รัสเซียขอ IAEA แจงรายงานผลตรวจโรงไฟฟ้านิวเคลียร์เพิ่ม

มอสโก 7 ก.ย. – รัสเซียขอให้สำนักงานพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศ หรือไอเออีเอ อธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับรายละเอียดบางส่วนที่อยู่ในรายงานผลการตรวจสอบโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ซาปอริชเชียที่ถูกรัสเซียยึดครอง แต่ไม่ได้ระบุว่าต้องการให้ไอเออีเออธิบายเกี่ยวกับประเด็นใด นายเซอร์เก ลาฟรอฟ รัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศของรัสเซีย กล่าวกับสำนักข่าวอินเตอร์แฟ็กซ์ของทางการรัสเซียว่า รัฐบาลรัสเซียขอให้ไอเออีเอ ซึ่งเป็นหน่วยงานขององค์การสหประชาชาติ หรือยูเอ็น อธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับประเด็นต่าง ๆ ในรายงานผลการตรวจสอบโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ซาปอริชเชีย เขาไม่ขอระบุว่าเป็นประเด็นใดบ้าง แต่ได้ยื่นคำร้องขอให้ชี้แจงรายละเอียดไปยังผู้อำนวยการของไอเออีเอแล้ว ในขณะเดียวกัน สำนักข่าวอาร์ไอเอของทางการรัสเซียรายงานอ้างคำพูดนางมาเรีย ซาคาโรวา โฆษกหญิงกระทรวงต่างประเทศรัสเซียที่กล่าวหาชาติตะวันตกว่ากดดันภารกิจตรวจสอบโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ของไอเออีเอ รัสเซียได้ให้ข้อมูลทั้งหมดเกี่ยวกับที่มาของการระดมยิงโจมตีให้แก่ไอเออีเอ และรู้สึกข้องใจว่า ทำไมไอเออีเอจึงไม่ระบุในรายงานว่ายูเครนเป็นผู้ก่อเหตุยิงโจมตีในพื้นที่ใกล้โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ซาปอริชเชีย นางซาคาโรวายังอ้างว่า ยูเครนได้ก่อเหตุยิงโจมตีพื้นที่ใกล้โรงไฟฟ้านิวเคลียร์แห่งนี้ด้วยความช่วยเหลือจากสหรัฐและชาติตะวันตก อย่างไรก็ดี ยูเครนปฏิเสธว่าไม่ได้โจมตีโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ซาปอริชเชีย และกล่าวหารัสเซียว่าเก็บอาวุธยุทโธปกรณ์อันตรายไว้ในโรงไฟฟ้า ซึ่งเป็นข้อกล่าวหาที่รัสเซียระบุว่าไม่เป็นความจริง ก่อนหน้านี้ ไอเออีเอได้เผยแพร่รายงานผลการตรวจสอบโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ซาปอริชเชียที่ระบุว่า การระดมยิงโจมตีในพื้นที่ใกล้โรงไฟฟ้านิวเคลียร์อาจทำให้สารกัมมันตภาพรังสีรั่วไหลอย่างไร้ขีดจำกัด และอาวุธยุทโธปกรณ์ของกองทัพรัสเซียที่ตั้งอยู่ที่โรงไฟฟ้าแห่งนี้อาจเป็นภัยต่อความปลอดภัย.-สำนักข่าวไทย

“ไบเดน” ปัดเสียงเรียกร้องให้รัสเซียเป็น “รัฐหนุนก่อการร้าย”

