใจภายใน 1-2 วัน คงไม่ได้ แต่ในอนาคต ผมมองว่าน้องๆคงกลับมา เพราะเราทำผลงาน เราไม่ได้พูดอย่างเดียว อีกทั้งที่ผ่านมา ผมมีทั้งวิเคราะห์จุดอ่อนของตัวเอง จุดแข็งของคู่แข่ง พยายามปรับปรุงตัวเองมาตลอด และครั้งนี้มั่นใจว่าไม่เสียแชมป์แน่นอน ส่วนที่มีผลโพลออกมาว่าเขตนี้เป็นจุดเสี่ยง ที่ชทพ.อาจเพลี่ยงพล้ำได้นั้น ก็เอาเลย เดี๋ยววันที่ 14 พ.ค.รู้กัน” นายสรชัด กล่าว

ส่วนที่ในช่วงโค้งสุดท้ายมักจะมีพรรคคู่แข่งพยายามดิสเครดิตเพื่อแย่งชิงคะแนนเสียง นายสรชัด กล่าวว่า อยู่ที่จริยธรรมของคน ถ้าจะเอาชนะกันด้วยทุกวิถีทางเพื่อให้ได้ชนะ ก็ถือเป็นจริยธรรมการทำงานของแต่ละคน แต่สำหรับชทพ.เราทำงานด้วยผลงาน และความคิดพื้นฐานที่ทำเพื่ออนาคตอย่างยั่งยืน ซึ่งสิ่งนี้คือสิ่งที่นายบรรหาร สอนพวกเรามา.-สำนักข่าวไทย     

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

พบร่างพลทหารรัวยิงชาวบ้านแล้ว คาดจบชีวิตตัวเองในป่า

15 ส.ค.- พบร่างพลทหารที่ก่อเหตุยิงชาวบ้านแล้ว คาดใช้อาวุธปืนจบชีวิตตัวเอง ห่างจากที่เกิดเหตุประมาณ 200 เมตร อยู่ระหว่างเคลียร์พื้นที่ นำร่างผู้เสียชีวิตออกมา เมื่อเวลาประมาณ 10.30 น. พบร่างพลทหารที่ก่อเหตุยิงชาวบ้านแล้ว คาดใช้อาวุธปืนจบชีวิตตัวเอง ห่างจากที่เกิดเหตุประมาณ 200 เมตร ซึ่งเป็นป่าติดกับคลองส่งน้ำ เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างเคลียร์พื้นที่ นำร่างผู้เสียชีวิตออกมาส่งพิสูจน์ทราบต่อไป ด้านครอบครัวที่มาเฝ้ารอ ต่างเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น – สำนักข่าวไทย

ทบ.แจงเหตุทหารรัวยิงชาวบ้านกาบเชิง เจ็บ 2 ยังคุมตัวไม่ได้

15 ส.ค.- กองทัพบกแจงเหตุทหารหนีออกจากหน่วยพร้อมอาวุธปืน รัวยิงกลางดึก ชาวบ้านกาบเชิง เจ็บ 2 ราย จนท.เร่งล่า ยังไม่พบตัว หากประชาชนพบเห็นรีบแจ้งทันที กองทัพบกชี้แจงเหตุการณ์ใช้อาวุธปืนในพื้นที่อำเภอกาบเชิง จังหวัดสุรินทร์ เมื่อวันที่ 15 สิงหาคม 2568 เวลา 00.45 น. กำลังพลกองร้อยทหารราบที่ 1623 ได้ยินเสียงปืนดังเป็นชุด จำนวน 10 นัด บริเวณถนนข้างวัดบ้านเขื่อนแก้ว อำเภอกาบเชิง จังหวัดสุรินทร์ ต่อมาเวลา 00.54 น. ได้ยินเสียงปืนเพิ่มอีก 2 นัด จากการตรวจสอบกำลังพลและอาวุธประจำกาย พบว่า พลทหารรัฐภูมิ เทพศิริ สังกัดกองร้อยทหารราบที่ 1623 ได้ออกจากที่ตั้งโดยไม่ได้รับอนุญาต พร้อมอาวุธปืนเล็กยาวและกระสุนจำนวนหนึ่ง เจ้าหน้าที่ได้เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ พบผู้ได้รับบาดเจ็บ 2 ราย ได้แก่ ผู้บาดเจ็บทั้งสองรายได้รับการปฐมพยาบาลเบื้องต้นและส่งโรงพยาบาลกาบเชิง ก่อนส่งต่อรักษาตามความเหมาะสม โดยขณะนี้พ้นขีดอันตรายแล้ว เจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจร่วมกับกำลังพลกองร้อยทหารราบที่ 1623 ได้ตรวจสอบพื้นที่และสอบถามพยาน เบื้องต้นคาดว่าพลทหารดังกล่าวอาจเป็นผู้ก่อเหตุ […]

