นายกฯ สั่ง 7 มาตรการ รับมือผลกระทบชายแดนไทย-กัมพูชา

ทำเนียบ 24 มิ.ย.-นายกฯ ระบุสถานการณ์อิหร่าน-อิสราเอล ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลก พร้อมสั่งการ 7 มาตรการ รับมือผลกระทบชายแดนไทย-กัมพูชา ในทุกด้าน ยันรัฐบาลไม่มีนโยบายตอบโต้ การเปิด-ปิดด่านชายแดน เพื่อหวังผลทางการเมือง นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี ว่า เนื่องด้วยสถานการณ์ต่างๆระหว่างประเทศจากสถานการณ์ความขัดแย้งของอิหร่านและอิสราเอล มีผลที่จะขยายวงกว้างออกไปและส่งผลกระทบทางด้านเศรษฐกิจการเมือง สังคม และยังไม่มีกรอบระยะเวลาที่แน่นอนว่าจะจบเมื่อไหร่ ส่งผลต่อการเจรจาของหลายๆประเทศต่อนโยบาย รวมถึงการเจรจาภาษีทางการค้ากับสหรัฐฯ ด้วย จากเดิมที่กำหนดไว้ต้นเดือนกรกฎาคมนี้ ซึ่งทางฝ่ายไทยได้เริ่มเจรจาแล้วหนึ่งรอบ กับคณะทำงานของสหรัฐฯ ซึ่งจากนี้จะมีการแถลงเพิ่มเติม นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า สถานการณ์ดังกล่าวย่อมส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจของโลก รวมถึงประเทศไทยด้วย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของปริมาณและราคาพลังงาน การเงิน การคมมนาคม การท่องเที่ยว ที่จะส่งผลต่อเศรษฐกิจและความเป็นอยู่ของประชาชน รวมถึงสถานการณ์ชายแดนไทยกัมพูชาที่ได้สั่งการให้คณะรัฐมนตรีทุกคนร่วมติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และเตรียมหามาตรการรองรับ เพื่อจะให้กระทบประชาชนน้อยที่สุด และขอยืนยันอีกครั้งว่าสถานการณ์เช่นนี้เสถียรภาพของรัฐบาลและความสามัคคีของคนในชาตินั้นสำคัญมาก จึงขอให้คณะรัฐมนตรีทุกคนทำงานใกล้ชิดกับประชาชนมากยิ่งขึ้น เพื่อสร้างความมั่นใจและแก้ไขปัญหาอย่างทันการ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รัฐบาลให้ความสำคัญ ด้านแรกคือ เรื่องของภัยคุกคามความมั่นคงของชาติ โดยเฉพาะอาชญากรรมข้ามประเทศ ซึ่งตามรายงานของสหประชาชาติที่เกี่ยวข้องกับปัญหาชายแดนไทยกัมพูชา ได้สั่งการให้ทุกฝ่ายต้องทำงานร่วมกันอย่างบูรณาการและขอย้ำว่า รัฐบาลไม่ได้มีนโยบายในการตอบโต้ การเปิดปิดด่านชายแดนเพื่อหวังผลทางการเมือง แต่ได้คำนึงถึงผลกระทบต่อประชาชน […]

...