กทม. 14 ก.ย. – วว. โชว์ความก้าวหน้าศูนย์นวัตกรรมการผลิตหัวเชื้อจุลินทรีย์ฯ ที่พร้อมก้าวเป็นผู้นำการพัฒนานวัตกรรมหัวเชื้อจุลินทรีย์เพื่ออุตสาหกรรม ลดการนำเข้าและเพิ่มการส่งออกจุลินทรีย์ไทยได้กว่า 300 ล้านบาท
จุลินทรีย์ สิ่งมีชีวิตขนาดเล็กที่สามารถใช้ประโยชน์ได้หลากหลาย โดยเฉพาะในภาคอุตสาหกรรมอาหาร อาหารเสริม และยา นำจุลินทรีย์มาพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆ เช่น น้ำเปรี้ยว โยเกิร์ต อาหารเสริม ได้รับความนิยมจากผู้บริโภคทั่วโลก โดยปี 2018 ทั่วโลกนำจุลินทรีย์มาใช้ประโยชน์มูลค่ากว่า 2,000 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 62,000 ล้านบาท ซึ่งไทยนำเข้าจุลินทรีย์มาใช้ในภาคอุตสาหกรรมกว่า 300 ล้านบาท ธุรกิจจากจุลินทรีย์ เป็นเม็ดเงินมหาศาลที่ต้องสูญเสียให้กับต่างประเทศ สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย หรือ วว. ได้ตั้งศูนย์นวัตกรรมการผลิตหัวเชื้อจุลินทรีย์เพื่ออุตสาหกรรม หรือ ICPIM ที่เป็นโรงงานด้านโพรไบโอติกและพรีไบโอติก มีนักวิจัยและเครื่องมือที่ทันสมัยได้มาตรฐานระดับสากล นำจุลินทรีย์ที่มีอยู่ในไทยมาคัดเลือกวิจัยหาวิธีดึงประโยชน์จากจุลินทรีย์ไทยมาใช้ให้ได้มากที่สุด
นายสายันต์ ตันพานิช รองผู้ว่าการวิจัยและพัฒนาด้านอุตสาหกรรมชีวภาพ วว. บอกว่า จุลินทรีย์ในไทยก็มีคุณสมบัติเฉพาะ และมีความเหมาะสมกับคนไทย หรือคนในภูมิภาคเอเชีย ซึ่ง ICPIM มีความเชี่ยวชาญและเทคโนโลยีขั้นสูง นำเชื้อจุลินทรีย์ไทยที่รวบรวมไว้ในคลังกว่า ซึ่งอยู่ในบัญชีหลักของ อย. 15 จาก 24 สปีชีส์ วิจัยว่าจุลินทรีย์ตัวไหนมีคุณสบัติเฉพาะตัวอย่างไร สามารถใช้ประโยชน์แบบไหนจึงดีที่สุด ทำให้ได้ฐานข้อมูลจำนวนมากที่นำไปต่อยอดพัฒนาใช้งานกับผลิตภัณฑ์ต่างๆ ได้คุณภาพ ประสิทธิภาพที่ดีที่สุด และปลอดภัยต่อผู้ใช้งาน
วว. และ ICPIM ยังได้วิจัยการแปรรูปจุลินทรีย์ในรูปแบบต่างๆ เพื่อนำไปใช้งานได้หลากหลายมากขึ้น ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อผู้ประกอบการที่จะนำไปใช้กับผลิตภัณฑ์ใหม่ รวมทั้งผลิตภัณฑ์สำหรับปศุสัตว์ ทำให้ผู้บริโภคได้รับประโยชน์จากผลิตภัณฑ์จากทรัพยากรธรรมชาติ ฝีมือนักวิจัยไทย
ปัจจุบันมีผู้ประกอบการจำนวนมากเข้ามาใช้บริการเชื้อจุลินทรีย์ และนวัตกรรมเชื้อจุลินทรีย์ ของศูนย์นวัตกรรมการผลิตหัวเชื้อจุลินทรีย์เพื่ออุตสาหกรรม ตั้งเป้าจะขยายการพัฒนานวัตกรรมจุลินทรีย์ไทยให้ส่งออกสู่ตลาดโลกมากขึ้น โดยคาดว่าในปี 2025 นวัตกรรมด้านจุลินทีย์ทั่วโลกจะมีมูลค่าสูงขึ้นกว่า 3,000-4,000 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 93,000-125,000 ล้านบาท .-สำนักข่าวไทย