สงครามยูเครน

ยูเครน 30 เม.ย. – ประธานาธิบดียูเครน ชี้รัสเซียลบหลู่เลขาธิการสหประชาชาติอย่างรุนแรง จากการยิงขีปนาวุธถล่มกรุงเคียฟ หลังตนแถลงข่าวร่วมกับเลขาธิการ UN ไม่กี่ชั่วโมง ประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกี ผู้นำยูเครน กล่าวเมื่อวานนี้ว่า สถานการณ์ในเขตคาร์คีฟ และเขตดอนบาส อยู่ในสภาพยากลำบากมาก ทหารและประชาชนที่ต่อสู้กับทหารรัสเซียต้องแลกด้วยชีวิตตนเองในปกป้องมาตุภูมิ เพราะผู้รุกรานจงใจทำลายสิ่งมีชีวิตทุกสิ่งในดอนบาส การยิงขีปนาวุธถล่มตลอดเวลา ทำลายสาธารณูปโภคทุกอย่าง รวมทั้งโจมตีเขตพลเรือน ทำให้เห็นได้ชัดว่า รัสเซียต้องการให้ดอนบาสไม่เหลือผู้คนอีกต่อไป การที่รัสเซียยิงขีปนาวุธถล่มกรุงเคียฟ หลังจากที่ตนแถลงข่าวร่วมกับ นายอันโตนิโอ กูเตอร์เรส เลขาธิการองค์การสหประชาชาติไม่กี่ชั่วโมง ถือเป็นการลบหลู่อย่างรุนแรง ต่อเลขาธิการสหประชาชาติ.-สำนักข่าวไทย

เคียฟ 29 เม.ย. – นายอันโตนิโอ กูเตอร์เรส เลขาธิการองค์การสหประชาชาติ หรือยูเอ็น ยอมรับว่า คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ หรือยูเอ็นเอสซี ประสบความล้มเหลวในการป้องกันหรือยุติสงครามในยูเครน ขณะที่กรุงเคียฟเกิดเหตุระเบิดขึ้น 2 ครั้งในระหว่างที่นายกูเตอร์เรสเดินทางเยือนยูเครน นายกูเตอร์เรสกล่าวในงานแถลงข่าวร่วมกับประธานาธิบดีโวโลดีมีร์ เซเลนสกี ของยูเครนเมื่อช่วงค่ำวันพฤหัสบดีว่า ยูเอ็นเอสซีประสบความล้มเหลวในการใช้อำนาจที่มีอยู่เพื่อป้องกันหรือยุติสงครามในยูเครน ซึ่งทำให้หลายคนผิดหวัง คับข้องใจ และโกรธเคือง แต่เขาขอยืนยันกับประธานาธิบดีเซเลนสกีและประชาชนยูเครนตรงนี้ว่า ยูเอ็นจะไม่ล้มเลิกความตั้งใจในการดำเนินการทุกวิถีทางเพื่อยุติในสงครามครั้งนี้ ทั้งนี้ รัสเซียเป็น 1 ใน 5 ประเทศสมาชิกถาวรของยูเอ็นเอสซีและได้ใช้สิทธิยับยั้ง หรือวีโต้ (Veto) มติของยูเอ็นเอสซีที่เรียกร้องให้รัสเซียยุติการโจมตียูเครนมากกว่า 1 ครั้ง ทางด้านประธานาธิบดีเซเลนสกีแถลงว่า นายกูเตอร์เรสได้มีโอกาสลงพื้นที่สำรวจความเสียหายที่เกิดจากอาชญากรรมสงครามของรัสเซียด้วยตาตัวเองเมื่อวันพฤหัสบดี พร้อมทั้งกล่าวหาการกระทำดังกล่าวของรัสเซียในยูเครนว่าเป็นการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ ในขณะเดียวกัน นายกเทศมนตรีของกรุงเคียฟเผยว่า เกิดเหตุระเบิดขึ้น 2 ครั้งที่เขตเชฟเชนโกของกรุงเคียฟในขณะที่นายกูเตอร์เรสเดินทางเยือนยูเครน.-สำนักข่าวไทย

เมื่อวันที่ 24 เม.ย.เป็นวันครบ 2 เดือนของสงครามยูเครน และตรงกับวันอีสเตอร์ วันสำคัญของชาวคริสต์นิกายออร์ทอด็อกซ์ ซี่งเป็นคนส่วนใหญ่ของทั้งรัสเซียและยูเครน จึงมีการจัดพิธีทางศาสนา ขณะที่ยังมีการสู้รบในสมรภูมิอยู่