ชื่นชมเด็กไทยสร้างชื่อแข่งฟิสิกส์โอลิมปิก
โฆษกรัฐบาล เผย นายกฯ ชื่นชมเด็กไทย สร้างชื่อเสียงให้ประเทศในการแข่งขันฟิสิกส์โอลิมปิกระดับทวีปเอเชีย ครั้งที่ 23 ประจำปี 2566เชื่อจะเป็นแรงบันดาลใจให้เด็กไทยอีกหลายคนพัฒนาความรู้ความสามารถต่อไป
โฆษกรัฐบาล เผย นายกฯ ชื่นชมเด็กไทย สร้างชื่อเสียงให้ประเทศในการแข่งขันฟิสิกส์โอลิมปิกระดับทวีปเอเชีย ครั้งที่ 23 ประจำปี 2566เชื่อจะเป็นแรงบันดาลใจให้เด็กไทยอีกหลายคนพัฒนาความรู้ความสามารถต่อไป
นิวเดลี 1 ส.ค. – อินเดียกำลังเร่งหาสาเหตุการเสียชีวิตของชายอินเดียที่มีผลตรวจติดโรคฝีดาษลิงขณะอยู่ในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ หรือยูเออี ก่อนเสียชีวิตเมื่อวันที่ 30 กรกฎาคม ในรัฐเกรละของอินเดีย ซึ่งอาจทำให้ชายคนนี้กลายเป็นผู้ป่วยโรคฝีดาษลิงที่เสียชีวิตรายแรกของทวีปเอเชีย ล่าสุด ทางการท้องถิ่นรัฐเกรละยืนยันแล้วว่าผู้ป่วยรายนี้เสียชีวิตจากโรคไข้ฝีดาษลิง นางวีณา จอร์จ รัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุขของรัฐเกรละ ทางตะวันตกเฉียงใต้ของอินเดีย เผยว่า ชายอินเดีย วัย 22 ปี ได้เสียชีวิตที่โรงพยาบาลในรัฐเกรละเมื่อวันที่ 30 กรกฎาคม หลังเข้ารักษาตัวด้วยอาการอ่อนเพลียและภาวะสมองอักเสบจากการติดเชื้อไวรัส แต่เจ้าหน้าที่สาธารณสุขทราบในเวลาต่อมาว่า ชายคนนี้มีผลตรวจติดโรคฝีดาษลิงเมื่อวันที่ 20 กรกฎาคม ซึ่งเป็นวันที่เขายังอยู่ในยูเออี ก่อนตัดสินใจเดินทางกลับอินเดียในวันต่อมา ขณะนี้ เจ้าหน้าที่อินเดียกำลังตรวจหาสาเหตุการเสียชีวิตของผู้ป่วยรายนี้ หากผลตรวจได้รับการยืนยันว่าเสียชีวิตจากโรคไข้ฝีดาษลิงจริง ชายคนนี้ก็จะเป็นผู้เสียชีวิตรายแรกจากโรคนี้ของทวีปเอเชีย นางจอร์จยังระบุว่า ขณะนี้ อินเดียพบผู้ป่วยโรคฝีดาษลิงทั้งหมด 5 คน โดยพบผู้ป่วยรายแรกในรัฐเกรละเมื่อเดือนกรกฎาคม แต่ตอนนี้หายป่วยแล้ว โฆษกหญิงของกระทรวงสาธารณสุขอินเดียเผยวันนี้ว่า อินเดียได้แต่งตั้งคณะทำงานเฉพาะกิจเพื่อเฝ้าระวังการระบาดของโรคฝีดาษลิง และได้หารือในเบื้องต้นกับบริษัทผู้ผลิตวัคซีนเรื่องการผลิตวัคซีนป้องกันโรคฝีดาษลิงในอินเดีย ขณะนี้ทั่วโลกพบผู้ป่วยโรคฝีดาษลิงพุ่งสูงกว่า 22,000 คนจนทำให้ ดร. ทีโดรส อัดฮานอม กีบรีเยซุส ผู้อำนวยการองค์การอนามัยโลก ต้องประกาศให้โรคฝีดาษลิงเป็นภาวะฉุกเฉินด้านสาธารณสุขระหว่างประเทศเมื่อวันที่ […]
กิจกรรมโรงงานส่วนใหญ่ในทวีปเอเชียเผชิญกับภาวะชะลอตัวในเดือนมีนาคม ขณะที่สถานการณ์วิกฤตในยูเครน ทำให้อุปสงค์ของจีนตกต่ำและราคาต้นทุนวัตถุดิบพุ่งสูงขึ้น ซึ่งทำให้บริษัทต่าง ๆ ที่ประสบปัญหาการหยุดชะงักของห่วงโซ่อุปทานต้องตกอยู่ในสถานการณ์ที่ตึงเครียดมากขึ้น
