ออนไลน์

มะนิลา 2 พ.ย.- นักเรียนฟิลิปปินส์หลายล้านคนกลับเข้าชั้นเรียนอีกครั้งในวันนี้ ตามที่รัฐบาลสั่งให้โรงเรียนรัฐบาลทั่วประเทศเปิดการเรียนการสอนในชั้นเรียน หลังจากปิดมานานกว่า 2 ปีเพราะสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 ประธานาธิบดีเฟอร์ดินันด์ มาร์กอส จูเนียร์ เร่งเปิดเศรษฐกิจเต็มตัว หลังจากรัฐบาลของอดีตประธานาธิบดีโรดริโก ดูเตอร์เตสั่งปิดโรงเรียน ที่ทำงาน และบริการขนส่งมวลชนเพื่อควบคุมการระบาด จนกลายเป็นหนึ่งในประเทศที่ล็อกดาวน์นานที่สุดในโลก ผู้นำคนปัจจุบันยกเลิกการบังคับสวมหน้ากากอนามัยในที่สาธารณะและที่ปิด และให้โรงเรียนของรัฐเปิดการเรียนการสอนในชั้นเรียนอีกครั้งในวันนี้ ส่วนโรงเรียนเอกชนสามารถเลือกได้ว่า จะเปิดการเรียนการสอนในชั้นเรียนเต็มตัว หรือเปิดร่วมกับการเรียนการสอนแบบออนไลน์ต่อไป หลายโรงเรียนเริ่มการเรียนการสอนในชั้นเรียนตั้งแต่เดือนสิงหาคมเพื่อปรับเปลี่ยนจากการเรียนออนไลน์ เพราะเกรงว่าการเรียนออนไลน์นานเกินไปอาจทำให้อัตราการไม่รู้หนังสือของเด็กชาวฟิลิปปินส์สูงยิ่งขึ้นไปอีก ผลการศึกษาของธนาคารโลกเมื่อปีก่อนระบุว่า เด็กชาวฟิลิปปินส์ราว 9 ใน 10 คนมี “ความยากจนทางการเรียนรู้” คือไม่สามารถอ่านออกเขียนได้ในเรื่องง่าย ๆ ก่อนอายุครบ 10 ปี อย่างไรก็ดี การเปิดชั้นเรียนในหลายเมืองและหลายจังหวัดเผชิญปัญหามาโดยตลอด ล่าสุดได้รับผลกระทบจากพายุโซนร้อนนัลแก (Nalgae) พัดกระหน่ำเมื่อวันอาทิตย์ ทำให้เกิดน้ำท่วมและดินถล่มเป็นวงกว้าง มีคนเสียชีวิตมากกว่า 130 คน โครงสร้างพื้นฐานสำคัญรวมถึงอาคารเรียนเสียหาย นอกจากนี้ยังมีปัญหาเรื้อรังเรื่องจำนวนครูและชั้นเรียนไม่เพียงพอ.-สำนักข่าวไทย

ประธานาธิบดีเฟอร์ดินันด์ มาร์กอส จูเนียร์ ของฟิลิปปินส์ ลงนามร่างกฎหมายที่กำหนดให้การลงทะเบียนซิมการ์ดเป็นเรื่องที่จำเป็นต้องทำ ถือเป็นก้าวสำคัญในการปราบปรามการหลอกลวงออนไลน์

