เทียบท่า

นิโคเซีย 11 ส.ค.- เรือรบของสหรัฐจอดเทียบท่าที่เมืองลีมาซอล ทางใต้ของไซปรัส ประเทศหมู่เกาะในทะเลเมดิเตอร์เรเนียน เป็นการเยือนตามที่กำหนดไว้ล่วงหน้า แต่อาจใช้ช่วยอพยพพลเรือน หากเกิดเหตุไม่คาดคิดในตะวันออกกลาง เอกอัครราชทูตสหรัฐประจำไซปรัสโพสต์เอ็กซ์ (X) เมื่อวันศุกร์ว่า เรือยูเอสเอสวอสป์ (USS Wasp) ซึ่งเป็นเรือยกพลขึ้นบกจู่โจมจอดเทียบท่าไซปรัสในช่วงเวลาที่สหรัฐยังคงใช้ความพยายามทุกอย่างร่วมกับหุ้นส่วนสำคัญเพื่อลดความตึงเครียดระดับภูมิภาค และเพื่อเตรียมพร้อมสนับสนุนพลเรือนในกรณีที่เกิดวิกฤต ด้านไซปรัสซึ่งเป็นสมาชิกสหภาพยุโรป หรืออียู เคยเสนอให้การช่วยเหลือในกรณีที่จำเป็น เรื่องการอพยพชาวยุโรปและพลเมืองของประเทศที่ 3 ถ้าปัญหาความขัดแย้งในตะวันออกกลางบานปลาย โดยยืนยันว่าไซปรัสไม่เกี่ยวข้องกับปฏิบัติการทางทหาร หรือความขัดแย้งใด ๆ.-810(814).-สำนักข่าวไทย

แคนเบอร์รา 1 ก.พ.- ทางการออสเตรเลียอนุญาตให้เรือบรรทุกแกะ 14,000 ตัว และวัว 2,000 ตัวเทียบท่าแล้วในวันนี้ แต่ยังไม่อนุญาตให้นำสัตว์ลงจากเรือ หลังจากเรือต้องยกเลิกการล่องผ่านทะเลแดงเพื่อไปยังอิสราเอล เนื่องจากสถานการณ์ไม่ปลอดภัย กระทรวงเกษตรออสเตรเลียแถลงวันนี้ว่า เรือเอ็มวี บาฮิจาห์ (MV Bahijah) ได้เทียบท่าในเมืองเพิร์ท เมืองเอกของรัฐเวสเทิร์นออสเตรเลียแล้ว กระทรวงกำลังพิจารณาคำขอของผู้ส่งออกซึ่งเป็นบริษัทอิสราเอลเรื่องขอนำปศุสัตว์ลงมาบางส่วน และส่งปศุสัตว์ที่เหลือบนเรือล่องอ้อมทวีปแอฟริกาไปยังอิสราเอล ซึ่งจะใช้เวลาประมาณ 33 วัน ขณะนี้มีการเติมเสบียงเพื่อดูแลปศุสัตว์บนเรือให้มีความเป็นอยู่ที่ดี และยังไม่มีการนำปศุสัตว์ลงมา หากนำลงมาจะต้องผ่านการกักโรคอย่างเข้มงวด กระทรวงได้ส่งสัตวแพทย์ 2 นายไปตรวจสอบบนเรือแล้ว และไม่พบสิ่งน่าเป็นห่วง เรือเอ็มวี บาฮิจาห์เดินทางออกจากออสเตรเลียตั้งแต่วันที่ 5 มกราคม และล่องกลับมาลอยลำอยู่นอกชายฝั่งออเสตรเลียตั้งแต่วันที่ 29 มกราคม ด้านพรรคกรีนส์ที่รณรงค์เรื่องสิ่งแวดล้อม ความยุติธรรม ประชาธิปไตยและสันติภาพ แย้งว่า การปล่อยให้ปศุสัตว์ถูกกักอยู่บนเรือท่ามกลางอากาศร้อนจัด ถือเป็นการทรมานสัตว์ รัฐบาลทำผิดพลาดครั้งใหญ่มาแล้วตั้งแต่อนุญาตให้เรือล่องผ่านเขตที่กำลังมีความขัดแย้ง การส่งสัตว์เหล่านี้กลับไปยังจุดหมายเดิมโดยใช้เส้นทางที่ยาวนานกว่าเดิมจึงเป็นเรื่องที่ไม่สามารถยอมรับได้อย่างยิ่ง.-814.-สำนักข่าวไทย