นิวเดลี 11 มี.ค. – ยอดผู้เสียชีวิตจากโรคโควิด-19 ในทวีปเอเชีย ทะลุ 1 ล้านรายในวันนี้ ท่ามกลางสถานการณ์ระบาดรุนแรงของเชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอนที่แพร่กระจายไปทั่วทุกภูมิภาค โดยเริ่มจากประเทศต่าง ๆ เช่น ญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ การวิเคราะห์ตัวเลขผู้เสียชีวิตจากโรคโควิดในทวีปเอเชียของสำนักข่าวรอยเตอร์สพบว่า ทวีปเอเชีย ซึ่งมีประชากรเกินครึ่งหนึ่งของโลก มียอดผู้เสียชีวิตจากโรคโควิด 1,000,045 คน คิดเป็นร้อยละ 16 ของตัวเลขผู้เสียชีวิตทั้งหมดทั่วโลก ขณะนี้ ประเทศและดินแดนในภูมิภาคเอเชียตะวันออก เช่น ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และฮ่องกง กำลังมียอดผู้เสียชีวิตจากโรคโควิดเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยที่ฮ่องกงมียอดผู้เสียชีวิตเฉลี่ยสูงกว่าวันละ 200 รายในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา เพิ่มขึ้นจากก่อนหน้านี้ที่มีผู้เสียชีวิตเพียงวันละ 1-2 ราย ส่วนเกาหลีใต้มีผู้เสียชีวิตเฉลี่ยวันละ 186 ราย ซึ่งเป็นตัวเลขที่พุ่งขึ้น 3 เท่าเมื่อเทียบกับการระบาดในปีที่แล้ว ในขณะเดียวกัน มีหลายประเทศในทวีปเอเชียที่พบผู้ป่วยติดเชื้อโควิดรายใหม่ทำสถิติสูงสุดหรืออยู่ในระดับใกล้เคียงกับสถิติสูงสุด เช่น มาเลเซีย สิงคโปร์ เกาหลีใต้ ไทย และเวียดนาม ส่วนประเทศที่พบผู้ป่วยติดเชื้อรายใหม่ลดลงอย่างมาก เช่น อินเดีย อินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์ […]
วอชิงตัน 10 มี.ค. – มอร์แกน สแตนลีย์ (Morgan Stanley) บริษัทหลักทรัพย์เพื่อการลงทุนและที่ปรึกษาทางการเงินรายใหญ่ของสหรัฐ เตือนว่าสกุลเงินของประเทศในทวีปเอเชียจะอ่อนค่าลงมากขึ้นในระยะสั้น เนื่องจากสถานการณ์สู้รบระหว่างรัสเซียกับยูเครน มอร์แกน สแตนลีย์ ระบุว่า สกุลเงินต่าง ๆ ของประเทศในทวีปเอเชียจะอ่อนค่าลงมากขึ้นในระยะสั้น เนื่องจากนักลงทุนประเมินความเสี่ยงที่ต่ำเกินไปจากสถานการณ์ขัดแย้งระหว่างรัสเซียกับยูเครน ขณะที่นักวิเคราะห์ด้านการเงินของมอร์แกน สแตนลีย์ ระบุในรายงานวิจัยว่า ความไม่แน่นอนทางภูมิรัฐศาสตร์และราคาน้ำมันที่พุ่งสูงขึ้นเป็นปัจจัยสำคัญที่จะทำให้ทวีปเอเชียมีอัตราเงินเฟ้อที่สูงขึ้นและมีอัตราเติบโตทางเศรษฐกิจที่ลดลง ทั้งนี้ ผลกระทบในตลาดเอเชียจะเกิดขึ้นผ่านตลาดซื้อขายอัตราแลกเปลี่ยนที่มีบทบาทสำคัญในการช่วยรักษาเสถียรภาพให้แก่ระบบเศรษฐกิจ สำนักข่าวบลูมเบิร์กของสหรัฐรายงานว่า