นิวซีแลนด์บังคับคนทำงานพรมแดนฉีดวัคซีนโควิด

เวลลิงตัน 12 เม.ย.- นายกรัฐมนตรีจาซินดา อาร์เดิร์นของนิวซีแลนด์ประกาศวันนี้ว่า ผู้ทำงานตามพรมแดนจะต้องรับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 ภายในสิ้นเดือนนี้ ไม่เช่นนั้นจะถูกย้าย หลังจากพบผู้ทำงานตามพรมแดนติดเชื้อเป็นรายที่ 3 นิวซีแลนด์ไม่พบผู้ป่วยรายใหม่ในประเทศและไม่มีการติดเชื้อในประเทศเลยมานานกว่า 40 วัน จนกระทั่งเมื่อสัปดาห์ที่แล้วพบผู้ป่วยเป็นคนทำงานตามพรมแดนที่ไม่ไปฉีดวัคซีนให้ครบ 2 เข็มตามกำหนด และมีผู้ป่วยที่ใกล้ชิดกับผู้ป่วยรายนี้อีก 2 คน ทำให้นายกรัฐมนตรีอาร์เดิร์นประกาศระหว่างการแถลงข่าววันนี้ว่า ภายในสิ้นเดือนเมษายนนี้ ผู้ที่ยังไม่ได้ฉีดวัคซีนจะไม่ได้รับอนุญาตให้ทำงานในสถานที่เสี่ยงสูงและจะถูกย้ายไปทำหน้าที่อื่น และว่ามีผู้ทำงานตามพรมแดนฉีดวัคซีนไปแล้วร้อยละ 86 นิวซีแลนด์ฉีดวัคซีนของไฟเซอร์/ไบออนเทคให้แก่คนทำงานตามสถานที่กักตัวบริเวณพรมแดนเป็นกลุ่มแรก ๆ จนถึงขณะนี้มีคนฉีดวัคซีนแล้วรวมกว่า 90,000 คน และเมื่อสัปดาห์ที่แล้วได้ห้ามคนมาจากอินเดียทุกคน รวมถึงพลเมืองนิวซีแลนด์ด้วย เดินทางเข้าประเทศเป็นการชั่วคราว เนื่องจากอินเดียมีผู้ป่วยโรคโควิด-19 เพิ่มขึ้นมาก.-สำนักข่าวไทย

ไบเดนถอนตัวจากข้อตกลงจำกัดคนขอลี้ภัย

วอชิงตัน 7 ก.พ.- รัฐบาลประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของสหรัฐ กำลังถอนสหรัฐออกจากข้อตกลงกับ 3 ชาติในทวีปอเมริกากลางที่จำกัดการขอลี้ภัยบริเวณพรมแดนทางตะวันตกเฉียงใต้ของสหรัฐ เป็นหนึ่งในความพยายามยกเลิกนโยบายคนเข้าเมือง สมัยรัฐบาลประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ นายแอนโทนี บลิงเคน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐ กล่าวเมื่อวันเสาร์ ตามเวลาสหรัฐว่า รัฐบาลได้แจ้งให้รัฐบาลเอลซัลวาดอร์ กัวเตมาลา และฮอนดูรัส ทราบแล้วว่า ได้เริ่มกระบวนการอย่างเป็นทางการเรื่องยุติข้อตกลงที่เป็นนโยบายของรัฐบาลชุดก่อน ข้อตกลงเหล่านี้กำหนดให้ผู้ขอลี้ภัยที่พรมแดนสหรัฐด้านติดกับเม็กซิโก ต้องเดินทางไปขอลี้ภัยกับ 1 ใน 3 ประเทศนี้ อย่างไรก็ดี รัฐบาลทรัมป์ได้ระงับการบังคับใช้ข้อตกลงเหล่านี้ตั้งแต่โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 ระบาด โดยอ้างกฎหมายสาธารณสุขไล่เกือบทุกคนที่พรมแดน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐ ระบุว่า รัฐบาลปัจจุบันเชื่อว่ามีหนทางที่เหมาะสมกว่านี้ในการร่วมมือกับรัฐบาลประเทศเพื่อนบ้านจัดการเรื่องการเข้าเมืองในภูมิภาคนี้ ด้วยการมุ่งหาทางลดความยากจนและความไม่ปลอดภัย ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้คนลี้ภัย ขณะเดียวกัน จะเสริมสร้างความแข็งแกร่งในการรักษาความปลอดภัยบริเวณพรมแดนสหรัฐต่อไป ประธานาธิบดีไบเดน ลงนามคำสั่งบริหารชุดใหญ่เมื่อวันอังคาร ล้มเลิกหรือสั่งทบทวนนโยบายเข้าเมืองสมัยทรัมป์ นอกจากนี้ยังได้ตั้งคณะทำงานเฉพาะกิจหาทางทำให้ครอบครัวชาวอเมริกากลางได้กลับมาพร้อมหน้ากันอีกครั้ง หลังจากถูกบังคับให้พรากจากกันที่พรมแดนตามนโยบายทรัมป์ ในปี 2561.-สำนักข่าวไทย