ฮานอย 25 มิ.ย.- เรือบรรทุกเครื่องบินของสหรัฐเทียบท่าเมืองดานัง ทางตอนกลางของเวียดนามในวันนี้ ในขณะที่ทั้ง 2 ประเทศฉลองการเป็นหุ้นส่วนอย่างครอบคลุมครบปีที่ 10 เรือยูเอสเอส โรนัลด์ เรแกน (USS Ronald Reagan) เป็นเรือบรรทุกเครื่องบินลำที่ 3 ของสหรัฐที่เทียบท่าเวียดนาม หลังจากเรือยูเอสเอส คาร์ล วินสัน (USS Carl Vinson) เทียบท่าเป็นลำแรกในปี 2561 และเป็นลำแรกตั้งแต่สงครามเวียดนามสิ้นสุดลงในปี 2518 ส่วนเมื่อเดือนพฤษภาคมกองเรือของกองทัพเรืออินเดียได้เทียบท่าเมืองดานังเช่นกัน ขณะที่เรืออิซุโมะ (Izumo) ซึ่งเป็นเรือพิฆาตลำใหญ่ที่สุดของกองกำลังป้องกันตนเองทางทะเลของญี่ปุ่นได้เทียบท่าเมืองกามซัญ ทางตะวันออกเฉียงใต้ของเวียดนามเมื่อวันที่ 20 มิถุนายน โฆษกกระทรวงต่างประเทศเวียดนามกล่าวเมื่อต้นสัปดาห์ว่า การเทียบท่าของเรือจากประเทศต่าง ๆ เป็นการแลกเปลี่ยนฉันมิตรตามปกติเพื่อสันติภาพ เสถียรภาพ ความร่วมมือและการพัฒนาในระดับภูมิภาคและระดับโลก ก่อนหน้านี้ กระทรวงต่างประเทศเวียดนามได้เรียกร้องให้กองเรือจีนออกไปจากเขตเศรษฐกิจจำเพาะของเวียดนามในทะเลจีนใต้ หลังจากเรือสำรวจ เรือหน่วยยามฝั่งและเรือประมงของจีนได้ไปเข้าในน่านน้ำดังกล่าวนานหลายสัปดาห์ นักวิชาการของมหาวิทยาลัยนิวเซาท์เวลส์ วิทยาเขตแคนเบอร์ราในออสเตรเลียมองว่า  เวียดนามต้องการส่งสัญญาณว่ากำลังถ่วงดุลอำนาจจีนด้วยการปรับปรุงความสัมพันธ์กับสหรัฐและมหาอำนาจภายนอก ขณะที่สหรัฐหวังว่าการส่งเรือบรรทุกเครื่องบินที่ทรงประสิทธิภาพไปเทียบท่าเวียดนามจะทำให้เวียดนามกลายเป็นหุ้นส่วนที่เชื่อถือได้และไว้ใจได้ของสหรัฐ.-สำนักข่าวไทย

โตเกียว 1 มี.ค.- เรือสำราญของต่างชาติเทียบท่าท่าเรือในจังหวัดชิซุโอกะของญี่ปุ่นในวันนี้ นับเป็นเรือสำราญต่างชาติที่เทียบท่าญี่ปุ่นเป็นลำแรก หลังจากรัฐบาลสั่งงดรับเรือสำราญตั้งแต่ 3 ปีก่อนเพราะโรคโควิด-19 เรืออะมาเดีย (Amadea) ของเยอรมนีเทียบท่าเรือชิมิซุ จังหวัดชิซุโอกะ ในภูมิภาคชูบุ ทางตอนกลางของเกาะฮอนชูเมื่อเวลา 08:00 วันนี้ตามเวลาญี่ปุ่น เป็นเรือสำราญลำแรกจากทั้งหมด 212 ลำที่มีกำหนดเทียบท่าญี่ปุ่นในปี 2566 เรือระวางขับน้ำ 29,000 ตัน ลำนี้เดินทางออกจากเกาะไซปันในหมู่เกาะนอร์เทิร์นมาเรียนาเมื่อวันที่ 25 กุมภาพันธ์ มีผู้โดยสารประมาณ 500 คน ลูกเรือ 300 คน เทียบท่าโดยเห็นภูเขาไฟฟูจิเป็นฉากหลังอย่างชัดเจนเพราะสภาพอากาศปลอดโปร่ง และมีวงดนตรีมาบรรเลงเพลงต้อนรับ ผู้โดยสารเริ่มลงจากเรือในอีก 1 ชั่วโมงต่อมาหลังจากผ่านการตรวจสุขภาพบนเรือแล้ว ทั้งนี้ในปี 2562 ช่วงก่อนเกิดโควิด ญี่ปุ่นมีเรือสำราญเข้ามาเทียบท่าทั้งหมด 1,932 ครั้ง นำนักท่องเที่ยวประมาณ 2 ล้าน 1 แสน 5 หมื่นคน เข้ามาใช้จ่ายในญี่ปุ่นประมาณ 80,500 ล้านเยน (ราว 20,657 […]