ฮานอย 9 ต.ค.- สื่อเวียดนามรายงานว่า เวียดนามมีคนตกเป็นเหยื่อหลอกลวงออนไลน์เพิ่มขึ้นมากทั้งจำนวนคนและยอดความเสียหาย เว็บไซต์วีเอ็นเอ็กซ์เพรสส์ของเวียดนามอ้างข้อมูลที่กระทรวงความมั่นคงสาธารณะแถลงเมื่อเดือนกรกฎาคมว่า จำนวนเหยื่อเพิ่มขึ้นมากตั้งแต่ต้นปี 2565 โดยเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 42 เมื่อเทียบกับช่วง 6 เดือนหลังของปี 2564 ขณะที่ข้อมูลของเว็บท่ารายงานอาชญากรรมไซเบอร์แห่งชาติระบุว่า เดือนกุมภาพันธ์ถึงกรกฎาคมปีนี้ ผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ตแจ้งเหตุหลอกลวงออนไลน์มากถึง 3,500 คดี กระทรวงสารสนเทศเผยว่า การหลอกลวงส่วนใหญ่ทำผ่านสื่อสังคมออนไลน์และข้อความสั้นทางโทรศัพท์เคลื่อนที่หรือเอสเอ็มเอส (SMS) โดยใช้หมายเลขโทรศัพท์หรือที่อยู่ไอดีแปลกหน้าเสนอจ้างงานพาร์ตไทม์รายได้สูง เหยื่อส่วนใหญ่เป็นคุณแม่มือใหม่ นักเรียนนักศึกษา และคนทำงานอิสระที่ต้องการหารายได้พิเศษยามว่าง นอกจากนี้ยังมีการหลอกลวงโดยอ้างตัวว่าเป็นธนาคารเพิ่มขึ้นมากในช่วงครึ่งแรกของปีนี้ คนร้ายจะส่งเอสเอ็มเอสโดยใช้ชื่อของธนาคารไปพร้อมกับลิงก์ หลอกให้เหยื่อกดลิงก์เพื่อรับของรางวัล ยกเลิกโฆษณา หรือจ่ายค่าบริการที่ไม่เคยใช้ และเมื่อเหยื่อกรอกข้อมูลตามที่ปรากฏในลิงก์ เงินในบัญชีก็จะถูกถอนหรือโอนหมดเกลี้ยงในทันที วีเอ็นเอ็กซ์เพรสส์รายงานว่า การหลอกลวงในรูปแบบใหม่ที่กำลังแพร่หลายในช่วงหลายปีมานี้คือ หลอกให้ลงทุนในตลาดหลักทรัพย์และคริปโทเคอร์เรนซี คนร้ายจะเลือกเหยื่อจากผู้ใช้เฟซบุ๊กที่อยู่ในกลุ่มการลงทุน แล้วหลอกล่อด้วยการจ่ายผลตอบแทนสูงในตอนต้น จากนั้นจะจูงใจให้เหยื่อลงทุนเพิ่มอย่างต่อเนื่อง หากต้องการร่ำรวยตามผู้ลงทุนรายอื่นซึ่งเป็นบัญชีปลอมที่คนร้ายสร้างประวัติการลงทุนขึ้นเองภายในกลุ่มปิด หากเหยื่อไม่ลงทุนเพิ่มก็จะไม่ได้เงินที่ลงทุนไปก่อนหน้านั้น.-สำนักข่าวไทย

โซล 6 ต.ค.- ข้อมูลของรัฐบาลเกาหลีใต้ระบุว่า การหลอกลวงออนไลน์ในเกาหลีใต้สร้างความสูญเสียมากกว่า 1.76 ล้านล้านวอน (มากกว่า 46,670 ล้านบาท) ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา แต่สามารถติดตามเงินคืนเหยื่อได้ไม่ถึง 1 ใน 3 การหลอกลวงออนไลน์เป็นการโทรศัพท์หา หรือส่งข้อความสั้นทางโทรศัพท์ หรือส่งอีเมล หลอกให้เหยื่อเปิดเผยรหัสส่วนตัวหรือรหัสความปลอดภัย ทำให้ผู้หลอกลวงสามารถเข้าถึงบัญชีธนาคารของเหยื่อ คดีหลอกลวงออนไลน์ส่วนใหญ่เป็นการหลอกให้โอนเงิน โดยที่ผู้หลอกลวงจะอ้างตัวเป็นเจ้าหน้าที่สอบสวนหลอกให้เหยื่อโอนเงินจากบัญชีธนาคารของตนเองให้แก่ผู้หลอกลวง นายอี ทัน-เน ส.ส. พรรคประชาธิปไตย ซึ่งเป็นฝ่ายค้านอ้างข้อมูลที่ขอจากกระทรวงยุติธรรมและสำนักงานกำกับดูแลการเงินของเกาหลีใต้ กล่าวว่า ปี 2560-2564 มีการแจ้งคดีหลอกโอนเงินประมาณ 248,000 ราย คิดเป็นมูลค่าความเสียหายมากกว่า 1.76 ล้านล้านวอน (มากกว่า 46,670 ล้านบาท) แต่มีการติดตามเงินคืนเหยื่อได้เพียง 526,800 ล้านวอน (ราว 13,970 ล้านบาท) หรือไม่ถึง 1 ใน 3 หลังจากมีการใช้กฎหมายพิเศษเอื้อให้เหยื่อสามารถยกเลิกการโอนเงินได้ง่ายขึ้น ก่อนที่ผู้หลอกลวงจะถอนเงินออกไป ส.ส.อี ระบุว่า […]