ค่าเงินและตลาดหุ้นของกลุ่มประเทศที่เป็นตลาดเกิดใหม่ในทวีปเอเชียหลายแห่งกำลังร่วงลงอย่างหนักในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา หลังเหตุบุกโจมตียูเครนของรัสเซียทำให้ราคาสินค้าพุ่งสูงขึ้นและส่งผลกระทบต่ออัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจของโลกในภาพรวม ทั้งนี้ ประเทศที่เป็นผู้นำเข้าน้ำมันรายใหญ่ในทวีปเอเชีย เช่น อินเดียและฟิลิปปินส์ กำลังได้รับผลกระทบอย่างหนัก โดยเฉพาะค่าเงินรูปีของอินเดียที่อ่อนค่าทำสถิติต่ำสุดในสัปดาห์นี้.-สำนักข่าวไทย
โซล 31 ม.ค. – ทางการของหลายประเทศในทวีปเอเชียต่างเรียกร้องให้ประชาชนหลีกเลี่ยงการเดินทางในช่วงเทศกาลวันตรุษจีนเพื่อไปพบปะกับครอบครัวและฉลองเนื่องในวันขึ้นปีใหม่จีน เนื่องจากวิตกกังวลเกี่ยวกับการระบาดของเชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอนที่แพร่เชื้อได้อย่างรวดเร็ว หนังสือพิมพ์เดอะสเตรทไทมส์ของสิงคโปร์รายงานว่า ทางการจีนกำลังพยายามหาทางป้องกันไม่ให้ยอดผู้ป่วยติดเชื้อโควิดพุ่งสูงขึ้นในช่วงก่อนเปิดฉากการแข่งขันโอลิมปิกฤดูหนาว ที่กรุงปักกิ่งในวันที่ 4 กุมภาพันธ์ ขณะที่ทางการท้องถิ่นหลายแห่งของจีนใช้แนวทางให้รางวัลและกำหนดบทลงโทษเพื่อจูงใจให้ประชาชนไม่เดินทางในช่วงตรุษจีน เช่น การแจกบัตรกำนัลและเงินสด ส่วนผู้ที่เดินทางจะต้องกักตัวในสถานกักตัวของทางการหรือในบ้านเป็นเวลาสูงสุดถึง 14 วัน ด้านโรงเรียนและบริษัทของทางการจีนไม่สนับสนุนให้พนักงานเดินทางในช่วงตรุษจีน ในขณะเดียวกัน ทางการฮ่องกงได้ประกาศยกเลิกจัดงานฉลองเทศกาลตรุษจีนประจำปี สั่งปิดการเรียนการสอนในโรงเรียนเร็วกว่าปกติ และประกาศให้หลายพื้นที่อยู่ภายใต้มาตรการล็อกดาวน์เพื่อตรวจหาเชื้อโควิดในประชาชน นอกจากนี้ ยังประกาศใช้มาตรการควบคุมการระบาดของโรคโควิด เช่น ห้ามนั่งรับประทานอาหารในร้านหลังเวลา 18.00 น. และสั่งปิดร้านเสริมสวย โรงออกกำลังกาย โรงภาพยนตร์ และบาร์ ด้านนายกรัฐมนตรีคิม บู-คยอม ของเกาหลีใต้ กล่าวเมื่อวันที่ 24 มกราคมว่า การเดินทางกลับบ้านเกิดในช่วงตรุษจีนไม่ต่างกับการราดน้ำมันเข้ากองไฟ ในขณะที่ทางการเกาหลีใต้ได้ประกาศใช้มาตรการควบคุมการระบาดของโรคโควิด เช่น ห้ามประชาชนรวมตัวกันเกิน 6 คน และสั่งปิดร้านอาหารหรือคาเฟ่หลังเวลา 21.00 น. ส่วนทางการกรุงมะนิลาของฟิลิปปินส์ได้สั่งห้ามการแสดงเชิดสิงโต การจุดพลุ และการรวมตัวกันที่ย่านชุมชนชาวจีนเก่าแก่ เนื่องจากหวั่นเกรงเกี่ยวกับการระบาดของโรคโควิด