สหรัฐ-รัสเซีย

วอชิงตัน 24 ม.ค.- เจ้าหน้าที่ระดับสูงของสหรัฐเผยว่า ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ได้หารือกับนายทหารระดับสูงเมื่อวันเสาร์ตามเวลาท้องถิ่น เรื่องทางเลือกในการเพิ่มกำลังทหารอเมริกันในทะเลบอลติกและยุโรปตะวันออกเพื่อรับมือกับรัสเซีย เจ้าหน้าที่เผยว่า ประธานาธิบดีไบเดนได้พูดคุยออนไลน์ที่แคมป์เดวิดกับ พล.อ.ลอยด์ ออสติน รัฐมนตรีกลาโหมและ พล.อ.มาร์ก มิลลีย์ ประธานคณะเสนาธิการร่วม เรื่องจำนวนกำลังพล ข่าวกรองล่าสุดและการหารือกับพันธมิตรเรื่องแผนการรับมือในกรณีที่รัสเซียรุกรานยูเครน หนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทมส์คาดว่า ประธานาธิบดีจะตัดสินใจอย่างเร็วที่สุดในสัปดาห์นี้ ทางเลือกหนึ่งที่อยู่ระหว่างการพิจารณาคือ การโยกย้ายกำลังพลอเมริกัน 1,000-5,000 นายไปเสริมกำลังพลพันธมิตรริมทะเลบอลติกและยุโรปตะวันออก รวมทั้งทำหน้าที่อพยพชาวอเมริกันหากจำเป็น ด้านทำเนียบขาวแถลงว่า ประธานาธิบดีไบเดนได้รับรายงานสรุปเรื่องสถานะปัจจุบันของปฏิบัติการทางทหารของรัสเซียบริเวณชายแดนยูเครน และได้หารือเรื่องความพยายามคลี่คลายความตึงเครียดด้วยวิถีทางทางการทูต มาตรการป้องกันที่กำลังประสานงานอย่างใกล้ชิดกับพันธมิตรและหุ้นส่วน รวมถึงการจัดส่งความช่วยเหลือด้านความมั่นคงให้แก่ยูเครน ประธานาธิบดีย้ำว่า หากรัสเซียรุกรานยูเครน สหรัฐ พันธมิตรและหุ้นส่วนจะทำให้รัสเซียได้รับผลร้ายแรงอย่างทันที.-สำนักข่าวไทย

วอชิงตัน 28 ธ.ค.- เจ้าหน้าที่สหรัฐและรัสเซียกำหนดเจรจาด้านความมั่นคงในวันที่ 10 มกราคม 2565 เพื่อหารือเรื่องที่มีทั้งสองฝ่ายมีการเคลื่อนไหวทางทหารและเผชิญหน้ากันจากสถานการณ์ความตึงเครียดในยูเครน โฆษกทำเนียบขาวประกาศกำหนดวันหารือดังกล่าว และว่ารัสเซียและองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือหรือนาโตมีแนวโน้มจะหารือกันในวันที่ 12 มกราคม หลังจากนั้นจะมีการหารือในวงกว้างที่ครอบคลุมทั้งสหรัฐ รัสเซีย และยุโรปในวันที่ 13 มกราคม ด้านนายเซอร์เก เรียบคอฟ รัฐมนตรีช่วยต่างประเทศรัสเซียยืนยันกำหนดวันหารือข้างต้น และแสดงความหวังว่า การเจรจากับสหรัฐที่นครเจนีวาของสวิตเซอร์แลนด์จะนำมาซึ่งกระบวนการที่รัสเซียจะได้รับการรับรองด้านความมั่นคงจากชาติตะวันตก ส่วนการเจรจากับนาโตจะมีขึ้นที่กรุงบรัสเซลส์ของเบลเยียม ขณะที่การเจรจาในวงกว้างจะประกอบด้วยรัสเซีย ยูเครน รัฐบริวารอดีตสหภาพโซเวียต และองค์การเพื่อความมั่นคงและความร่วมมือในยุโรปหรือโอเอสซีอี (OSCE) ที่มีสหรัฐและพันธมิตรนาโตรวมอยู่ด้วย รัสเซียได้ระดมพลใกล้พรมแดนยูเครน ทำให้ชาติตะวันตกเกรงว่าเป็นการเตรียมบุกยูเครนครั้งใหม่ หลังจากที่รัสเซียเคยยึดคาบสมุทรไครเมียของยูเครนในปี 2557 รัสเซียปฏิเสธว่าไม่ได้เตรียมบุก แต่มีสิทธิเคลื่อนกำลังพลหากเห็นว่าสถานการณ์ไม่ปลอดภัย และต้องการให้นาโตรับประกันโดยมีผลผูกพันทางกฎหมายว่า จะไม่ขยายอิทธิพลรุกมาทางฝั่งตะวันออก และจะไม่นำอาวุธโจมตีบางประเภทมาประจำการในยูเครนหรือประเทศเพื่อนบ้าน รัฐบาลสหรัฐเคยประกาศจะลงโทษทางเศรษฐกิจต่อรัสเซียหากบุกยูเครน ล่าสุดประธานาธิบดีโจ ไบเดนลงนามกฎหมายงบประมาณรายจ่ายขนานใหญ่เมื่อวันจันทร์ หนึ่งในนั้นมีการจัดสรรเงิน 300 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 10,000 ล้านบาท) สนับสนุนกองทัพยูเครนด้วย.-สำนักข่าวไทย

ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของสหรัฐ และประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย ตกลงที่จะเริ่มการเจรจาเรื่องความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์และการควบคุมอาวุธในการประชุมสุดยอดผู้นำเจนีวาที่สะท้อนให้เห็นถึงความขัดแย้งในประเด็นเหล่านั้น รวมถึงประเด็นเกี่ยวกับสิทธิมนุษยชนและยูเครน

เจนีวา 16 มิ.ย. – ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของสหรัฐ จะเข้าประชุมสุดยอดเจนีวาร่วมกับประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซียในวันนี้ตามเวลาท้องถิ่น และจะใช้เวลาประชุมยาวนานถึง 5 ชั่วโมงโดยไม่พัก การประชุมสุดยอดเจนีวาจะจัดขึ้นที่ย่านพักตากอากาศสุดหรูที่มองเห็นทะเลสาบเจนีวาอันสวยงามในสวิตเซอร์แลนด์ แต่การเผชิญหน้าทางการทูตที่ดุเดือดใกล้เปิดฉากขึ้นแล้วในวันนี้ การประชุมดังกล่าวจะใช้เวลาราว 5 ชั่วโมง ตั้งแต่เวลา 13.00 น. โดยไม่มีการพักรับประทานอาหาร ประธานาธิบดีปูตินมีกำหนดเดินทางถึงที่ประชุมก่อนประธานาธิบดีไบเดน และมีประธานาธิบดีกาย พาร์เมลิน ของสวิตเซอร์แลนด์ เป็นผู้ดำเนินการประชุม การประชุมสุดยอดเจนีวา ซึ่งมีขึ้นหลังการเจรจาระหว่างสหรัฐกับรัสเซียเป็นเวลายาวนาน ทำให้เกิดภาพสะท้อนของการประชุมสุดยอดในช่วงสงครามเย็นระหว่างอดีตประธานาธิบดีโรนัลด์ เรแกน ของสหรัฐ และนายมิคาอิล กอร์บาชอฟ อดีตผู้นำสหภาพโซเวียตในสวิตเซอร์แลนด์เมื่อปี 2528 อย่างไรก็ดี การประชุมในครั้งนี้จะมีความตึงเครียดด้านอาวุธนิวเคลียร์เชิงกลยุทธ์และอุดมการณ์ที่แข่งขันน้อยกว่าประเด็นที่รัฐบาลของประธานาธิบดีไบเดนมองว่าเป็นระบอบการปกครองเป็นปรปักษ์และทำลายกฎเกณฑ์มากขึ้น อย่างไรก็ดี ประธานาธิบดีปูตินจะเข้าร่วมการประชุมสุดยอดเพื่อโต้แย้งว่า รัฐบาลรัสเซียเพียงแค่ท้าทายอำนาจของสหรัฐ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการส่งเสริมระบบหลายขั้วอำนาจของโลก โดยมีรัสเซียและจีนที่เป็นปรปักษ์ของสหรัฐเริ่มขยายอำนาจเพิ่มขึ้น ทั้งนี้ ประธานาธิบดีปูตินมีกำหนดเดินทางจากกรุงมอสโกของรัสเซียไปยังนครเจนีวาเพื่อเข้าประชุมกับผู้นำสหรัฐในทันที ขณะที่ประธานาธิบดีไบเดนมีกำหนดสิ้นสุดการเดินทางเยือนต่างประเทศอย่างเข้มข้นเป็นครั้งแรกในฐานะผู้นำสหรัฐในวันนี้ หลังเสร็จสิ้นการประชุมสุดยอดผู้นำร่วมกับองค์การสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือ หรือนาโต และสหภาพยุโรปในกรุงบรัสเซลส์ของเบลเยียม และการประชุมสุดยอดผู้นำกลุ่มประเทศอุตสาหกรรมชั้นนำของโลก หรือจี 7 ในอังกฤษ.-สำนักข่าวไทย

