อ.น้ำยืน อพยพชาวบ้าน ไปยังพื้นที่ปลอดภัย

อุบลราชธานี 24 ก.ค. – ตลอดช่วงเช้าที่ผ่านมา เกิดการปะทะตามแนวชายแดนไทยกัมพูชา โดยเฉพาะ อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี ซึ่งขณะนี้ชาวบ้านได้อพยพออกจากบ้าน เตรียมเดินทางไปยังพื้นที่ปลอดภัย เมื่อเวลา 10.00 น. ทีมข่าวเดินทางติดตามชาวบ้านในอำเภอน้ำยืน อพยพออกจากบ้านมายังจุดรวมพล ที่โรงเรียนน้ำยืนวิทยา ตามแผนฉุกเฉินที่เคยซักซ้อมไว้ โดยจุดรวมพลแห่งนี้เป็นส่วนกลางรับผิดชอบของเทศบาลตำบลน้ำยืนให้ข้อมูลว่ามีประชาชนที่พร้อมอพยพประมาณ 4500 คนโดยจะแยกเป็นหมู่บ้านซึ่งจุดรวมแห่งนี้มีทั้งหมด 10 หมู่บ้าน รวมไปถึงหมู่บ้านข้างเคียงอย่างตำบลสีวิเชียร จากนั้นจะมีรถจากทางอำเภอในหน่วยงานที่รับผิดชอบมาขึ้นรถอพยพไปยังอำเภอเดชอุดมยังที่ปลอดภัยเนื่องจากพ้นระยะแนวการยิงของปืนใหญ่ ชาวบ้านต่างพากันอพยพกันมาด้วยความด้วยความโกลาหล ได้รับแจ้งข่าวจากผู้นำชุมชนเมื่อเวลา 09.00 น. ผู้ใหญ่บ้านได้ประกาศเสียงตามสายโทรศัพท์แจ้งทางออนไลน์ทุกช่องทางจนทุกคนได้บอกต่อกันและมารวมพลกันตามแผนซ้อมอพยพเบื้องต้น ณ ขณะนี้ ยังไม่ได้รับรายงานผู้บาดเจ็บหรือเสียชีวิตในพื้นที่อำเภอน้ำยืน ชาวบ้านให้ข้อมูลว่า ได้ยินชาวบ้านแจ้งกันผ่านเสียงตามสายโทรศัพท์ให้พากันอพยพโดยด่วน ซึ่งชาวบ้านบอกว่ารู้สึกกลัวเป็นอย่างมาก ตนเองเอาเฉพาะของที่จำเป็นแล้ววิ่งออกมาโดยไม่คิดชีวิต และยังอยากฝากให้ทั้งสองประเทศเจรจาสงบศึกให้เร็ว เนื่องจากได้รับผลกระทบทั้งการทำมาหากินทางเศรษฐกิจที่แย่และเป็นหนี้เป็นสิน อีกทั้งยังต้องมาวิ่งเอาชีวิตรอดหลบกระสุนปืน รู้สึกเครียดมากกับเหตุการณ์ในวันนี้.-สำนักข่าวไทย