แจ้งจับ “ภูมิธรรม” ปล่อยกัมพูชารุกราน ทำไทยเสียเปรียบ

ขอนแก่น 15 ส.ค. – องค์กรต่อต้านคอร์รัปชันภาคพลเมืองจังหวัดขอนแก่น แจ้งความเอาผิด “ภูมิธรรม” รักษาการนายกฯ ไม่ทำหน้าที่ตัวเอง ปล่อยกัมพูชารุกรานไทย องค์กรต่อต้านคอร์รัปชันภาคพลเมืองจังหวัดขอนแก่น เข้าแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวน เพื่อเอาผิด นายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาการนายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย ในข้อหาหรือฐานความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา ม.119, ม.120, ม.124 ม.157 และมาตราอื่นที่เกี่ยวข้อง นายตุลย์ ประเสริฐศิลป์ ประธานองค์กรต่อต้านคอรัปชั่นภาคพลเมืองจังหวัดขอนแก่น กล่าวว่า การมาร้องทุกข์กล่าวโทษครั้งนี้ ด้วยเรื่องเอกราชและอธิปไตยของชาติเป็นสิ่งสำคัญสูงสุด แต่รักษาการนายกฯ ไม่ได้ทำหน้าที่ตัวเอง โดยปล่อยปละละเลยทำให้ต่างชาติรุกรานประเทศไทย ต้องปกป้องรักษาเอกราชและอธิปไตยของชาติให้มั่นคง แต่ที่ทหารขาขาด บาดเจ็บ ประชาชนล้มตายทรัพย์สินเสียหาย คือ ความร้ายแรงของของผู้รักษาการนายกรัฐมนตรีต้องทำและต้องปกป้องให้ได้ แต่ไม่มี มีแต่ไปเข้าข้างศัตรูโดยเฉพาะกัมพูชา เป็นโทษร้ายแรงมาก.-สำนักข่าวไทย

