ผู้ต้องขัง

กีโต 1 ก.ย.- เกิดเหตุขว้างระเบิดและการวางระเบิดโดยใช้รถหรือคาร์บอมบ์ 2 จุดในกรุงกีโตของเอกวาดอร์ ไม่กี่ชั่วโมงก่อนผู้ต้องขังในเรือนจำ 6 แห่งของเอกวาดอร์จับเจ้าหน้าที่ 57 นายเป็นตัวประกันเมื่อวันพฤหัสบดีตามเวลาท้องถิ่น เป้าหมายของคาร์บอมบ์คือ เอสเอ็นเอไอ (SNAI) ที่เป็นหน่วยงานที่ดูแลเรื่องเรือนจำ จุดแรกเกิดขึ้นหน้าสำนักงานใหญ่ จุดที่ 2 เกิดขึ้นหน้าอาคารที่เคยเป็นสำนักงานของหน่วยงานนี้ ตำรวจเผยว่า คาร์บอมบ์คันหนึ่งเป็นรถยนต์ 4 ประตู ภายในบรรทุกถังแก๊ส 2 ถังที่มีแก๊สอยู่ มีฟิวส์ชนิดขาดช้า และแท่งระเบิด ขณะที่นายกเทศมนตรีกรุงกีโตแจ้งว่า มีการขว้างระเบิด 3 ครั้งในช่วงกลางดึก ตำรวจเผยว่า จับกุมคนใกล้ที่เกิดเหตุจุดหนึ่งได้ 6 คน โดยเป็นชาวโคลอมเบีย 1 คน ทั้งหมดมีประวัติก่ออาชญากรรมทั้งขู่กรรโชก โจรกรรม และฆาตกรรม ในจำนวนนี้ 3 คนเพิ่งถูกจับกุมเมื่อ 15 วันก่อนในข้อหาขโมยรถบรรทุกและลักพาตัวเรียกค่าไถ่ และได้รับการปล่อยตัวโดยมีเงื่อนไข ตำรวจสันนิษฐานว่า คนร้ายก่อเหตุเพราะไม่พอใจที่ทางการย้ายผู้ต้องขังคนหนึ่งเมื่อวันพุธเพื่อป้องกันกลุ่มอริในเรือนจำปะทะกัน และในวันเดียวกันตำรวจและทหารจำนวนมากได้เข้าไปตรวจค้นอาวุธ เครื่องกระสุน และระเบิดในเรือนจำเมืองลาตาคุงกา ที่อยู่ทางใต้ของประเทศ จากนั้นในอีกไม่กี่ชั่วโมงต่อมา […]

กีโต 1 ก.ย.- ทางการเอกวาดอร์ ประเทศในอเมริกาใต้แจ้งว่า ผู้ต้องขังในเรือนจำ 6 แห่งทั่วประเทศกำลังจับเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยและตำรวจเป็นตัวประกันทั้งหมด 57 นาย นายฮวน ซาปาตา รัฐมนตรีมหาดไทยเอกวาดอร์แถลงข่าวที่กรุงกีโตเมื่อวันพฤหัสบดีตามเวลาท้องถิ่นว่า ทางการเป็นห่วงความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่ ก่อนหน้านี้เขาเผยว่า เหตุเกิดที่เรือนจำแห่งหนึ่งในเมืองคูเอนกา แต่เอสเอ็นเอไอ (SNAI) หน่วยงานที่ดูแลเรื่องเรือนจำแจ้งในเวลาต่อมาว่า เหตุเกิดในเรือนจำ 6 แห่งทั่วประเทศแต่ไม่ได้ระบุชื่ออย่างชัดเจน เหตุจับเจ้าหน้าที่จำนวนมากเป็นตัวประกันพร้อมกัน เกิดขึ้นหนึ่งวันหลังจากทหารและตำรวจเอกวาดอร์เข้าไปค้นหาอาวุธ เครื่องกระสุนและระเบิดในเรือนจำใหญ่แห่งหนึ่งในเมืองลาตาคุงกาที่อยู่ทางตอนใต้ เบื้องต้นเอสเอ็นเอไอเชื่อว่า ผู้ต้องขังจับเจ้าหน้าที่เป็นตัวประกันเพื่อแก้แค้นที่ถูกตรวจค้น แต่เจ้าหน้าที่บางคนเผยว่า ผู้ต้องขังประท้วงเรื่องถูกส่งตัวไปเรือนจำอื่น เอเอฟพีรายงานเพิ่มเติมว่า เรือนจำในเอกวาดอร์กลายเป็นสถานที่ก่อเหตุสังหารหมู่ระหว่างกลุ่มผู้ต้องขังที่เป็นอริกัน โดยโยงกับแก๊งชาวโคลอมเบียและแก๊งชาวเม็กซิโก มีผู้ต้องขังถูกสังหารมากกว่า 430 คนนับจากปี 2564 หลายศพถูกเผาและฆ่าหั่นศพ.-สำนักข่าวไทย