แนะคนไทยในกัมพูชาออกจากประเทศเร็วที่สุด

24 ก.ค. – สถานทูตไทยในในพนมเปญ เเนะคนไทยที่อยู่ในกัมพูชาเดินทางออกนอกประเทศโดยเร็ว เนื่องจากความตึงเครียดระหว่างไทยเเละกัมพูชา สถานเอกอัครราชทูตฯ ได้ติดตามสถานการณ์ความตึงเครียดระหว่างไทยกับกัมพูชาอย่างใกล้ชิด และขณะนี้สถานการณ์ได้ยกระดับความรุนแรงอย่างต่อเนื่อง โดยเกิดการปะทะกันบริเวณแนวชายแดนในหลายพื้นที่ ซึ่งมีแนวโน้มว่าจะยืดเยื้อและขยายวงกว้างมากยิ่งขึ้น ขอแนะนำให้คนไทยที่พำนักหรือพำนักชั่วคราวในประเทศกัมพูชาและไม่มีความจำเป็นเดินทางออกจากประเทศโดยเร็วที่สุด และขอความร่วมมือให้คนไทยที่ไม่มีความจำเป็นงดเดินทางมายังกัมพูชาในช่วงนี้ จนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย ในกรณีฉุกเฉินหรือความต้องการความช่วยเหลือ สามารถติดต่อหน่วยงานของไทยได้ที่ สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงพนมเปญ โทรศัพท์ฉุกเฉิน: (+855) 975 749 682 สถานกงสุลใหญ่ ณ เมืองเสียมราฐ โทรศัพท์: (+855) 86 608 999 Call Center กรมการกงสุล โทรศัพท์: (+66) 2 572 8442 ตลอด 24 ชั่วโมง .-สำนักข่าวไทย

กัมพูชาโจมตีร้านสะดวกซื้อในปั๊มน้ำมันกันทรลักษ์ สั่งอพยพ 7 ตำบล

24 ก.ค. – อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ สั่งอพยพประชาชน 7 ตำบล เข้าพื้นที่ปลอดภัยด่วน ขณะที่ร้านสะดวกซื้อในปั๊มน้ำมันถูกโจมตี มีรายงานพบผู้บาดเจ็บจำนวนมาก หลังมีเสียงดังที่ไม่แน่ชัดว่าเป็นเสียงปืนหรือระเบิด ในพื้นที่ อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ทำให้ตอนนี้ ทางอำเภอกันทรลักษ์ สั่งการด่วนที่สุด ให้พื้นที่ 7 ตำบลคือ ต.ภูผาหมอก, ต.เสาธงชัย, ต.รุง, ต.ละลาย, ต.โนนสำราญ, ต.บึงมะลู ต.ชำ และ 80 หมู่บ้าน ที่เป็นพื้นที่เสี่ยงภัยให้ดำเนินการอพยพประชาชน และโรงเรียนต่างๆ ออกจากพื้นที่เสี่ยงภัยโดยเร่งด่วน ขณะที่เหตุโจมตีร้านสะดวกซื้อ ในสถานีบริการน้ำมันแห่งหนึ่งในพื้นที่บ้านผือ อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ เบื้องต้นพบว่ามีผู้ได้รับบาดเจ็บจำนวนมาก โดยกองทัพภาคที่ 2 รายงานว่าเป็นเหตุกระสุน bm21 จากฝ่ายกัมพูชาตกใส่ปั๊ม .-สำนักข่าวไทย

มทภ.2 ยืนยันทุ่นระเบิดเป็นของใหม่ เตรียมยื่นเรื่องไปที่ “ยูเอ็น”

19 ก.ค. – แม่ทัพภาคที่ 2 ยืนยันผลตรวจสอบทุ่นระเบิดบริเวณเนิน 481 เป็นของใหม่ พบในเขตประเทศไทย คาดยังมีอีกกว่าร้อยลูกในพื้นที่ วันนี้ ที่กองบัญชาการกองกำลังสุรนารี เมื่อเวลา 15.30 น. พลโทบุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 นำแถลงผลการตรวจสอบทุ่นระเบิด บริเวณเนิน 481 จ.อุบลราชธานี โดย พันเอกสมโชค จันทาสี ผู้บังคับหน่วยปฏิบัติการทุ่นระเบิดด้านมนุษยธรรมที่ 3 ระบุว่า ได้จัดเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบจำนวน 7 นาย โดยจุดแรกที่เจอได้มีการวางจำนวน 3 ทุ่น ลักษณะการวางผิวดิน รัศมีห่างกัน 40 เซนซิเมตร มีใบไม้ปกคลุม ส่วนจุดที่ 2 เจอจำนวน 5 ทุ่น รัศมีการวางกระจัดกระจาย รวมที่พบทั้งหมดจำนวน 8 ลูก ซึ่งจากการกู้ระเบิดทั้ง 8 ลูก ทุ่นระเบิดมีความใหม่ ตัวอักษรชัดเจน เพราะถ้าเป็นของเก่าจะมีวัชพืชปกคลุม […]