กัวลาลัมเปอร์ 22 ก.ย.- กระทรวงต่างประเทศมาเลเซียแจ้งว่า ทางการสามารถช่วยเหลือชาวมาเลเซีย 15 คนที่ตกเป็นเหยื่อของแก๊งล่อลวงคนทำงานออนไลน์ผิดกฎหมายในกัมพูชา และได้นำตัวกลับประเทศแล้วเมื่อวานนี้ ปฏิบัติการช่วยเหลือเหยื่อชาวมาเลเซียมีขึ้นในช่วงที่ทางการกัมพูชาออกตรวจค้นสถานที่ก่ออาชญากรรมไซเบอร์ทั่วประเทศที่ต้องสงสัยว่า ล่อลวงคนเข้ากัมพูชามาทำงานด้านการพนันผิดกฎหมายและหลอกลวงทางโทรศัพท์ กระทรวงต่างประเทศมาเลเซียแถลงเมื่อค่ำวันพุธว่า ได้รับรายงาน 301 ครั้งเรื่องมีคนถูกล่อลวงให้ทำงานกับแก๊งหลอกลวงออนไลน์ในกัมพูชา ลาว เมียนมา และไทย ขณะนี้มีผู้ได้รับการช่วยเหลือแล้ว 168 คน มีผู้อยู่ในศูนย์กักตัวคนเข้าเมือง 34 คน และมีผู้ที่ยังอยู่ระหว่างการค้นหาอยู่ 99 คน เหยื่อเผยว่า ถูกล่อลวงให้เดินทางไปกัมพูชาว่าจะได้ทำงานในกาสิโนและโรงแรมที่มีเงินเดือนดี แต่เมื่อไปถึงกลับถูกบังคับให้หลอกลวงผู้ใช้งานออนไลน์ด้วยการหลอกให้รักและหลอกให้ลงทุนในคริปโทเคอร์เรนซี ทางการกัมพูชาเผยว่า พบหลักฐานในสถานที่ที่บุกตรวจค้นแห่งหนึ่งว่ามีการพนันผิดกฎหมาย การกักขังและทรมาน การค้าประเวณี การครอบครองอาวุธโดยผิดกฎหมาย การฟอกเงินและการค้ามนุษย์.-สำนักข่าวไทย

ปักกิ่ง 3 ส.ค.- ผู้ใช้สื่อสังคมออนไลน์ในจีนพากันแสดงความรักชาติ และเรียกร้องให้รัฐบาลตอบโต้อย่างแข็งกร้าวมากยิ่งขึ้น หลังจากเห็นภาพนางแนนซี เปโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐเดินทางถึงไต้หวันเมื่อค่ำวันอังคาร แฮชแท็กที่เกี่ยวข้องกับการเยือนของนางเปโลซีถูกใช้อย่างแพร่หลายในเวย์ปั๋ว ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มโพสต์ข้อความสั้น ๆ ของจีน แฮชแท็กแสดงความรักชาติสิบกว่าแฮชแท็กมีคนคลิกอ่านแล้วหลายพันล้านครั้งนับจนถึงวันนี้ ผู้ใช้บางรายถือว่า การเยือนของนางเปโลซีเป็นความชอบธรรมให้จีนรุกรานไต้หวันได้โดยทันที ขณะที่บางรายเห็นว่า กองทัพจีนควรหาทางยับยั้งไม่ให้เครื่องบินของนางเปโลซีลงจอดที่ไต้หวัน และนำโพสต์ข้อความสั้น ๆ ว่า “พร้อมรบ” ที่กองทัพปลดปล่อยประชาชนจีนลงในบัญชีอย่างเป็นทางการเมื่อสัปดาห์ก่อนมาล้อเลียนว่า คราวหน้าหากไม่พร้อม ก็อย่าโพสต์หลอกคนทั่วไปอีก อย่างไรก็ดี ผู้ใช้บางรายตั้งข้อสังเกตว่า กระแสรักชาติในสื่อสังคมออนไลน์ขณะนี้ทำให้บรรยากาศในจีนตึงเครียดเหมือนกลับไปสู่ยุคที่เด็กถูกสอนให้ต้อง “ปลดแอกไต้หวัน” สื่อทางการจีนได้ถ่ายทอดสดติดตามเครื่องบินของนางเปโลซีที่เดินทางมายังไต้หวัน มีผู้ชมผ่านแอปพลิเคชันวีแชทของจีนมากถึง 22 ล้านราย ส่วนผู้ชมผ่านเวย์ปั๋วได้ชมถึงช่วงที่เครื่องบินของนางเปโลซียังไม่ลงจอดเท่านั้น เนื่องจากหน้าจอดับไปนาน 30-60 นาที เวย์ปั๋วชี้แจงว่า มีคนเข้าชมการถ่ายทอดสดอย่างล้นหลามจนระบบล่ม.-สำนักข่าวไทย