ย่างกุ้ง 1 ส.ค.- เมียนมาให้อภัยโทษนางออง ซาน ซู จี อดีตผู้นำรัฐบาลพลเรือนร่วมกับผู้ต้องขังมากกว่า 7,000 คน เนื่องในวันเข้าพรรษา สื่อทางการเมียนมารายงานในวันนี้ว่า พลเอกอาวุโสมิน อ่อง หล่าย ประธานสภาบริหารแห่งรัฐได้ให้อภัยโทษนางซู จีที่ถูกศาลตัดสินลงโทษ 6 ปีในคดีอาญา 5 คดี แต่นางซู จี ยังคงต้องรับโทษอีก 14 คดี ซู จี วัย 78 ปี ถูกตัดสินจำคุกทั้งหมด 33 ปี ในคดีต่าง ๆ เช่น ทุจริต ครอบครองวิทยุสื่อสารอย่างผิดกฎหมาย ฝ่าฝืนมาตรการจำกัดโควิด ปกติแล้วเมียนมามักอภัยโทษผู้ต้องขังจำนวนมากเนื่องในวันสำคัญทางพุทธศาสนา การประกาศนี้มีขึ้นหลังจากพลเอกอาวุโสมิน อ่อง หล่าย ซึ่งเป็นผู้นำสูงสุดของเมียนมากล่าวในการประชุมเรื่องขยายประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินเมื่อวันจันทร์ว่า ไม่สามารถจัดการเลือกตั้งได้เนื่องจากยังมีการสู้รบในหลายพื้นที่ ต่อมากองทัพเมียนมาประกาศอย่างเป็นทางการในวันเดียวกันเรื่องเลื่อนการเลือกตั้งที่เดิมรับปากว่าจะมีขึ้นภายในเดือนสิงหาคม 2566 โดยอ้างเรื่องสถานการณ์ความรุนแรงที่ยังดำเนินอยู่ คำประกาศระบุว่า เพื่อให้มีการเลือกตั้งที่เสรีและเป็นธรรม และเพื่อให้ประชาชนใช้สิทธิโดยปราศจากความกลัว จึงต้องจัดการเรื่องความมั่นคงที่จำเป็น และจะขยายสถานการณ์ฉุกเฉินออกไปอีก 6 […]

สิงคโปร์ 26 เม.ย.- สิงคโปร์ลงโทษประหารชีวิตด้วยการแขวนคอผู้ต้องขังที่ถูกตัดสินว่ามีความผิดในข้อหาคบคิดกันลอบนำเข้ากัญชามากกว่า 1 กิโลกรัมแล้วในวันนี้ ท่ามกลางเสียงเรียกร้องจากนานาชาติให้สิงคโปร์ยกเลิกโทษประหารชีวิต โฆษกสำนักงานเรือนจำสิงคโปร์เผยว่า ผู้ต้องขังชายชาวสิงคโปร์วัย 46 ปี ถูกลงโทษประหารชีวิตแล้วในวันนี้ที่เรือนจำชางงี นับเป็นการประหารชีวิตในสิงคโปร์ครั้งแรกในรอบ 6 เดือน และครั้งที่ 12 นับจากเดือนมีนาคม 2565 หลังจากระงับไปนานกว่า 2 ปี นักโทษรายนี้ถูกตัดสินในปี 2560 ว่าพัวพันกับแผนการคบคิดกันลอบนำเข้ากัญชาหนัก 1,017.9 กรัม ซึ่งมากกว่า 2 เท่าของปริมาณขั้นต่ำที่จะต้องถูกลงโทษประหารชีวิต เขาถูกศาลชั้นต้นตัดสินในปี 2561 ให้ถูกประหารชีวิต และศาลอุทธรณ์มีคำพิพากษายืน เซอร์ ริชาร์ด แบรนสัน มหาเศรษฐีชาวอังกฤษในฐานะกรรมาธิการในคณะกรรมาธิการสากลว่าด้วยนโยบายยาเสพติดเขียนในบล็อกส่วนตัวเมื่อวันจันทร์ว่า ผู้ต้องขังไม่ได้มียาเสพติดอยู่ใกล้ตัวเลยในช่วงที่ถูกจับกุม และสิงคโปร์อาจจะทำให้คนบริสุทธิ์ต้องถูกประหาร ทำให้กระทรวงมหาดไทยสิงคโปร์ตอบโต้ในวันอังคารว่า ความผิดของผู้ต้องขังได้รับการพิสูจน์จนสิ้นสงสัยแล้ว หมายเลขโทรศัพท์เคลื่อนที่ 2 เลขหมายที่อัยการระบุว่าเป็นของผู้ต้องขังเป็นหมายเลขที่ใช้ประสานงานเรื่องการลำเลียงยาเสพติด ด้านสํานักงานข้าหลวงใหญ่เพื่อสิทธิมนุษยชนแห่งองค์การสหประชาชาติ (OHCHR) แถลงแสดงความไม่เห็นด้วยในวันเดียวกันว่า มีเพียงไม่กี่ประเทศที่ยังคงใช้โทษประหารชีวิต ส่วนใหญ่เพราะเชื่อโดยไร้เหตุผลว่าจะช่วยยับยั้งการก่ออาชญากรรมได้ ทั้งที่ไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่าได้ผลจริง อีกทั้งยังขัดต่อกฎหมายสิทธิมนุษยชนสากลที่อนุญาตให้ใช้โทษประหารชีวิตเฉพาะอาชญากรรมร้ายแรงที่สุดเท่านั้น.-สำนักข่าวไทย