วอชิงตัน 7 ก.ย.- รัฐบาลสหรัฐปฏิเสธเสียงเรียกร้องของยูเครนและสมาชิกรัฐสภาสหรัฐที่ต้องการให้สหรัฐประกาศให้รัสเซียเป็นรัฐสนับสนุนการก่อการร้าย เนื่องจากเห็นว่าจะไม่เป็นผลดี ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ปฏิเสธเพียงสั้น ๆ เมื่อวันจันทร์ว่า ไม่ หลังจากผู้สื่อข่าวถามเรื่องจะขึ้นบัญชีดำรัสเซียว่าเป็นรัฐสนุนการก่อการร้ายหรือไม่ ต่อมาโฆษกทำเนียบขาวตอบเมื่อวันอังคารเรื่องรัฐบาลตัดสินใจแล้วหรือไม่ว่า การประกาศดังกล่าวไม่ใช่หนทางที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดหรือรุนแรงที่สุดที่จะทำให้รัสเซียรับผิดชอบในสิ่งที่เกิดขึ้น เพราะจะเป็นอุปสรรคต่อการลำเลียงความช่วยเหลือไปยังพื้นที่ต่าง ๆ ในยูเครนที่ย่อยยับเพราะสงคราม และขัดขวางการที่กลุ่มบรรเทาทุกข์และภาคธุรกิจจะเข้าร่วมข้อตกลงที่สหประชาชาติและตุรกีเป็นคนกลางเรื่องลำเลียงธัญพืชออกจากท่าเรือในยูเครนที่ถูกรัสเซียปิดล้อม นอกจากนี้ยังจะบั่นทอนความร่วมมือพหุภาคีที่จนถึงขณะนี้สามารถลงโทษประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูตินของรัสเซียอย่างได้ผล และบั่นทอนศักยภาพในการสนับสนุนยูเครน การที่สหรัฐประกาศให้รัฐใด ๆ เป็นรัฐสนับสนุนการก่อการร้ายจะมีผลต่อรัฐนั้นอย่างกว้างขวาง เนื่องจากภาคธุรกิจรวมทั้งธนาคารจะไม่กล้าทำธุรกรรมกับรัฐนั้น ๆ เพราะเสี่ยงจะถูกอัยการสหรัฐซึ่งเป็นประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดในโลก ฟ้องร้องดำเนินคดี ปัจจุบันมี 4 ประเทศที่ถูกสหรัฐประกาศให้เป็นรัฐสนับสนุนการก่อการร้ายได้แก่ อิหร่าน ซีเรีย เกาหลีเหนือและคิวบา ประธานาธิบดีโวโลดีมีร์ เซเลนสกีของยูเครนเรียกร้องให้ชาติตะวันตกประกาศอย่างเป็นทางการให้รัสเซียเป็นรัฐสนับสนุนการก่อการร้าย หลังจากมีพลเรือนเสียชีวิตจากการถูกรัสเซียโจมตีหลายครั้ง ขณะที่สมาชิกรัฐสภาสหรัฐรวมถึงนางแนนซี เปโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎรขอให้ประธานาธิบดีประกาศ เพราะเห็นว่าเป็นวิธีเพิ่มแรงกดดันรัสเซีย หลังจากชาติตะวันตกใช้มาตรการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจต่อรัสเซียมาแล้วหลายเดือน.-สำนักข่าวไทย

IAEA เรียกร้องให้โรงไฟฟ้านิวเคลียร์เป็นเขตปลอดภัย

เคียฟ 7 ก.ย. – รายงานของสำนักงานพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศ หรือไอเออีเอ ซึ่งเป็นหน่วยงานขององค์การสหประชาชาติ หรือยูเอ็น ระบุว่า การระดมยิงโจมตีในพื้นที่ใกล้โรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ซาปอริชเชียอาจทำให้สารกัมมันตภาพรังสีรั่วไหลอย่างไร้ขีดจำกัด และอาวุธยุทโธปกรณ์ของกองทัพรัสเซียที่ตั้งอยู่ที่โรงไฟฟ้าแห่งนี้อาจเป็นภัยต่อความปลอดภัย รายงานของไอเออีเอที่เผยแพร่เมื่อวันอังคารระบุว่า เจ้าหน้าที่ชาวยูเครน 907 คนที่ทำงานในโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ซาปอริชเชียต้องเผชิญกับภาวะตึงเครียดอย่างหนักขณะทำงานภายใต้การควบคุมของกองทัพรัสเซีย เจ้าหน้าที่เหล่านี้ควรมีสิทธิได้พบปะกับครอบครัวและทำงานในสภาพแวดล้อมที่เหมาะสม ขณะที่การระดมยิงต่อเนื่องของรัสเซียกับยูเครนยังไม่ได้ถึงขั้นทำให้โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ตกอยู่ในภาวะฉุกเฉิน แต่ก็ทำให้เป็นภัยต่อความปลอดภัยที่อาจนำไปสู่หายนะด้านกัมมันตภาพรังสีอย่างมีนัยสำคัญ ไอเออีเอยังเรียกร้องให้มีการจัดทำข้อตกลงชั่วคราวโดยด่วนเพื่อป้องกันอุบัติเหตุทางนิวเคลียร์ที่เกิดขึ้นจากปฏิบัติการทางทหาร ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องจำเป็นต้องเห็นพ้องในข้อตกลงที่กำหนดให้โรงไฟฟ้าซาปอริชเชียเป็นเขตปลอดภัยทางนิวเคลียร์เพื่อหลีกเลี่ยงความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต ทั้งยังเตือนว่า อาวุธยุทโธปกรณ์ของกองทัพรัสเซียที่ตั้งอยู่ในเขตโรงไฟฟ้านิวเคลียร์และการสู้รบในพื้นที่ใกล้เคียงเป็นภัยต่อระบบป้องกันของโรงไฟฟ้าแห่งนี้ และเรียกร้องให้กองทัพรัสเซียเคลื่อนย้ายยานพาหนะทางทหารที่อาจเป็นภัยต่อความปลอดภัยออกจากเขตโรงไฟฟ้า ในขณะเดียวกัน ประธานาธิบดีโวโลดีมีร์ เซเลนสกี ของยูเครน กล่าวว่า เขารู้สึกพอใจกับรายงานดังกล่าวของไอเออีเอที่ระบุถึงประเด็นเรื่องอาวุธยุทโธปกรณ์ของกองทัพรัสเซียในเขตโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ซาปอริชเชีย การกดดันเจ้าหน้าที่ชาวยูเครน และการยึดครองทางทหารของรัสเซียอย่างชัดเจน ทั้งยังระบุว่า เขาจะสนับสนุนเรื่องการกำหนดให้โรงไฟฟ้านิวเคลียร์เป็นพื้นที่ปลอดภัย ถ้าการทำเช่นนั้นมีวัตถุประสงค์เพื่อทำให้โรงไฟฟ้าดังกล่าวเป็นเขตปลอดทหาร.-สำนักข่าวไทย