“วีระ” เตือน รัฐบาลควรเลิกนโยบายกึ่งการคลัง หลังแบกหนี้ 1 ล้านล้านบาท

รัฐสภา 15 ส.ค.-“วีระ” เตือน รัฐบาลควรเลิกนโยบายกึ่งการคลัง ผ่านสถาบันการเงินเฉพาะกิจ หลังแบกหนี้ 1 ล้านล้านบาท ตั้งคำถามหลายรัฐวิสาหกิจมีผลกำไรดี จะมาตั้งของบอีกทำไม นายวีระ ธีระภัทรานนท์ ในฐานะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณางบประมาณรายจ่ายประจำปี 2569 ในเรื่องของรัฐวิสาหกิจ ว่า ในเอกสารงบประมาณที่เป็นงบประมาณรายจ่าย มาตรา 29 มีรัฐวิสาหกิจ 21 แห่งของบประมาณรวมกันทั้งสิ้น 79,298 ล้านบาท แต่ค่าใช้จ่ายของรัฐวิสาหกิจทั้งหมด 1.43 แสนล้านบาท ซึ่งในรัฐวิสาหกิจ 21 แห่งที่ของบประมาณมาตนไม่ค่อยติดใจ เพราะมีรัฐวิสาหกิจจำนวนหนึ่งไม่มีรายได้ อีกส่วนเป็นรัฐวิสาหกิจมีรายจ่ายมากกว่ารายได้ บางรัฐวิสาหกิจมีหนี้สินจำนวนมาก เช่น ขสมก. การรถไฟแห่งประเทศไทย นายวีระ ฝากไปถึงคนที่ต้องจัดการรัฐวิสาหกิจว่า รัฐวิสาหกิจที่มีปัญหารัฐบาลต้องตัดสินใจให้เด็ดขาดว่า รัฐวิสาหกิจเหล่านั้นคงอยู่ต่อไปในสภาพแบบนั้น หรือ จะดำเนินการแปรรูปให้เอกชนเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ เพื่อไม่ให้เกิดภาระการคลังในอนาคตอย่างที่เป็นอยู่ปัจจุบัน สำหรับกรณี บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ซึ่งประสบความสำเร็จในการฟื้นฟูกิจการ โดยที่รัฐบาลยังถือหุ้นใหญ่อยู่ประมาณ 40% แต่ไม่มีสถานะภาพเป็นรัฐวิสาหกิจอีกต่อไป […]

ข่าวแนะนำ

“มาริษ” นำคณะทูตดูการเก็บกู้ทุ่นระเบิดบนภูมะเขือ

ศรีสะเกษ 16 ส.ค. – รมว.ต่างประเทศ นำคณะทูต 33 ประเทศ ดูการเก็บกู้ทุ่นระเบิดบนภูมะเขือ เตรียมพื้นที่บ้านภูมิซรอล หมู่ 13 ที่ถูกกระสุนจรวด BM-21 เสียหายหนัก 2 หลัง ให้คณะทูตแวะตรวจสอบหลังเสร็จสิ้นภารกิจบนภูมะเขือ หลังจากฟังบรรยายสรุปสถานการณ์ในภาพรวมที่โรงเรียนภูมิซรอลวิทยา อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ได้นำคณะทูตประเทศภาคีอนุสัญญาออตตาวา และตัวแทนองค์กรระหว่างประเทศ รวม 33 ประเทศ ขึ้นไปสำรวจพื้นที่และดูการเก็บกู้ทุ่นระเบิดบนภูมะเขือ ที่อยู่ใกล้แนวปราสาทพระวิหาร เจ้าหน้าที่ขอความร่วมมือสื่อมวลชนที่ขึ้นภูมะเขือ งดถ่ายภาพติดพื้นที่ทหารและอาวุธยุทโธปกรณ์ต่างๆ ระหว่างทางขึ้น ด้วยเหตุผลด้านความมั่นคง นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ยังเตรียมพื้นที่บ้านภูมิซรอล หมู่ 13 ที่ถูกกระสุนจรวด BM-21 เสียหายหนัก 2 หลัง และเพื่อนบ้านใกล้เคียง ถูกสะเก็ดเสียหายอีก 2 หลัง โดยจุดนี้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 1 รายด้วย เพื่อให้คณะทูตแวะตรวจสอบหลังเสร็จสิ้นภารกิจบนภูมะเขือ.-สำนักข่าวไทย

