เจนีวา 17 มิ.ย. – ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของสหรัฐ และประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย ตกลงที่จะเริ่มการเจรจาเรื่องความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์และการควบคุมอาวุธในการประชุมสุดยอดผู้นำเจนีวาที่สะท้อนให้เห็นถึงความขัดแย้งในประเด็นเหล่านั้น รวมถึงประเด็นเกี่ยวกับสิทธิมนุษยชนและยูเครน
ประธานาธิบดีไบเดนได้พบกับประธานาธิบดีปูตินในการประชุมสุดยอดดังกล่าว ซึ่งถือเป็นการพบกันครั้งแรกตั้งแต่รับตำแหน่งผู้นำสหรัฐในเดือนมกราคม ประธานาธิบดีไบเดนได้ถามผู้นำรัสเซียว่า เขาจะรู้สึกอย่างไร ถ้ารัสเซียถูกมัลแวร์เรียกค่าไถ่โจมตีเครือข่ายน้ำมันเชื้อเพลิง ซึ่งเป็นคำถามที่โยงไปถึงการปิดระบบการเชื่อมต่อเครือข่ายของท่อส่งน้ำมันของสหรัฐในเดือนที่แล้วจนทำให้การส่งน้ำมันเชื้อเพลิงหยุดชะงักและประชาชนในฝั่งตะวันออกตื่นตระหนกและพากันกักตุนน้ำมัน
ในขณะที่ประธานาธิบดีไบเดนย้ำว่า เขาไม่ได้ข่มขู่ในระหว่างการประชุมที่ยาวนาน 3 ชั่วโมง และได้สรุปประเด็นสำคัญเกี่ยวกับผลประโยชน์ของสหรัฐ เช่น ความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์ และชี้แจงกับประธานาธิบดีปูตินว่า สหรัฐจะตอบโต้ หากรัสเซียละเมิดข้อกังวลเหล่านั้น ผู้นำของทั้งสองประเทศต่างใช้ถ้อยคำสุภาพอย่างระมัดระวังเพื่อชี้แจงในการประชุมสุดยอดที่จัดขึ้นในย่านพักตากอากาศริมทะเลสาบในสวิตเซอร์แลนด์ โดยที่ประธานาธิบดีปูตินระบุว่า ทั้งสองเป็นผู้ที่มีความคิดสร้างสรรค์และไร้อคติ ส่วนประธานาธิบดีไบเดนกล่าวว่า ไม่มีสิ่งใดมาทดแทนการหารือแบบตัวต่อตัวได้
ประธานาธิบดีไบเดนและประธานาธิบดีปูตินยังตกลงที่จะส่งเอกอัครราชทูตกลับไปประจำการในเมืองหลวงของทั้งสองประเทศ ก่อนหน้านี้ รัสเซียได้เรียกทูตรัสเซียประจำสหรัฐกลับประเทศหลังประธานาธิบดีไบเดนเรียกประธานาธิบดีปูตินว่าเป็นฆาตกรในเดือนมีนาคม และต่อมาสหรัฐก็เรียกทูตสหรัฐประจำรัสเซียกลับประเทศเช่นกัน ทั้งนี้ ประธานาธิบดีปูตินได้ระบุในการประชุมเมื่อวานนี้ว่า เขาพอใจกับคำอธิบายของผู้นำสหรัฐเกี่ยวกับคำพูดดังกล่าว
อย่างไรก็ดี ผู้นำของทั้งสองประเทศไม่ได้ปกปิดความเห็นที่แตกต่างกันในหลายประเด็น เช่น ประเด็นด้านสิทธิมนุษยชน ซึ่งประธานาธิบดีไบเดนมองว่า รัสเซียจะต้องได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง หากนายอเล็กซี นาวัลนี ผู้นำฝ่ายค้านของรัสเซีย ถูกจำคุกจนเสียชีวิต รวมถึงประเด็นด้านความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์ที่สหรัฐเรียกร้องให้รัสเซียปราบปรามการโจมตีด้วยมัลแวร์เรียกค่าไถ่ที่เกิดจากรัสเซีย.-603