ยูเครนว่าภารกิจของ ‘IAEA’ ไร้ประสิทธิภาพ

เคียฟ 5 ก.ย. – เจ้าหน้าที่ระดับสูงของยูเครนระบุว่า รัฐบาลยูเครนกำลังรอรายงานจากสำนักงานพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศ หรือไอเออีเอ เกี่ยวกับสถานการณ์โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ซาปอริชเชียที่ถูกรัสเซียยึดครอง ทั้งยังกล่าวว่า ภารกิจของไอเออีเอไม่มีประสิทธิภาพ นายมิไคโล โปโดเลียก ที่ปรึกษาประธานาธิบดีโวโลดีมีร์ เซเลนสกี ของยูเครน กล่าวกับสถานีโทรทัศน์ในวันนี้ว่า ยูเครนไม่ทราบเลยว่า โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ซาปอริชเชียที่ไอเออีเอเข้าไปตรวจสอบมีความปกติหรือไม่ ทั้งในด้านความปลอดภัย ระบบระบายความร้อนของเตาปฏิกรณ์ สวัสดิภาพของเจ้าหน้าที่ชาวยูเครนในโรงไฟฟ้า และขั้นตอนการทำงาน เพราะยูเครนยังไม่ได้รับรายงานเกี่ยวกับประเด็นเหล่านี้ สิ่งที่เกิดขึ้นสะท้อนให้เห็นว่าภารกิจของไอเออีเอไร้ประสิทธิภาพโดยสิ้นเชิง นายโปโดเลียกยังกล่าวว่า การลงพื้นที่ตรวจโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ซาปอริชเชียควรเป็นการตรวจสอบด้านนิวเคลียร์ที่ต้องมีเจ้าหน้าที่ที่เชี่ยวชาญด้านฟิสิกส์นิวเคลียร์และเทคโนโลยีวิศวกรรมทำงานร่วมกับเจ้าหน้าที่ยูเครนที่ทำงานอยู่ในโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ ทั้งยังระบุว่า กองทัพรัสเซีย ซึ่งไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นที่โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ซาปอริชเชีย ไม่มีทางประเมินความเสี่ยงที่เกิดขึ้นได้อย่างถูกต้องแน่นอน ก่อนหน้านี้ นายราฟาเอล กรอสซี ผู้อำนวยการของไอเออีเอ เผยเมื่อวันศุกร์ว่า ไอเออีเอได้รับรู้ข้อมูลเกี่ยวกับสถานการณ์ของโรงไฟฟ้านิวเคลียร์แห่งนี้มากขึ้นหลังลงพื้นที่ตรวจโรงไฟฟ้า และได้สั่งให้เจ้าหน้าที่ผู้ตรวจสอบยังคงอยู่ที่โรงไฟฟ้าต่อไป. -สำนักข่าวไทย

โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ใหญ่ที่สุดของยูเครนถูกตัดไฟ

เคียฟ 4 ก.ย.- โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ที่ใหญ่ที่สุดของยูเครนและใหญ่ที่สุดของยุโรปถูกตัดกระแสไฟฟ้าที่จ่ายมาจากภายนอกอีกครั้ง และเป็นกระแสไฟฟ้าจากภายนอกที่เหลืออยู่เป็นแหล่งสุดท้าย ทบวงการพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศหรือไอเออีเอ (IAEA) แจ้งเมื่อวันเสาร์ว่า โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ซาปอริชเชียถูกตัดกระแสไฟฟ้าจ่ายมาจากภายนอกที่เหลืออยู่เป็นแหล่งสุดท้าย ขณะนี้มีเตาปฏิกรณ์เดินเครื่องอยู่เพียงเครื่องเดียวจากทั้งหมด 6 เครื่อง โดยต้องผลิตไฟฟ้าเพื่อให้การเดินเครื่องที่โรงไฟฟ้าเป็นไปอย่างปลอดภัย และเพื่อการใช้ไฟฟ้าของครัวเรือนและภาคธุรกิจ คณะผู้เชี่ยวชาญของไอเออีเอเข้าตรวจสอบโรงไฟฟ้าแห่งนี้เมื่อวันพฤหัสบดี และมีบางคนยังคงอยู่ที่โรงไฟฟ้าเพื่อรอไอเออีเอออกรายงานในอีกไม่กี่วัน ด้านโรงไฟฟ้าแถลงว่า ปิดเตาปฏิกรณ์เครื่องที่ 5 เนื่องจากกองกำลังรัสเซียยังคงยิงถล่มโรงไฟฟ้าอย่างต่อเนื่อง และไฟฟ้าจากภายนอกที่เหลืออยู่เป็นแหล่งสุดท้ายไม่เพียงพอที่จะจ่ายให้แก่เตาปฏิกรณ์ 2 เครื่องพร้อมกัน รัสเซียยึดโรงไฟฟ้าแห่งนี้เมื่อต้นเดือนมีนาคมหลังจากเปิดฉากบุกยูเครนเมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ โดยที่ยังให้บุคลากรชาวยูเครนดูแลการเดินเครื่อง และได้กลายเป็นจุดปะทะหลักของทั้งสองฝ่ายที่ต่างกล่าวโทษอีกฝ่ายว่ายิงถล่มโรงไฟฟ้า สัปดาห์ที่แล้วโรงไฟฟ้าซาปอริชเชียถูกตัดออกจากระบบจ่ายไฟฟ้าระดับประเทศเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เริ่มเดินเครื่องครั้งแรกในปี 2528 ทำให้ไฟฟ้าดับทั่วยูเครน เนื่องจากผลิตไฟฟ้าได้ถึงครึ่งหนึ่งของไฟฟ้าที่ผลิตจากโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ทั่วประเทศ และผลิตไฟฟ้าได้กว่า 1 ใน 5 ของไฟฟ้าที่ผลิตได้ทั่วประเทศ.-สำนักข่าวไทย

ไอเออีเอปักหลักตรวจสอบโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ในยูเครน