เก๋งแต่งซิ่ง เสียหลักพุ่งชนยับ 10 คันรวดบนทางด่วน

กทม. 16 ส.ค.-เก๋งแต่งซิ่งประลองความเร็ว เสียหลักพุ่งชนกันยับ 10 คันรวดบนทางด่วนมุ่งหน้าบางปะอิน เจ้าของรถบีเอ็ม เล่านาทีถูกชน เกิดอุบัติเหตุรถยนต์ชนกันจำนวนหลายคัน บนทางด่วนช่วงทางขึ้นเมืองทองธานี มุ่งหน้าบางปะอิน โดยภาพจากกล้องหน้ารถยนต์คันหนึ่งบันทึกภาพเวลา 00.59 น.วันนี้ (16 ส.ค.68) รถเก๋งสีขาวจำนวน 3 คัน ขับตามกันมาด้วยความเร็วก่อนเกิดการชนกัน ทำให้รถเสียหลักหมุน ก่อนจะถูกรถเก๋งที่ขับตามมาพุ่งชนซ้ำอีกหลายคัน บางคันเกือบตกทางด่วน หลังตำรวจ สภ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี รับแจ้งเหตุ จึงประสานเจ้าหน้าที่กู้ภัยการทางพิเศษ เร่งตรวจสอบที่เกิดเหตุพบรถเก๋งแต่งซิ่งประมาณ 10 คัน บางคันเป็นรถหรูราคาแพง ได้รับความเสียหายยับเยิน กีดขวางทั้ง 2 ช่องจราจร มีเศษชิ้นส่วนของรถยนต์ที่แตกและหลุดกระจายเต็มพื้น เจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรปากเกร็ดและเจ้าหน้าที่กู้ภัยการทางพิเศษได้ประสานรถยกเร่งเคลื่อนย้ายรถที่เสียหายออกพร้อมทำความสะอาดคราบน้ำมันและชิ้นส่วนรถยนต์ เพื่อเปิดการจราจรใช้เวลากว่า 3 ชม. จากการสอบถาม นายอชิตพล อายุ 29 ปี เจ้าของรถยนต์บีเอ็ม ที่ถูกชนกล่าวว่า ตนขับรถไปรับแฟนมาจากที่ทำงาน เพื่อจะเดินทางกลับบ้านย่านธรรมศาสตร์รังสิต ขณะที่ขับรถอยู่ในช่องทางขวา เห็นรถเก๋งสีขาวที่ขับตามมาด้วยความเร็ว ตนจะเปลี่ยนเลนหลบไปในช่องทางซ้าย แต่ก็ถูกรถเก๋งคันดังกล่าวพุ่งชนท้ายก่อนที่รถจะเสียหลักหมุน เป็นจังหวะเดียวกันกับรถอีกคันที่ขับตามกันมาด้วยความเร็วพุ่งชนซ้ำอีกครั้ง […]

‘ทรัมป์’ – ‘ปูติน’ หารือไร้ข้อสรุปเรื่องยุติสงครามในยูเครน

แองเคอเรจ, อะแลสกา 15 ส.ค. – การประชุมสุดยอดระหว่างประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ และประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน แห่งรัสเซีย ซึ่งทั่วโลกต่างเฝ้ารอคอย ได้สิ้นสุดลงโดยไม่มีข้อตกลงใด ๆ เพื่อยุติหรือพักรบสงครามในยูเครน แม้ว่าผู้นำทั้งสองจะกล่าวว่าการพูดคุยเป็นไปอย่างสร้างสรรค์ก็ตาม หลังจากการประชุมยาวนานเกือบ 3 ชั่วโมง ในอะแลสกา ผู้นำทั้งสองได้ปรากฏตัวต่อหน้าสื่อเป็นช่วงระยะเวลาสั้น ๆ โดยระบุว่ามีความคืบหน้าในประเด็นต่าง ๆ ที่ไม่ได้ระบุรายละเอียด แต่ไม่ได้ให้ข้อมูลเพิ่มเติมใด ๆ และไม่เปิดโอกาสให้ตั้งคำถาม นายทรัมป์ซึ่งปกติเป็นคนช่างพูด กลับเพิกเฉยต่อคำถามที่นักข่าวตะโกนถาม นายทรัมป์กล่าวว่า มีความคืบหน้าบ้าง แต่จะยังไม่มีข้อตกลงใด ๆ จนกว่าจะมีการทำข้อตกลง ดูเหมือนว่าการพูดคุยครั้งนี้จะไม่ได้นำไปสู่การดำเนินการที่มีความหมายเพื่อหยุดยิงในความขัดแย้งที่นองเลือดที่สุดในยุโรปในรอบ 80 ปี ซึ่งเป็นเป้าหมายที่นายทรัมป์ได้ตั้งไว้ก่อนการประชุม แต่เพียงแค่การได้นั่งพูดคุยแบบตัวต่อตัวกับประธานาธิบดีสหรัฐ ก็ถือเป็นชัยชนะสำหรับนายปูตินแล้ว หลังจากเขาถูกผู้นำชาติตะวันตกกีดกันมาโดยตลอดนับตั้งแต่รัสเซียบุกยูเครนเต็มรูปแบบในปี 2022 หลังการประชุมสุดยอด นายทรัมป์ให้สัมภาษณ์กับฟอกซ์นิวส์ ว่าเขาจะชะลอการกำหนดภาษีนำเข้ากับจีนสำหรับการซื้อน้ำมันรัสเซีย หลังจากที่การเจรจากับนายปูตินมีความคืบหน้า นายทรัมป์ยังเคยขู่จะใช้มาตรการคว่ำบาตรต่อรัสเซีย แต่จนถึงขณะนี้เขายังไม่ได้ดำเนินการใด ๆ แม้ว่านายปูตินจะเพิกเฉยต่อเส้นตายหยุดยิงที่นายทรัมป์กำหนดไว้เมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา ในการให้สัมภาษณ์กับฟอกซ์ นิวส์ นายทรัมป์ยังได้เสนอแนะว่าจะมีการจัดการประชุมระหว่างนายปูตินและประธานาธิบดีโวโลดีมีร์ เซเลนสกี […]