โคลัมโบ 16 ส.ค.- เรือวิจัยของจีนเทียบท่าท่าเรือทางใต้ของศรีลังกาในวันนี้ แม้อินเดียและสหรัฐแสดงความกังวลว่าเรือจีนอาจจะมาทำการจารกรรม เรือหยวนวั่ง 5 (Yuan Wang 5) เข้าเทียบท่าท่าเรือน้ำลึกฮัมบันโตตาของศรีลังกาที่อยู่ภายใต้การบริหารของจีน หลังจากทางการศรีลังกาอนุญาตให้เข้าน่านน้ำโดยมีเงื่อนไขห้ามทำการวิจัยใด ๆ เดิมเรือมีกำหนดเทียบท่าตั้งแต่สัปดาห์ที่แล้ว แต่ศรีลังกาขอให้เลื่อนออกไปก่อน เนื่องจากได้รับคำท้วงติงจากอินเดียที่มีความกังวลเช่นเดียวกับชาติตะวันตกเรื่องการเคลื่อนไหวของจีนในภูมิภาคนี้ อย่างไรก็ดี หลังจากที่มีการเจรจาอย่างเคร่งเครียด รัฐบาลศรีลังกาได้ประกาศในวันเสาร์ อนุญาตให้เรือจีนเข้าเทียบท่าและให้อยู่ได้นาน 6 วันเพื่อเติมเชื้อเพลิงและบรรทุกสินค้าอื่น ๆ ศรีลังกาไม่ได้จัดวงโยธวาทิตต้อนรับเรือจีน แต่มีกลุ่มนักเต้นและนักดนตรีพื้นเมืองไปแสดงต้อนรับ และมีสมาชิกรัฐสภา 5 คนไปรอที่ท่าเรือ มีกลุ่มชายสวมเสื้อเชิ้ตขาวกางเกงดำยืนโบกธงชาติศรีลังกาและจีนขณะเรือเข้าเทียบท่า เว็บไซต์วิเคราะห์การเดินเรือระบุว่า เรือหย่วนวั่ง 5 เป็นเรือวิจัยและสำรวจ แต่สื่ออินเดียระบุว่า เป็นเรือจารกรรมที่ใช้ได้ 2 วัตถุประสงค์คือ ติดตามอวกาศและดาวเทียม และใช้ปล่อยขีปนาวุธร่อนข้ามทวีป อินเดียกังวลเรื่องที่จีนเพิ่มบทบาทในมหาสมุทรอินเดียและเพิ่มอิทธิพลในศรีลังกา เพราะถือว่ามหาสมุทรอินเดียและศรีลังกาอยู่ในเขตอิทธิพลของอินเดีย อินเดียและสหรัฐหยิบยกประเด็นความมั่นคงขึ้นมาคัดค้านเรื่องเรือจีนเทียบท่าศรีลังกา อินเดียถึงกับยื่นคำร้องแสดงความไม่พอใจต่อศรีลังกา ทำให้เจ้าหน้าที่จีนกล่าวก่อนที่ศรีลังกาอนุญาตว่า เป็นเรื่องไร้ความชอบธรรมอย่างยิ่งที่บางประเทศยกเรื่องความมั่นคงมากดดันศรีลังกา ในช่วงที่ศรีลังกากำลังเผชิญวิกฤตเศรษฐกิจอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน ศรีลังกากู้ยืมเงินจำนวนมากจากจีนระหว่างปี 2548-2558 และได้ยกท่าเรือฮัมบันโตตาให้จีนบริหารตั้งแต่ปี 2560 เนื่องจากไม่มีเงินจ่ายบริษัทจีนที่สร้างท่าเรือแห่งนี้ด้วยงบประมาณ 1,400 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 49,602 […]