เคียฟ 2 ก.ย. – คณะผู้เชี่ยวชาญของสำนักงานพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศ หรือไอเออีเอ ซึ่งเป็นหน่วยงานขององค์การสหประชาชาติ หรือยูเอ็น ได้ลงพื้นที่ครั้งแรกเพื่อตรวจสอบโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ซาปอริชเชียที่ถูกรัสเซียยึดครองแล้ว และจะยังคงปักหลักอยู่ที่โรงไฟฟ้าดังกล่าวต่อไป นายราฟาเอล กรอสซี หัวหน้าไอเออีเอ กล่าวเมื่อวันพฤหัสบดีตามเวลาท้องถิ่นว่า ความสมบูรณ์ด้านกายภาพของโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ซาปอริชเชียถูก “ละเมิดหลายครั้ง” ทั้งยังกล่าวในขณะที่เดินทางกลับถึงดินแดนที่ยูเครนยึดครองว่า คณะผู้เชี่ยวชาญของไอเออีเอจะไม่เดินทางไปไหนทั้งนั้น และจะปักหลักอยู่ที่โรงไฟฟ้าแห่งนี้ แต่ไม่ได้เปิดเผยว่ามีผู้เชี่ยวชาญของไอเออีเออยู่ที่โรงไฟฟ้าดังกล่าวกี่คนและเป็นเวลานานเท่าใด ทั้งนี้ คณะผู้เชี่ยวชาญของไอเออีเอได้เดินทางไปถึงโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ซาปอริชเชียภายใต้การคุ้มกันของทหารรัสเซีย หลังเกิดเหตุโจมตีขึ้นจนทำให้การเดินทางล่าช้ากว่ากำหนด โดยรัสเซียกับยูเครนต่างกล่าวโทษว่าต่างฝ่ายต่างเป็นผู้ก่อเหตุโจมตีใกล้โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ ในขณะเดียวกัน สำนักข่าวอินเตอร์แฟ็กซ์ของรัสเซียรายงานว่า มีคณะผู้เชี่ยวชาญของไอเออีเอราว 8-12 คนอยู่ที่โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ซาปอริชเชีย ขณะที่อีเนอร์โกอะตอม (Energoatom) รัฐวิสาหกิจด้านพลังงานของยูเครน ระบุว่า มีคณะผู้เชี่ยวชาญของไอเออีเอ 5 คนอยู่ที่โรงไฟฟ้าดังกล่าวเพื่อประเมินสภาพของโรงไฟฟ้าและพูดคุยกับเจ้าหน้าที่ชาวยูเครนของโรงไฟฟ้าที่ตกอยู่ใต้การควบคุมของรัสเซีย ด้านประธานาธิบดีโวโลดีมีร์ เซเลนสกี ของยูเครน กล่าวเมื่อคืนวันพฤหัสบดีว่า เขาหวังว่าคณะผู้เชี่ยวชาญของไอเออีเอจะสรุปผลการตรวจสอบโรงไฟฟ้าอย่างเป็นรูปธรรม แต่รู้สึกเสียใจที่ไม่มีนักข่าวต่างประเทศร่วมเดินทางไปกับคณะผู้เชี่ยวชาญในครั้งนี้.-สำนักข่าวไทย  

ชาวรัสเซียเห็นต่างเรื่องสงครามยูเครน

ผลสำรวจความคิดเห็นชาวรัสเซีย พบ 48% เห็นว่าควรใช้กำลังทหารกับยูเครนต่อไป ขณะที่ 44% มองว่าทั้งสองฝ่ายควรเริ่มเจรจาสันติภาพกันได้แล้ว

ประธานบริษัทน้ำมันรัสเซียตกหน้าต่าง รพ. ตาย

มอสโก 1 ก.ย. – นายราวิล มากานอฟ ประธาน ลูคออยล์ (Lukoil) บริษัทผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่อันดับสองของรัสเซีย เสียชีวิตในวันนี้หลังตกหน้าต่างโรงพยาบาลในกรุงมอสโกของรัสเซีย สำนักข่าวรอยเตอร์สรายงานอ้างแหล่งข่าวไม่เผยนามที่ใกล้ชิดเหตุดังกล่าวว่า นายมากานอฟ วัย 67 ปี เสียชีวิตแล้วในวันนี้หลังตกหน้าต่างโรงพยาบาลในกรุงมอสโก ขณะที่สื่อของรัสเซียจำนวนหนึ่งก็รายงานข่าวการเสียชีวิตของนายมากานอฟเช่นกัน แต่ลูคออยล์ยังไม่ได้ออกแถลงการณ์เกี่ยวกับรายงานข่าวนี้ นายมากานอฟเริ่มทำงานที่ลูคออยล์มาตั้งแต่ปี 2536 หลังบริษัทก่อตั้งขึ้นได้เพียงไม่นาน เขามีหน้าที่ดูแลการกลั่น การผลิต และการสำรวจน้ำมัน จนกระทั่งได้รับตำแหน่งประธานบริษัทในปี 2563 นอกจากนี้ นายมากานอฟยังมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับนายวาจิต อเล็กเปรอฟ หนึ่งในผู้ก่อตั้งลูคออยล์และอดีตรัฐมนตรีช่วยกระทรวงน้ำมันในยุคสหภาพโซเวียต ซึ่งถูกรัฐบาลอังกฤษคว่ำบาตรด้วยคำสั่งอายัดทรัพย์สินในอังกฤษและห้ามเดินทางเข้าประเทศจากกรณีรัสเซียบุกโจมตียูเครน บรรษัทแพร่ภาพกระจายเสียงอังกฤษ หรือบีบีซี ระบุว่า นายมากานอฟถือเป็นผู้บริหารธุรกิจระดับสูงของรัสเซียคนล่าสุดที่เสียชีวิตอย่างเป็นปริศนาต่อจากนายอเล็กซานเดอร์ ซับโบติน อดีตผู้จัดการระดับสูงของลูคออยล์ ที่เพิ่งเสียชีวิตในเดือนพฤษภาคมด้วยเหตุไม่ชอบมาพากล ก่อนหน้านี้ ลูคออยล์ได้ออกมาเรียกร้องให้รัสเซียยุติสงครามในยูเครนหลังรัสเซียเปิดฉากบุกโจมตียูเครนได้เพียงไม่นาน ขณะที่ในช่วงต้นเดือนมีนาคมที่ผ่านมา คณะกรรมการบริหารของลูคออยล์ก็ได้เรียกร้องให้รัสเซียยุติปัญหาขัดแย้งในยูเครนโดยเร็วที่สุด พร้อมทั้งกล่าวแสดงความเสียใจต่อผู้เสียชีวิตในโศกนาฏกรรมครั้งนี้.-สำนักข่าวไทย

