ภาษี

โซล 6 ธ.ค.- สมาคมประชาชาติเอเชียตะวันออกเฉียงใต้หรืออาเซียนและเกาหลีใต้เห็นพ้องกันว่า จะแก้ไขประเด็นปัญหาเรื่องกระบวนการศุลกากรเพื่อให้สามารถปฏิบัติตามข้อตกลงเขตการค้าเสรีหรือเอฟทีเอ (FTA) ได้ดียิ่งขึ้น กระทรวงเศรษฐกิจและการคลังเกาหลีใต้แถลงว่า เกาหลีใต้และอาเซียนตกลงกันว่า บริษัทเกาหลีใต้จะได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีเมื่อส่งออกสินค้ามายัง 10 ชาติสมาชิกอาเซียน ด้วยการยื่นสำเนาหนังสือรับรองถิ่นกำเนิดสินค้า (certificates of origin) โดยไม่จำเป็นต้องส่งหนังสือต้นฉบับ เพราะสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 เป็นเหตุให้การส่งหนังสือต้นฉบับมีความล่าช้า และทำให้บริษัทเกาหลีใต้เสียโอกาส เกาหลีใต้เสนอให้ทั้งสองฝ่ายยอมรับสำเนาดังกล่าวร่วมกันไปจนกว่าจะสามารถควบคุมการระบาดได้ และอาเซียนก็ตอบตกลง ทั้งสองฝ่ายจะหารือร่วมกันในภายหลังว่าจะยุติมาตรการนี้เมื่อใด การค้าอาเซียน-เกาหลีใต้เพิ่มขึ้นกว่า 2 เท่านับตั้งแต่เอฟทีเอมีผลบังคับใช้ในเดือนมิถุนายน 2550 ปัจจุบันอาเซียนเป็นคู่ค้าใหญ่อันดับ 2 ของเกาหลีใต้ มูลค่าการค้าสูงถึง 143,800 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 4.8 ล้านล้านบาท) ในปี 2563 เพิ่มขึ้นกว่า 2 เท่าจาก 61,800 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 2 ล้านล้านบาท) ในปี 2549.-สำนักข่าวไทย

โตเกียว 5 ธ.ค.- ผลสำรวจพบว่า บริษัทในญี่ปุ่นราวร้อยละ 48 ตั้งใจจะขึ้นเงินเดือนให้พนักงานอยู่แล้ว แม้ไม่มีมาตรการจูงใจทางภาษีที่รัฐบาลเตรียมนำเสนอในงบประมาณปีหน้าที่จะเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน บริษัทวิจัยเทโกกุ ดาต้าแบงก์ สอบถามบริษัท 1,651 แห่ง เมื่อกลางเดือนพฤศจิกายน ส่วนใหญ่เป็นบริษัทขนาดกลางที่มีทุนสูงสุด 300 ล้านเยน (ราว 90 ล้านบาท) หรือมีพนักงานสูงสุด 300 คน พบว่า บริษัท 802 แห่ง หรือราวร้อยละ 48.6 ตั้งใจจะขึ้นเงินเดือนให้พนักงานอยู่แล้ว ไม่ว่ารัฐบาลจะออกมาตรการจูงใจทางภาษีมากน้อยเพียงใด ขณะที่บริษัทร้อยละ 8.5 จะขึ้นเงินเดือนหากรัฐบาลเพิ่มมาตรการจูงใจทางภาษี และร้อยละ 22.3 จะพิจารณาเรื่องนี้ อย่างไรก็ดี บริษัทร้อยละ 8.1 ยอมรับว่า ไม่สามารถขึ้นเงินเดือนพนักงานได้ ไม่ว่ารัฐบาลจะออกมาตรการจูงใจทางภาษีมากเพียงใด และร้อยละ 12.5 ยังไม่ตัดสินใจ เจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์ของเทโกกุ ดาต้าแบงก์ชี้แจงว่า ภาวะขาดแคลนคนทำงานเริ่มดีขึ้นเมื่อเกิดโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 แต่ตอนนี้กลับมาเป็นปัญหาอีกครั้งเพราะเศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัว ธุรกิจต่าง […]

รัฐบาลอินเดียลดภาษีน้ำมันเบนซินและดีเซลก่อนถึงเทศกาลสำคัญ หวังฟื้นฟูเศรษฐกิจที่ได้รับผลกระทบหนักจากมาตรการล็อกดาวน์เพื่อควบคุมการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19

ผู้นำประเทศที่มีเศรษฐกิจขนาดใหญ่ของโลก หรือ จี20 ให้การรับรองข้อตกลงการปฏิรูประบบภาษีของโลกเพื่อให้ทันกับโลกยุคดิจิทัลและหยุดยั้งบริษัทธุรกิจขนาดใหญ่นำผลกำไรไปหลบซ่อนไว้ในประเทศที่เก็บภาษีต่ำ พร้อมกับตกลงที่จะจัดหาวัคซีนโควิด-19 เพิ่มมากขึ้นให้กับประเทศที่ยากจน

สหภาพยุโรปหรืออียู (EU) ลงทุนในเวียดนามเพิ่มขึ้น 483 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 16,100 ล้านบาท) ช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้ แม้เวียดนามมีสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 ระบาด