ด่านหาดเล็ก จ.ตราด เปิดแล้ว ฝั่งกัมพูชายังปิดเงียบ

ตราด 19 ก.ค. – ด่านหาดเล็ก จ.ตราด เปิดแล้ว แต่ด่านฝั่งกัมพูชายังไม่เปิด จึงไม่มีรถขนส่งสินค้ารอข้ามฟาก ผู้ประกอบการรอความชัดเจน บรรยากาศชายแดนไทย-กัมพูชา ด้านจุดผ่านแดนถาวรบ้านหาดเล็ก ต.หาดเล็ก อ.คลองใหญ่ จ.ตราด หลังประกาศปลดล็อกเปิดด่านให้รถสินค้าเข้าออกได้ ทางฝั่งไทยได้เปิดด่านตามปกติแล้ว แต่ฝั่งกัมพูชายังคงปิดเงียบ ขณะที่มีฝนตกหนัก ทำให้บรรยากาศเงียบเหงา เจ้าหน้าที่ไทย บอกว่าเปิดด่านให้รถสินค้าเข้าออกได้ แต่ไม่มีรถมารอข้ามฟาก เนื่องจากผู้ประกอบการไทยจะต้องประสานกับผู้ประกอบการกัมพูชาเอง แต่ด่านฝั่งกัมพูชา คือด่านบ้านจามเยี่ยม จ.เกาะกง ของกัมพูชา ยังไม่เปิดด่าน จึงมีแต่แรงงานชาวกัมพูชาทยอยเดินทางกลับไปฝั่งกัมพูชาเท่านั้น ด้านผู้ประกอบการไทยที่จะส่งสินค้าไปฝั่งกัมพูชา บอกว่า ยังไม่มีความชัดเจนในการเปิดด่านของกัมพูชา จึงไม่มีผู้ประกอบการนำรถขนส่งสินค้าไปกัมพูชา จะต้องรอความชัดเจนจากฝั่งกัมพูชาอีกครั้ง ส่วนการซื้อขายสินค้าเล็กๆ น้อยๆ ริมชายแดนไทยกัมพูชา ก็ยังไม่มีชาวกัมพูชาข้ามมาซื้อสินค้าในฝั่งไทยแต่อย่างไร.-สำนักข่าวไทย

9 ทันโลก : เปิดอนุสัญญาออตตาวา กรณีทุ่นระเบิด

18 ก.ค. – รายงาน 9 ทันโลกวันนี้ พาไปติดตามอนุสัญญาออตตาวา ที่กลายเป็นประเด็นระหว่างไทยกับกัมพูชาล่าสุด มีความสำคัญอย่างไร โดยเฉพาะแนวทางสำหรับกรณีเกิดการละเมิดขึ้น .-สำนักข่าวไทย

