สหรัฐคุมเข้มชายแดน
สหรัฐนำลวดหนามบริเวณชายแดนที่ติดกับเม็กซิโก และมีเจ้าหน้าที่คอยลาดตระเวนตลอดเวลา
สหรัฐนำลวดหนามบริเวณชายแดนที่ติดกับเม็กซิโก และมีเจ้าหน้าที่คอยลาดตระเวนตลอดเวลา
ขบวนรถบัสบรรทุกผู้อพยพจากหลายประเทศในแถบอเมริกากลางเดินทางถึงรัฐซีนาโลอา ของเม็กซิโกแล้ว พร้อมมุ่งหน้าต่อไปยังรัฐโซโนรา โดยมีจุดหมายปลายทางอยู่ที่บริเวณพรมแดนสหรัฐ
จำนวนผู้อพยพหนีไฟป่าครั้งรุนแรงในรัฐแคลิฟอร์เนียของสหรัฐ เพิ่มจำนวนขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยผู้อพยพจำนวนหนึ่งต้องไปนอนค้างอ้างแรมกันที่ลานจอดรถของซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่ง เพื่อรอรับบริจาคเสื้อผ้า อาหาร และ สิ่งของยังชีพอื่นๆ
ทางการโคลอมเบียย้ายผู้อพยพชาวเวเนซุเอลาที่ไร้ที่อยู่อาศัยไปพักพิงอยู่ภายในสนามฟุตบอลแห่งหนึ่งในกรุงโบโกตาท่ามกลางกระแสต่อต้านของชาวบ้านในบริเวณนั้น
แม้ผู้นำสหรัฐจะลงนามคำสั่งห้ามผู้อพยพเข้าสหรัฐ แต่ที่รัฐกวานาคัวโต คลื่นผู้อพยพยังคงหลั่งไหลเดินทางมาถึงหวังข้ามพรมแดนเข้าไปในสหรัฐ
ทหารสหรัฐเตือนผู้อพยพหลายพันคนที่อยู่ในเม็กซิโก ห้ามยื่นเรื่องขอลี้ภัยในสหรัฐ
ชาวอเมริกากลางยังคงอพยพขึ้นเหนืออย่างต่อเนื่อง ขณะที่สหรัฐได้นำเอาลวดหนามมาขึงกั้นบริเวณชายแดนเพื่อป้องกันการลักลอบเข้าเมือง
นางมาเรีย วัลเลส โบนิลา วัย 106 ปีที่เกิดในเอลซัลวาดอร์ได้สัญชาติอเมริกันเมื่อวันอังคาร 6 พ.ย.ซึ่งเป็นวันเลือกตั้งกลางสมัยสหรัฐ
กลุ่มแพทย์และเจ้าหน้าที่สาธารณสุขบนเรือพยาบาลยูเอส เนเวิลชิพ คอมฟอร์ตเข้าเทียบท่าที่เมืองปาอีตาของเปรูเพื่อบริการด้านสาธารณสุขพื้นฐาน
“ทรัมป์” เอาจริงผู้อพยพที่พยายามเข้ามาลี้ภัยในสหรัฐ โดยกล่าวว่า หากผู้อพยพพยายามขว้างปาก้อนหินเข้าใส่กำลังทหาร สหรัฐก็จะตอบโต้เสมือนว่าก้อนหินที่ผู้อพยพขว้างเข้าใส่นั้นเป็นกระสุนจากอาวุธปืนเช่นกัน
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐกล่าวว่า ทหารที่ส่งไปประจำการทางชายแดนเม็กซิโก จะยิงกลุ่มผู้อพยพชาวอเมริกากลางที่ปาก้อนหินใส่เจ้าหน้าที่ขณะพยายามสกัด
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐกล่าวว่า อาจส่งกำลังทหารมากถึง 15,000 คนไปทางชายแดนสหรัฐ-เม็กซิโกเพื่อสกัดกลุ่มผู้อพยพ