กรุงเทพฯ 8 เม.ย.- กลุ่มฮิวแมนไรท์วอทช์ชี้ว่า การที่รัฐบาลทหารเมียนมาเสียเมืองเมียวดีให้แก่กลุ่มชาติพันธุ์ที่จับมือกับกลุ่มต่อต้าน ทำให้สูญเสียช่องทางการค้าสำคัญ นายฟิล โรเบิร์ตสัน รองผู้อำนวยการประจำภูมิภาคเอเชียของฮิวแมนไรท์วอทช์ให้ความเห็นกับเว็บไซต์อัลจาซีราว่า เมืองเมียวดีที่อยู่บริเวณพรมแดนเมียนมา ตรงข้ามกับอำเภอแม่สอด จังหวัดตากของไทยเป็นเส้นทางการค้าสำคัญ เพราะถึงแม้จะเกิดการสู้รบครั้งใหม่นับตั้งแต่กองทัพรัฐประหารในเดือนกุมภาพันธ์ 2564 การค้าทวิภาคีข้ามพรมแดนช่วงเดือนเมษายน 2566 ถึงเดือนมีนาคม 2567 ยังคงมีมูลค่ามากกว่า 1,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (มากกว่า 36,730 ล้านบาท) การสูญเสียเมืองเมียวดีจึงเป็นการสูญเสียครั้งสำคัญของเมียนมา เพราะเมืองนี้ใหญ่ที่สุดและมีความสำคัญมากที่สุดในบรรดาจุดผ่านแดนอย่างเป็นทางการระหว่างไทยกับเมียนมา อัลจาซีรารายงานว่า ก่อนหน้านี้สหภาพแห่งชาติกะเหรี่ยงหรือเคเอ็นยู (KNU) อ้างว่า กองทัพปลดปล่อยแห่งชาติกะเหรี่ยงหรือเคเอ็นแอลเอ (KNLA) ซึ่งเป็นกองกำลังติดอาวุธของเคเอ็นยูได้ร่วมกับนักรบต่อต้านรัฐประหารของกองกำลังปกป้องประชาชนหรือพีดีเอฟ (PDF) เข้ายึดที่ตั้งทางทหารในเมืองเมียวดี พร้อมกับเผยแพร่ภาพถ่ายอาวุธและเครื่องกระสุนที่ยึดได้ อัลจาซีราระบุว่า เคเอ็นยูเป็นกลุ่มชาติพันธุ์ติดอาวุธเก่าแก่ที่สุดในเมียนมา และได้ให้การฝึกอาวุธแก่นักรบของพีดีเอฟ เป็นกองกำลังที่ก่อตั้งขึ้นโดยรัฐบาลเอกภาพแห่งชาติหรือเอ็นยูจี (NUG) ซึ่งเป็นรัฐบาลเงาของกลุ่มนักการเมืองเมียนมาที่ถูกรัฐประหาร เอ็นยูจีเผยเมื่อสัปดาห์ก่อนว่า พีดีเอฟได้ใช้โดรนโจมตีกรุงเนปิดอว์ เมืองหลวงของเมียนมาที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ห่างไกล.-814.-สำนักข่าวไทย