บรัสเซลส์ 15 มิ.ย. – ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของสหรัฐ ระบุว่า การประชุมร่วมกับประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย ในวันพรุ่งนี้ตามเวลาท้องถิ่นจะมีความสำคัญอย่างยิ่ง และจะเสนอให้รัฐบาลรัสเซียร่วมมือในประเด็นที่มีผลประโยชน์ร่วมกัน หากรัสเซียเห็นเช่นเดียวกัน ประธานาธิบดีไบเดนแถลงภายหลังเสร็จสิ้นการประชุมสุดยอดผู้นำองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ หรือนาโต ว่า ประธานาธิบดีปูตินเป็นปรปักษ์ที่เฉียบแหลมและแข็งแกร่ง ทั้งยังระบุว่า จีนกับรัสเซียกำลังพยายามทำลายความสัมพันธ์ของพันธมิตรสองฝั่งแอตแลนติก (transatlantic) ดังนั้น ในขณะที่เขาไม่ได้สร้างความขัดแย้งกับรัสเซีย นาโตควรจะตอบโต้ หากรัฐบาลรัสเซียยังคงดำเนินกิจกรรมที่อันตรายต่อไป ผู้นำสหรัฐยังกล่าวด้วยว่า หากนายอเล็กซี นาวัลนี ผู้นำฝ่ายค้านรัสเซียที่ถูกควบคุมตัวอยู่ในเรือนจำเสียชีวิตจะถือเป็นโศกนาฏกรรม และจะทำลายความสัมพันธ์ของรัสเซียกับทั่วโลกรวมถึงสหรัฐด้วย  ทั้งนี้ การประชุมสุดยอดผู้นำในครั้งนี้นับเป็นครั้งแรกที่ประธานาธิบดีไบเดนประชุมร่วมกับบรรดาผู้นำของนาโต ซึ่งเป็นพันธมิตรที่อดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ดูหมิ่นอย่างเปิดเผย. -สำนักข่าวไทย

มอสโก 18 มี.ค. – รัสเซียต้องการให้สหรัฐขอโทษในกรณีที่ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของสหรัฐแสดงความเห็นว่า เขาคิดว่า ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซียเป็นฆาตกร และอาจหาวิธีตอบโต้สหรัฐ หากยังไม่ยอมขอโทษรัสเซีย ประธานาธิบดีไบเดนได้ให้สัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์เอบีซีนิวส์ของสหรัฐว่า เขาเชื่อว่าประธานาธิบดีปูตินเป็นฆาตกร อีกทั้งยังระบุว่า ผู้นำรัสเซียเป็นคนไร้จิตวิญญาณ และจะต้องชดใช้ในข้อหาแทรกแซงการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐในปีที่แล้ว แต่รัฐบาลรัสเซียได้ปฏิเสธข้อกล่าวหาดังกล่าว ขณะที่รัสเซียได้เรียกเอกอัครราชทูตรัสเซียประจำสหรัฐกลับประเทศ เพื่อหารือเร่งด่วนเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐกับรัสเซียในอนาคต ในขณะเดียวกัน รองประธานวุฒิสภาของรัสเซียกล่าวว่า คำพูดของประธานาธิบดีไบเดนเป็นสิ่งที่รัสเซียรับไม่ได้ และจะทำให้ความสัมพันธ์ที่ย่ำแย่ของทั้งสองประเทศเลวร้ายลงกว่าเดิม รวมถึงทำลายความหวังของชาวรัสเซียที่ต้องการเห็นการเปลี่ยนแปลงนโยบายภายใต้รัฐบาลสหรัฐชุดใหม่ เขาคาดว่าการกระทำเช่นนี้คงไม่ใช่ครั้งสุดท้าย หากยังไม่มีคำอธิบายหรือคำขอโทษจากสหรัฐ ทั้งยังระบุเพิ่มเติมว่า ผู้ที่ดำรงตำแหน่งระดับสูงไม่ควรกล่าวคำพูดเช่นนี้ เพราะมันเป็นสิ่งที่รับไม่ได้ ไม่ว่าจะเกิดขึ้นในสถานการณ์ใดก็ตาม ขณะนี้ รัฐบาลรัสเซียยังไม่ได้แสดงความคิดเห็นใด ๆ ต่อคำพูดของประธานาธิบดีไบเดน แต่คาดว่าจะออกแถลงการณ์เกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้ตามเวลาท้องถิ่น.-สำนักข่าวไทย