โตเกียว 10 ต.ค.- นายกรัฐมนตรีฟูมิโอ คิชิดะของญี่ปุ่นยืนยันวันนี้ว่า ณ เวลานี้จะยังไม่เปลี่ยนแปลงอัตราภาษีเงินได้จากการขายหลักทรัพย์และภาษีเงินปันผลจากหลักทรัพย์ แต่จะดำเนินมาตรการอื่นเพื่อส่งเสริมการกระจายความมั่งคั่ง นายกรัฐมนตรีคิชิดะที่เพิ่งรับตำแหน่งเมื่อวันที่ 4 ตุลาคม ให้สัมภาษณ์รายการข่าวทางสถานีโทรทัศน์ฟูจิทีวีในวันนี้ว่า ณ เวลานี้เขายังไม่คิดจะแตะต้องภาษีรายได้ เพราะมีเรื่องอื่นอีกมากที่ต้องจัดการก่อนเป็นอันดับแรก ขณะนี้กำลังมีความเข้าใจผิดว่า เขาจะเปลี่ยนอัตราภาษีเงินได้ ซึ่งอาจทำให้ประชาชนกังวลใจโดยไม่จำเป็น เขาจะดำเนินมาตรการอื่นเพื่อส่งเสริมการกระจายรายได้อย่างเท่าเทียม เช่น ขึ้นเงินเดือนบุคลากรทางการแพทย์ ผู้นำใหม่ญี่ปุ่นซึ่งชูนโยบายลดความไม่เท่าเทียมทางรายได้เคยพูดไว้ว่า ทางเลือกหนึ่งในการแก้ปัญหานี้คือ การทบทวนอัตราภาษีรายได้จากการขายหลักทรัพย์และภาษีเงินปันผลจากหลักทรัพย์ ทำให้นักลงทุนกังวลว่า นายกรัฐมนตรีคนใหม่จะกลับลำนโยบายเศรษฐกิจเป็นมิตรต่อตลาดที่ใช้ในสมัยนายกรัฐมนตรีชินโซ อาเบะตั้งแต่ปี 2556-2563 ดัชนีนิกเกอิของญี่ปุ่นลดลงเฉลี่ยร้อยละ 7 นับตั้งแต่นายคิชิดะชนะเลือกตั้งเป็นประธานพรรคเสรีประชาธิปไตยหรือแอลดีพี (LDP) เมื่อวันที่ 29 กันยายน ก่อนได้รับเลือกจากสภาให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี.-สำนักข่าวไทย

วอชิงตัน 24 ก.ค.- สำนักงานผู้แทนการค้าสหรัฐหรือยูเอสทีอาร์ (USTR) ไม่ใช้มาตรการทางภาษีลงโทษเวียดนามแล้ว หลังจากธนาคารกลางเวียดนามรับปากว่าจะไม่บิดเบือนค่าเงินเพื่อให้ได้เปรียบในการส่งออก ยูเอสทีอาร์ประกาศเมื่อวันศุกร์ตามเวลาท้องถิ่นว่า ข้อตกลงระหว่างกระทรวงคลังสหรัฐกับธนาคารกลางเวียดนามเมื่อต้นสัปดาห์นี้เป็นทางออกที่น่าพอใจให้แก่ประเด็นที่กำลังสอบสวน ยูเอสทีอาร์จึงตัดสินใจว่า ไม่มีเหตุอันสมควรที่จะดำเนินมาตรการทางการค้าเวียดนามในระหว่างนี้ ธนาคารกลางเวียดนามรับปากกับนางเจเน็ต เยลเลน รัฐมนตรีกระทรวงคลังสหรัฐเมื่อวันจันทร์ว่า จะงดการแข่งขันลดค่าเงินด่ง และจะทำให้นโยบายการเงินและอัตราแลกเปลี่ยนมีความโปร่งใสมากยิ่งขึ้น หลังจากสหรัฐกดดันเวียดนามมาหลายเดือนเรื่องนโยบายค่าเงินและเรื่องได้ดุลการค้าสหรัฐมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง รัฐบาลสหรัฐสมัยประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ประกาศในช่วงใกล้ครบวาระให้เวียดนามเป็นประเทศบิดเบือนค่าเงิน และขู่จะใช้มาตรการทางภาษีลงโทษสินค้านำเข้าจากเวียดนาม นายบุย ถั่นเซิน รัฐมนตรีต่างประเทศเวียดนามทวีตวันนี้ว่า เวียดนามยินดีที่ยูเอสทีอาร์ตัดสินใจไม่ดำเนินการกับเวียดนาม ความพยายามเชิงสร้างสรรค์และไมตรีจิตจะช่วยแก้ไขปัญหาสำคัญ ๆ ได้ และจะนำมาซึ่งการเสริมสร้างความเป็นหุ้นส่วนที่งอกงามและแข็งแกร่งขึ้น รอยเตอร์รายงานว่า ค่าเงินด่งปิดการซื้อขายเมื่อวันศุกร์ที่ 23,005 ด่งต่อดอลลาร์สหรัฐ แข็งค่าขึ้นจาก 23,191 ด่งต่อดอลลาร์สหรัฐเมื่อวันที่ 2 ตุลาคม 2563 ซึ่งเป็นวันที่ยูเอสทีอาร์เริ่มเปิดการสอบสวนเวียดนาม.-สำนักข่าวไทย