กต. นำคณะทูตรัฐภาคีอนุสัญญาออตตาวา 33 ประเทศ ลงพื้นที่ จ.ศรีสะเกษ

กทม. 16 ส.ค.-กต. นำคณะทูตรัฐภาคีอนุสัญญาออตตาวา 33 ประเทศ ลงพื้นที่ จ.ศรีสะเกษ สำรวจความเสียหายการใช้ทุ่นระเบิดของฝั่งกัมพูชา นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ พร้อมด้วยนายรัศม์ ชาลีจันทร์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงการต่างประเทศ นำคณะทูตจากประเทศสมาชิกอาเซียนรัฐภาคีอนุสัญญาออตตาวา ผู้แทนองค์การระหว่างประเทศ และองค์กรภาคประชาสังคมด้านการเก็บกู้ทุ่นระเบิด ลงพื้นที่จ.ศรีษะเกษ เพื่อชี้แจงข้อมูลและเหตุผลเกี่ยวกับการดำเนินการของไทย โดยมีคณะทูตและผู้แทน จำนวน 36 คน แบ่งเป็น 33 ประเทศ 1 องค์กร 2 องค์การระหว่างประเทศ สื่อมวลชนไทยและสื่อต่างประเทศ เข้าร่วม ทั้งนี้ ก่อนออกเดินทางกระทรวการต่างประเทศได้บรรยายข้อมูลเบื้องต้นให้คณะได้รับทราบ โดยนายมาริษ กล่าวกับคณะทูต ว่า ขอบคุณที่ร่วมเดินทาง และหวังว่าทุกท่านจะได้รับข้อมูลด้วยตาตัวเองถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ก่อนที่จะเดินทางออกไปยัง จ.ศรีสะเกษ โดยจุดแรกจะนำคณะทูตจากประเทศสมาชิกอาเซียนรัฐภาคีอนุสัญญาออตตาวาเดินทางไปโรงเรียนภูมิซรอลวิทยา ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษณ์ เพื่อรับฟังบรรยายสรุปจากกองทัพบก กระทรวงการต่างประเทศ และกระทรวงมหาดไทย จากนั้นจะนำคณะทูตและสื่อมวลชนขึ้นไปภูมะเขือ และฐานปฏิบัติการ เพื่อดูภูมิประเทศ เยี่ยมชมการเก็บกู้ทุนระเบิดของหน่วยปฏิบัติการด้านทุ่นระเบิดเพื่อมนุษยธรรมในพื้นที่ภูมะเขือ สำรวจความเสียหายที่เกิดจากการใช้ทุ่นระเบิดของฝั่งกัมพูชา.-316.-สำนักข่าวไทย