ไทยเตรียมประท้วง UN หากทุ่นระเบิดเป็นของใหม่

18 ก.ค. – แม่ทัพภาค 2 ลั่นรอผลตรวจสอบกับระเบิดทำทหารไทยขาขาด หากเป็นของใหม่ จะเสนอประท้วงไปยังยูเอ็น ขอให้มีมาตรการคว่ำบาตรกัมพูชา ทำผิดอนุสัญญาออตตาวา กรณีทหารเหยียบกับระเบิด บนเนินช่องบก จ.อุบลราชธานี คาดว่าไม่เกิน 2 วัน จะชัดเจนว่าเป็นทุ่นระเบิดใหม่หรือของเก่า แต่มีคำยืนยันว่าไทยไม่เพิกเฉยเรื่องนี้แน่นอน พลโทบุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 บอกว่า หากผลพิสูจน์ชัดเจนว่า ทุ่นระเบิดเป็นของใหม่ จะใช้กลไกกองทัพบกประสานต่อกระทรวงต่างประเทศ ให้ยื่นประท้วงกัมพูชาต่อองค์การสหประชาชาติ เพื่อดำเนินการคว่ำบาตรกัมพูชา ตามสนธิสัญญาออตตาวา ห้ามใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ซึ่งไทยและกัมพูชาก็เป็นสมาชิกที่มีเกือบ 200 ประเทศทั่วโลก ส่วนมาตรการตอบโต้อย่างอื่น ยังบอกไม่ได้ สำหรับบริเวณช่องบก จุดเกิดเหตุระเบิดจนทำให้กำลังพลบาดเจ็บ 3 นาย จุดนั้น เป็นพื้นที่สู้รบเก่าที่สามารถพบทุ่นระเบิดเก่าได้ ซึ่งวันนี้ ทางชุดเก็บกู้ทุ่นระเบิดแห่งชาติ ที่มีผู้เชี่ยวชาญด้านกับระเบิดซึ่งทั่วโลกยอมรับ ได้ลงพื้นที่พิสูจน์ มีแนวโน้มเป็นไปได้ทั้งนำมาวางไว้ก่อน หรือหลังเหตุปะทะที่ช่องบก เมื่อวันที่ 28 พฤษภาคมที่ผ่านมา ส่วนในพื้นที่ ได้กำชับกำลังพลทุกนายให้เฝ้าระวังมากยิ่งขึ้น แม่ทัพภาคที่ 2 ยังพูดถึงประเด็นดราม่า […]

ชาวบ้านร้องถอนหมุดกัมพูชารุกล้ำแดนไทย

สุรินทร์ 17 ก.ค. – ชาวบ้านในพื้นที่ร้องให้รื้อถอนหมุดหลักเขตกัมพูชาที่รุกล้ำเขตแดนไทยบริเวณปราสาทตาเมือนโต๊ด จ.สุรินทร์ ขณะที่ทหารไทย บอกว่า เป็นเรื่องละเอียดอ่อน และอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลโลก ส่วนปราสาทตาเมือนธมวันนี้ การปรากฏตัวของแม่ทัพภาคที่ 2 ที่ไปให้กำลังใจกำลังพลถึงที่ช่วยสร้างบรรยากาศการท่องเที่ยวให้คึกคักขึ้นอย่างมาก .-สำนักข่าวไทย

อินฟลูฯ กัมพูชา โผล่ทำคอนเทนต์ “ปราสาทตาเมือนธม”

9 ก.ค. – อินฟลูฯ สาวกัมพูชา ขึ้นมาถ่ายทำคอนเทนต์ในพื้นที่ปราสาทตาเมือนธม ถูกทหารไทยสั่งห้าม แจงกฎ ด้านโฆษก ทบ. เมิน IO กัมพูชา ชี้ประชาชนมีวิจารณญาณ ช่วงเวลาประมาณ 11.00 น. วานนี้ (8 ก.ค.) ที่ปราสาทตาเมือนธม อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ ทหารไทย พบอินฟลูฯ สาวชาวกัมพูชา ซึ่งเป็นแม่ค้าขายเสื้อผ้าออนไลน์และเปิดร้านอาหารที่พนมเปญ เดินขึ้นมาที่ปราสาทพร้อมคณะ ก่อนจะพากันถ่ายทำคอนเทนต์ ทำให้ทหารไทยต้องเข้าไปห้าม เนื่องจากผิดกฎข้อห้าม ท่ามกลางวงล้อมของชาวกัมพูชาจำนวนมาก ที่มายืนมุงดูและฟังทหารไทยอธิบาย เหตุการณ์เหมือนจะเป็นไปได้ด้วยดี ระหว่างนั้นก็พบหญิงชาวกัมพูชารายหนึ่งกำลังแจกเงินให้ทหารกัมพูชา บนพื้นที่ปราสาท ทหารไทยจึงเข้าไปห้ามปรามอีกครั้ง และเชิญให้ไปแจกเงินที่ด้านล่าง นอกตัวปราสาทในพื้นที่ของกัมพูชา ก่อนที่ทั้งหมดจะแยกย้ายกันถ่ายภาพและเดินทางกลับไป ซึ่งเป็นเหตุการณ์วุ่นวายที่เกิดขึ้นไล่เลี่ยกันแต่ทหารไทยมีสติและแก้ไขสถานณ์การณ์ได้ทันที ด้าน พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก กล่าวถึงสถานการณ์ภาพรวมว่าหน่วยทหารในพื้นที่ที่อยู่แนวหน้า มีภาระงานอย่างหนึ่ง ส่วนทหารแนวหลังก็จะมีแนวทางอีกส่วนหนึ่ง ซึ่งงานด้านกิจการพลเรือนที่ทำร่วมกับฝ่ายปกครอง เน้นเรื่องการทำความเข้าใจกับประชาชน หรือมีเหตุที่ไม่ปกติ ก็จะใช้ช่องทางสื่อสารไม่ให้ประชาชนเกิดความตื่นตระหนก รวมถึงดูแลรักษาความปลอดภัย ซึ่งในพื้นที่ ‘ปราสาทตาเมือนธม’ […]

