ยูเครน 25 เม.ย.-เมื่อวันที่ 24 เม.ย.เป็นวันครบ 2 เดือนของสงครามยูเครน และตรงกับวันอีสเตอร์ วันสำคัญของชาวคริสต์นิกายออร์ทอด็อกซ์ ซี่งเป็นคนส่วนใหญ่ของทั้งรัสเซียและยูเครน จึงมีการจัดพิธีทางศาสนา ขณะที่ยังมีการสู้รบในสมรภูมิอยู่
รัสเซียได้จัดพิธีอีสเตอร์ของคริสตจักรัสเซียนออร์ทอด็อกซ์ที่ มหาวิหารแซนด์เดอซาเวียร์ในกรุงมอสโก โดยมีพระอัครบิดร คิริล ประมุขของคริสตจักรรัสเซียนออร์ทอด็อกซ์ เป็นผู้ประกอบพิธี และมีนายวลาดิเมียร์ ปูติน ประธานาธิบดีเข้าร่วม
นิกายออร์ทอดอกซ์นั้น ฉลองวันอีสเตอร์หลังจากนิกายคาธอลิกและโปรแตสแตนท์ 1 สัปดาห์ เพื่อรำลึกการฟื้นคืนพระชนม์ของพระเยซูหลังจากถูกตรึงบนไม้กางเขน ถือว่าเป็นเทศกาลทางศาสนาที่สำคัญที่สุดของชาวรัสเซียและยูเครน ที่ตามประวัติศาสตร์ต่างมีรากเหง้าของศาสนาคริสต์เดียวกัน
ในยูเครนนั้น คริสตศาสนิกชนเข้าร่วมพิธีสวดมนต์ที่โบสถ์ต่างๆ หรือ ตามสถานที่ที่พอจะจัดพิธีได้ โดยส่วนใหญ่ต้องงดเว้นพิธีช่วงกลางคืนตามประเพณีหลายร้อยปีเนื่องจากอันตรายจากสงครามที่เมืองบูจา ทางเหนือของกรุงเคียฟ ซึ่งรัสเซียได้ถอนทหารออกไปประมาณ 3 สัปดาห์แล้ว ประชาชนได้ร่วมพิธีสวดมนต์และขอพรจากบาทหลวงในช่วงเช้า ในบรรยากาศแห่งการเฉลิมฉลองปนกับความเศร้าโศก เพราะเมืองนี้ได้พบศพพลเรือนหลายร้อยคนหลังจากที่รัสเซียถอนกำลังออกไป แต่รัสเซียปฏิเสธว่าไม่ได้สังหารพลเรือนเหล่านี้ และกล่าวหายูเครนว่าเป็นผู้ลงมือกับประชาชนของตัวเอง
ส่วนที่เมืองคาร์คีฟ ซึ่งเป็นเมืองใหญ่ตั้งอยู่ทางตะวันออกใกล้กับพรมแดนรัสเซีย ชาวคริสต์ได้เดินทางไปร่วมพิธีที่โบสถ์ต่างๆ ในเมือง ต่างมีร่องรอยความเสียหายจากการโจมตี โบสถ์บางแห่งเป็นสถานที่หลบภัยของชาวบ้านด้วย บริเวณนอกเมืองคาร์คีฟ กองทัพยูเครนได้ส่งอนุศาสนาจารย์ไปทำพิธีสวดมนต์และให้พรยูเครนที่ประจำการในแนวหน้าเพื่อสกัดกั้นกองทัพรัสเซีย ที่กำลังมุ่งโจมตีภูมิภาคดอนบาส ทางตะวันออกของยูเครน
เนื่องในโอกาสนี้สมเด็จพระสันตะปาปาฟรังซิส ประมุขแห่งนิกายโรมันคาธอลิก ทรงเรียกร้องอีกครั้งให้ยุติการโจมตีในยูเครน เพื่อจัดส่งความช่วยเหลือให้กับชาวยูเครนที่ผจญภัยสงครามมานาน และ อ้อนวอนให้บรรดาผู้นำรับฟังเสียงของประชาชนแล้วให้ทำข้อตกลงหยุดยิงวันอีสเตอร์ เพื่อช่วยชีวิตคนและสร้างสันติภาพ
ในช่วงเทศกาลอีสเตอร์ ซี่งมีระยะเวลาราว 1 สัปดาห์ที่ผ่านมา การสู้รบได้ดำเนินไปหลายพื้นที่ โดยเฉพาะในภูมิภาคดอนบาส ที่มีการสู้รบอย่างหนักหน่วง ผู้บัญชาการทหารของรัสเซียคนหนี่งกล่าวว่า ภารกิจหลักของกองทัพในการบุกดอนบาสคือ เข้ายึดครองภูมิภาคนี้รวมถึงทางใต้ของยูเครน ซึ่งจะทำให้รัสเซียควบคุมพื้นที่ต่อเนื่องตั้งแต่คาบสมุทรไครเมีย ไปจนถึงดอนบาส และควบคุมสถานที่สำคัญๆ เช่นท่าเรือสำคัญบนชายฝั่งทะเลดำ.-สำนักข่าวไทย