รัสเซียเผยยูเครนพยายามยึดโรงไฟฟ้านิวเคลียร์คืน

เคียฟ 1 ก.ย. – กระทรวงกลาโหมรัสเซียและเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นที่ได้รับการแต่งตั้งจากรัสเซีย เผยว่า กองทัพยูเครนกำลังพยายามบุกยึดโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ซาปอริชเชียที่รัสเซียยึดครองอยู่ ขณะที่เจ้าหน้าที่จากสำนักงานพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศ หรือไอเออีเอ มีกำหนดเดินทางลงพื้นที่ตรวจโรงไฟฟ้าดังกล่าวในวันนี้ กระทรวงกลาโหมรัสเซียระบุในแถลงการณ์วันนี้ว่า กองทหารยูเครนราว 60 นายได้นั่งเรือข้ามแม่น้ำดนิโปร ซึ่งเป็นเส้นแบ่งเขตแดนของทั้งสองฝ่าย เมื่อเวลา 06.00 น. ของวันนี้ตามเวลาในยูเครน หรือตรงกับเวลา 10.00 น. ของวันนี้ตามเวลาประเทศไทย โดยจงใจใช้ปฏิบัติการครั้งนี้เพื่อยั่วยุและขัดขวางแผนเดินทางลงพื้นที่ตรวจสอบโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ซาปอริชเชียของไอเออีเอ กระทรวงกลาโหมรัสเซียยังระบุว่า ได้ใช้มาตรการหลายหลากหลายรูปแบบเพื่อโจมตีกองกำลังของฝ่ายตรงข้าม เช่น การใช้เครื่องบินรบ ทั้งยังกล่าวหายูเครนว่า ยิงปืนใหญ่ใส่จุดนัดพบของคณะผู้แทนจากไอเออีเอและโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ซาปอริชเชียอีกด้วย ในขณะเดียวกัน นายวลาดีมีร์ โรกอฟ เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นของเมืองซาปอริชเชียที่ได้รับการแต่งตั้งจากรัสเซีย กล่าวกับสถานีโทรทัศน์อาร์ทีของทางการรัสเซียในวันนี้ว่า กองกำลังยูเครนได้เปิดฉากโจมตีในขณะที่คณะเจ้าหน้าที่จากไอเออีเอมีกำหนดเดินทางลงพื้นที่ตรวจโรงไฟฟ้าซาปอริชเชียที่เมืองเอเนอร์โฮดาร์ในวันนี้เพื่อประเมินความเสี่ยงหลังตกอยู่ในสมรภูมิรบระหว่างรัสเซียกับยูเครน ก่อนหน้านี้ รัสเซียได้ยึดโรงไฟฟ้าแห่งนี้จากยูเครนในเดือนมีนาคม โรงไฟฟ้าดังกล่าวตกอยู่ในสมรภูมิรบดุเดือดในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา เนื่องจากที่ตั้งของโรงไฟฟ้าอยู่ใกล้กับแนวรบด่านหน้า จนทำให้ทั่วโลกหวั่นเกรงว่าอาจเกิดภัยพิบัติทางนิวเคลียร์ได้ ทั้งนี้ รัสเซียกับยูเครนต่างกล่าวโทษกันไปมาว่าแต่ละฝ่ายยิงปืนใหญ่โจมตีพื้นที่รอบโรงไฟฟ้าดังกล่าว.-สำนักข่าวไทย