ชาวกัมพูชาแห่ขึ้นปราสาทตาควาย มากผิดปกติ

7 ก.ค. – ชาวกัมพูชา แห่ขึ้นปราสาทตาควาย ร่ายคาถาภาษาเขมร ทำพีธีเซ่นไหว้ ด้านคนไทยหวังดี เตือนคุณตาวัย 76 พิการขา เดินดีๆ แต่เจอตอบสวน “ถึงจะล้ม ก็ล้มบนผืนแผ่นดินกัมพูชา” บรรยากาศที่ปราสาทตาควาย มีนักท่องเที่ยวกัมพูชา มาท่องเที่ยวมากผิดปกติกว่า 200 คน ท่ามกลางฝนที่ตกลงมาตลอดทั้งวัน โดยชาวกัมพูชา นำเครื่องเซ่นไหว้ เข้าไปในตัวปราสาทควาย บริเวณจุดทำพิธี ทำพิธีอะไรเป็นภาษาเขมร ระหว่างนั้นมีชายชาวกัมพูชา ขาด้วนหนึ่งข้างอายุ 76 ปี มาจากจังหวัดเสียมเรียบ ใช้ไม้ค้ำประคองตัวเอง เพื่อที่จะขึ้นบันไดปราสาท ด้วยความหวังดีคนไทยกลัวว่าชายขาด้วนจะลื่นล้ม เพราะตะไคร้น้ำขึ้นตามบันไดหนาแน่น เลยเตือนว่า “ระวังลื่นล้มน่ะตาเดินดีๆ” ยังไม่ทันพูดจบ แทนที่ชายขาด้วนจะขอบคุณ ตอบกลับมาว่า “ถึงจะล้มก็ล้มบนผืนแผ่นดินกัมพูชา” นอกจากนี้ เกิดการโต้เถียงกันระหว่างนักท่องเที่ยวกัมพูชากับนักท่องเที่ยวไทย รวมไปถึงทหารฝั่งกัมพูชาและทหารฝั่งไทย หลังจากนักท่องเที่ยวกัมพูชาเอาผ้าพันคอที่มีสัญลักษณ์ธงชาติกัมพูชาเข้ามาแสดงสัญลักษณ์ เจ้าหน้าที่ไทยห้ามปรามจนเกิดปากเสียงกัน แต่ไม่ได้บานปลายเพียงก่อกวน.-สำนักข่าวไทย