ทางการกรุงฮานอยได้สั่งยกเลิกการจุดพลุประจำปีเพื่อฉลองเทศกาลขึ้นปีใหม่ของชาวเวียดนามในช่วงนี้เช่นกันเพื่อป้องกันความเสี่ยงจากการระบาดของโรคโควิดในกลุ่มฝูงชนขนาดใหญ่ แต่ทางการท้องถิ่นได้ตัดสินใจในเวลาต่อมาโดยปรับเปลี่ยนมาตรการให้ประชาชนได้ฉลองวันขึ้นปีใหม่ร่วมกับครอบครัวได้ง่ายขึ้น หลังเวียดนามผ่านพ้นการระบาดมาแล้วสี่ครั้งและมีประชาชนวัยผู้ใหญ่ได้รับการฉีดวัคซีนโควิดสูงกว่าร้อยละ 90 […]
สิงคโปร์ 26 พ.ย. – หลายประเทศและดินแดนในทวีปเอเชียต่างยกระดับการใช้มาตรการเข้มงวดพรมแดน หลังแอฟริกาใต้พบเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 กลายพันธุ์ใหม่ที่อาจหลบหลีกภูมิคุ้มกันจากวัคซีนโควิดได้ ขณะที่ข่าวดังกล่าวทำให้ตลาดหุ้นเอเชียทรุดหนักสุดในรอบ 3 เดือน และสร้างความหวั่นวิตกในตลาดค้าน้ำมันที่ร่วงลงกว่าร้อยละ 3 สำนักข่าวรอยเตอร์สรายงานว่า สิงคโปร์เป็นประเทศที่ประกาศใช้มาตรการจำกัดการเดินทางจากแอฟริกาใต้และประเทศใกล้เคียงอย่างรวดเร็วเพื่อเป็นการป้องกันไว้ก่อน หลังจากที่อังกฤษได้ประกาศระงับเที่ยวบินจาก 6 ประเทศทางตอนใต้ของทวีปแอฟริกาชั่วคราว ได้แก่ แอฟริกาใต้ นามิเบีย บอตสวานา ซิมบับเว และเลโซโท ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป สำนักข่าวจิจิ นิวส์ ของญี่ปุ่น ระบุว่า รัฐบาลญี่ปุ่นได้ตัดสินใจยกระดับมาตรการควบคุมพรมแดนที่เข้มงวดขึ้นสำหรับผู้ที่เดินทางมาจากแอฟริกาใต้และอีก 5 ประเทศใกล้เคียง ส่วนรัฐบาลอินเดียได้ประกาศคำแนะนำให้รัฐทั้งหมดในอินเดียตรวจหาเชื้อโควิดและคัดกรองผู้เดินทางจากแอฟริกาใต้อย่างเข้มงวด รวมถึงประเทศอื่น ๆ ที่มีความเสี่ยงสูง ส่วนไต้หวันระบุว่า ผู้ที่เดินทางมาจากกลุ่มประเทศที่มีความเสี่ยงสูงทางตอนใต้ของทวีปแอฟริกาจะต้องกักตัวในสถานกักตัวของรัฐบาลเป็นเวลา 14 วัน สำนักข่าวรอยเตอร์สยังรายงานว่า ขณะนี้ นักวิทยาศาสตร์กำลังหาคำตอบเพิ่มเติมเกี่ยวกับการระบาดของเชื้อโควิดกลายพันธุ์ใหม่ที่พบครั้งแรกในแอฟริกาใต้ หรือมีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า B.1.1.529 ขณะที่ข่าวดังกล่าวทำให้ตลาดหุ้นเอเชียทรุดหนักสุดในรอบ 3 เดือนเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา และสร้างความหวั่นวิตกในตลาดค้าน้ำมันที่ร่วงลงกว่าร้อยละ 3. -สำนักข่าวไทย
องค์การอุตุนิยมวิทยาโลกระบุว่า ปี 2563 เป็นปีที่เอเชียร้อนที่สุดเป็นประวัติการณ์ และทุกพื้นที่ในภูมิภาคนี้ได้รับผลกระทบจากสภาพอากาศและสภาพภูมิอากาศรุนแรงในปีนั้น
ทัพนักเตะทีมชาติอิหร่าน หนึ่งในตัวแทนจากทวีปเอเชีย เดินทางถึงรัสเซียเป็นชาติแรก เตรียมตัวทำศึกฟุตบอลโลก 2018 รอบสุดท้าย