คณะไอเออีเอเตรียมเข้าตรวจสอบโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ในยูเครน

คณะเจ้าหน้าที่ไอเออีเอ ซึ่งเป็นหน่วยงานขององค์การสหประชาชาติ มีกำหนดจะเข้าตรวจสอบโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ซาปอริชเชีย (Zaporizhzhia) ทางใต้ของยูเครนในวันนี้

อียูระงับข้อตกลงวีซ่ากับรัสเซีย-ไม่แบนนักท่องเที่ยว

ปราก 1 ก.ย. – บรรดารัฐมนตรีต่างประเทศของสหภาพยุโรป หรืออียู มีมติเห็นพ้องระงับข้อตกลงอำนวยความสะดวกเรื่องวีซ่ากับรัสเซีย ซึ่งจะทำให้ชาวรัสเซียได้รับวีซ่าเดินทางเข้าอียูยากขึ้น แต่ไม่ได้ประกาศแบนวีซ่านักท่องเที่ยวรัสเซีย นายโจเซฟ บอร์เรลล์ หัวหน้านโยบายต่างประเทศของอียู กล่าวในระหว่างการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอียูที่กรุงปรากของสาธารณรัฐเช็กเมื่อวันพุธตามเวลาท้องถิ่นว่า อียูจำเป็นต้องระงับข้อตกลงอำนวยความสะดวกเรื่องวีซ่ากับรัสเซียหลังพบว่ามีพลเมืองรัสเซียเดินทางข้ามแดนผ่านเข้าอียูเพิ่มขึ้นอย่างมากจนทำให้เกิดความเสี่ยงด้านความมั่นคงต่อประเทศสมาชิกของอียูที่มีพรมแดนติดกับรัสเซีย และมีชาวรัสเซียจำนวนมากที่เดินทางมาพักผ่อนหรือช็อปปิงในประเทศสมาชิกของอียูราวกับว่าไม่มีสงครามเกิดขึ้นในยูเครน แต่เขาไม่เห็นด้วยกับการประกาศแบนวีซ่านักท่องเที่ยวรัสเซีย เพราะจะส่งผลกระทบต่อชาวรัสเซียที่ต่อต้านสงครามยูเครนหรือภาคประชาสังคมในรัสเซีย ทั้งยังระบุว่า ประเทศสมาชิกอียูที่มีพรมแดนติดรัสเซียมีอิสระที่จะประกาศใช้มาตรการจำกัดการเดินทางเข้าประเทศของพลเมืองรัสเซีย ในขณะเดียวกัน นายอเล็กซานเดอร์ กลุชโก รัฐมนตรีช่วยกระทรวงต่างประเทศรัสเซีย ระบุว่า มาตรการดังกล่าวของอียูเปรียบเหมือนกับการตัดสินใจยิงปืนใส่เท้าตนเอง ส่วนนายดมิโตร คูเลบา รัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศยูเครน กล่าวตำหนิการใช้มาตรการของอียูว่าเป็นแนวทางแบบครึ่ง ๆ กลาง ๆ ก่อนหน้านี้ กลุ่มประเทศสมาชิกอียูที่มีพรมแดนติดรัสเซีย ได้แก่ ฟินแลนด์ เอสโตเนีย ลัตเวีย ลิทัวเนีย และโปแลนด์ ได้ออกแถลงการณ์ร่วมกันว่า อาจใช้คำสั่งแบนหรือจำกัดวีซ่านักท่องเที่ยวรัสเซียเป็นการชั่วคราวเพื่อแก้ปัญหาเรื่องความมั่นคง แต่ฝรั่งเศสกับเยอรมนีระบุในแถลงการณ์ร่วมกันโดยเตือนเรื่องการใช้คำสั่งแบนวีซ่านักท่องเที่ยวรัสเซียเพื่อป้องกันปัญหาที่อาจลุกลามมากขึ้นในอนาคต.-สำนักข่าวไทย

1 70 71 72 73 74 163
...