ยังไม่ปลอดภัย ไม่แนะนำ ปชช.กลับเข้าพื้นที่กิ่งแก้ว
กรุงเทพฯ 6ก.ค.-สภาวิศกร หวั่นอันตรายจากสารเคมีตกค้าง อาจเกิดการปะทุได้อีก แนะประชาชนอย่าเพิ่งกลับเข้าพื้นที่ในเขตรัศมี 5 กม.กำชับต้องตรวจสอบโครงสร้างอาคารบ้านเรือนและตั้งระบบตรวจคุณภาพอากาศและสารพิษ ก่อนกลับเข้าไปอยู่อาศัย สภาวิศกร เปิดวิเคราะห์ปัจจัยเสี่ยงเหตุเพลิงไหม้โรงงานผลิตเม็ดโฟมพลาสติกย่านกิ่งแก้ว จ.สมุทรปราการ โดย ศ.ดร.สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ นายกสภาวิศวกรและอธิการบดี สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง(สจล.)กล่าวว่า กรณีอุบัติเหตุเพลิงไหม้และเกิดการระเบิดของโรงงานผลิตโฟมพอลิสไตรีน ในซอยกิ่งแก้ว 21 จ.สมุทรปราการ ก่อให้เกิดกลุ่มควันพุ่งสูงต่อเนื่องนานนับสิบชั่วโมง ถึงแม้ล่าสุดเจ้าหน้าที่จะควบคุมสถานการณ์ได้แล้ว แต่สิ่งที่ต้องเตือนประชาชน ให้ระวังปัญหาจากมลพิษที่ยังหลงเหลือยู่จากการเผาไหม้ ต้องแจ้งเตือนว่าพื้นที่ดังกล่าวยังเป็นพื้นที่ภัยพิบัติ รวมถึงโครงสร้างบ้านเรือนโดยรอบต้องได้รับการตรวจสอบก่อนกลับเข้าอาศัยด้วย โดยสภาวิศวกรมีข้อเสนอแนะ ดังนี้1.พื้นที่บริเวณโรงงานกิ่งแก้ว ยังให้ถือว่าเป็นพื้นที่ภัยพิบัติ ต้องเฝ้าระวังตลอดเวลา เนื่องจากยังไม่สามารถตรวจสอบได้ว่ามีสารเคมีหลงเหลือเท่าใด2.ต้องติดตั้งสถานีวัดคุณภาพอากาศและระบบเซ็นเซอร์วัดปริมาณสารพิษ เพื่อนำมาจัดทำแผนที่แบบละเอียด โดยเฉพาะพื้นที่ 5-10 กม. สำหรับวางแผนความปลอดภัยและรายงานผลอย่างตรงไปตรงมา3.เสนอหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อบต. กรมโรงงานอุตสาหกรรม ทำบัญชีฐานข้อมูลโรงงานอุตสาหกรรมในพื้นที่ ช่วยประเมินความเสี่ยงอันตรายที่อาจเกิดขึ้นได้4.นโยบายในการจัดการโรงงานอย่างเป็นธรรมรอบด้าน เพื่อเอื้อให้เกิดความปลอดภัยต่อการจัดการ และชุมชนโดยรอบ ด้าน รศ.ดร.ปิยะบุตร วานิชพงษ์พันธุ์ ผู้เชี่ยวชาญด้านวิศวกรรมเคมี กล่าวว่า อันตรายที่ยังต้องเฝ้าระวังจากเหตุการณ์นี้ คาดว่าจะยังมีสารเคมีอันตรายหลงเหลืออยู่ โดยเฉพาะสารเพนเทน และโพลีสไตรีนเรซิน ซึ่งเป็นสารเคมีที่มีอันตรายคุณสมบัติติดไฟง่าย ซึ่งอาจเป็นปัจจัยทำให้เกิดการระเบิด ทั้งนี้ แม้การควบคุมเพลิงจะทำได้แล้ว […]