ไทยยื่นหนังสือถึงสหประชาชาติปมชายแดนไทย-กัมพูชาเช่นกัน

5 ก.ค. – โฆษกกระทรวงการต่างประเทศ ชี้แจงไทยยื่นหนังสือถึงสหประชาชาติเรื่องปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชาเช่นกัน เพื่อชี้แจงท่าทีของประเทศไทย ตามที่มีการสอบถามจากสื่อต่าง ๆ เรื่องในสื่อออนไลน์ เกี่ยวกับหนังสือของเอกอัครราชทูต ผู้แทนถาวรกัมพูชา ณ นครนิวยอร์ก ถึงเลขาธิการสหประชาชาติต้องการจะฟ้องร้องประเด็นชายแดนระหว่างไทยกับกัมพูชาต่อ ICJ หรือศาลยุติธรรมระหว่างประเทศนั้น นายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ ชี้แจงว่า

กัมพูชาออกแถลงการณ์ย้ำจุดยืนปัญหาชายแดน

กัมพูชา 5 ก.ค. – กระทรวงการต่างประเทศกัมพูชา ออกแถลงการณ์ย้ำจุดยืนต่อความตึงเครียดชายแดนที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง หลังจากเมื่อวานนี้มีการเผชิญหน้ากันระหว่างทหารกัมพูชาและชุดลาดตระเวนของไทย บริเวณจุดชมวิวภูผี จ.ศรีสะเกษ รัฐบาลกัมพูชาออกแถลงการณ์ฉบับสมบูรณ์ เพื่อยืนยันจุดยืนต่อความตึงเครียดชายแดนกับไทย เริ่มตั้งแต่บรรยายรายละเอียดของเหตุการณ์ปะทะกัน เมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม บริเวณช่องบก โดยกัมพูชากล่าวหาฝ่ายไทยว่ารุกล้ำดินแดน และเป็นฝ่ายยิงใส่ที่มั่นของทหารกัมพูชา ทำให้ทหารกัมพูชาเสียชีวิตไป 1 คน แม้ว่าจะมีการรุกรานดังกล่าว แต่รัฐบาลกัมพูชา ก็เน้นย้ำว่าได้แสดงความยับยั้งชั่งใจอย่างเต็มที่ และดำเนินมาตรการที่รับผิดชอบเพื่อหลีกเลี่ยงการยกระดับความรุนแรงต่อไป แต่ความตึงเครียดกลับเพิ่มขึ้น เนื่องจากไทยเพิ่มกำลังทหารตามแนวชายแดน ทำให้กัมพูชาต้องใช้มาตรการป้องตนเองที่จำเป็นเพื่อขัดขวางการรุกราน แถลงการณ์ฉบับนี้ยังคงวิพากษ์วิจารณ์ไทย เกี่ยวกับการดำเนินการเพียงฝ่ายเดียวหลายครั้งที่ทำให้สถานการณ์รุนแรงขึ้น เช่น การปิดจุดตรวจผ่านแดน โดยไม่ปรึกษาฝ่ายกัมพูชาก่อน การขุดสนามเพลาะในพื้นที่พิพาท และการขู่จะตัดไฟ อินเทอร์เน็ต และเชื้อเพลิง ซึ่งนอกจากเพิ่มความตึงเครียดแล้ว ยังบั่นทอนเสถียรภาพในภูมิภาค กัมพูชายังคงเรียกร้องให้ไทยยอมรับเขตอำนาจศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (ICJ) เหมือนกันสมาชิกอาเซียนอื่นๆ เช่น มาเลเซีย สิงคโปร์ โดยระบุว่า การยอมรับอำนาจศาล จะแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นอย่างแท้จริงต่อพันธกรณีระหว่างประเทศ ภายใต้กฎบัตรสหประชาชาติ และสะท้อนถึงความปรารถนาในการแก้ปัญหาอย่างสันติ ยุติธรรม และยั่งยืน ขณะเดียวกัน กัมพูชายังย้ำถึงความมุ่งมั่นที่จะแก้ปัญหาอย่างสันติ แต่ก็พร้อมจะปกป้องอธิปไตย […]

1 5 6 7 8 9 10
...