เมียนมาประท้วงจีนกั้นรั้วพรมแดนสกัดโควิด

วอชิงตัน 23 ธ.ค.- สื่ออเมริการายงานว่า เมียนมาประท้วงจีนที่กั้นรั้วลวดหนามบริเวณพรมแดนจีนด้านติดกับรัฐฉาน เพื่อสกัดการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 เว็บไซต์สถานีวิทยุเอเชียเสรี (Radio Free Asia) ที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลสหรัฐรายงานว่า จีนเริ่มสร้างกำแพงใหญ่ทางใต้ (Southern Great Wall) เมื่อต้นปี ขณะนี้สร้างเสร็จไปแล้วเป็นระยะทาง 660 กิโลเมตรตั้งแต่เดือนกันยายน และได้เริ่มกั้นรั้วด้านติดกับสามเมืองที่อยู่เขตปกครองตนเองโกก้างในเดือนเดียวกัน บางจุดมีความสูงถึง 3 เมตร สื่อจีนรายงานว่า เป็นไปเพื่อป้องกันโรคโควิด-19 เข้ามาระบาดในจีนด้วยการสกัดการลอบข้ามพรมแดนในทั้งสองฝั่ง ทางการเมืองเล่าก่าย เมืองเอกของโกก้างเผยว่า จีนแจ้งว่ากั้นรั้วเพื่อป้องกันคนลอบเข้าเมืองช่วงโควิดระบาดหนัก และจะรื้อทิ้งทันทีที่สถานการณ์การระบาดดีขึ้น เป็นรั้วลวดหนามที่ดูเหมือนสร้างขึ้นชั่วคราว ไม่มีกล้องวงจรปิด และไม่ได้เปิดกระแสไฟฟ้า อย่างไรก็ดี เจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบอีกครั้งในเดือนพฤศจิกายนและต้นธันวาคม พบว่ารั้วยังคงอยู่ จึงได้แจ้งประท้วงไปยังทางการจีนแล้ว เพราะละเมิดสนธิสัญญาปักปันเขตแดนปี 2504 ที่ทั้งสองฝ่ายตกลงกันว่าจะห้ามสร้างสิ่งปลูกสร้างหรือรั้วภายใน 10 เมตรของเส้นแบ่งพรมแดน   เลขาธิการพรรคประชาธิปไตยโกก้างเผยว่า จีนกั้นรั้วในอีกหลายพื้นที่ที่ติดกับเมียนมา ไม่รู้ว่าเจตนาคืออะไร ด้านผู้อำนวยกรมชายแดน กระทรวงต่างประเทศเมียนมากล่าวว่า สนธิสัญญาปี 2504 อนุญาตให้สร้างรั้วชั่วคราว แต่ห้ามสร้างกำแพงถาวร รัฐบาลได้ยื่นประท้วงจีนแล้วเรื่องสร้างรั้ว […]

อังกฤษ เร่งคุยฝรั่งเศสเปิดพรมแดน

อังกฤษเร่งคุยเปิดพรมแดน หลังฝรั่งเศสปิดตายกลัวไวรัสสายพันธุ์ใหม่กระจาย ส่วนองค์การอนามัยโลกชี้ไวรัสตัวใหม่แพร่เชื้อไวกว่าเดิม แต่ไม่ได้อันตรายร้ายแรงมากขึ้น

นิวซีแลนด์เล็งเปิดรับชาวออสเตรเลียต้นปีหน้า

เวลลิงตัน 14 ธ.ค.- นิวซีแลนด์หวังว่าจะสามารถจับคู่ท่องเที่ยวปลอดโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 กับออสเตรเลียภายในเดือนเมษายนปีหน้า และกำลังสรุปมาตรการที่จำเป็นในการป้องกันโควิดบริเวณพรมแดน นายกรัฐมนตรีจาซินดา อาร์เดิร์น เปิดเผยว่า คณะรัฐมนตรีของนิวซีแลนด์ได้ตกลงในหลักการที่จะเปิดเขตท่องเที่ยวปลอดโควิดข้ามทะเลทาสมันในช่วงไตรมาสแรกของปี 2564 หากโรคโควิด-19 ไม่กลับมาระบาดใหญ่อีกในออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ ตั้งเป้าไว้ว่า จะสามารถกำหนดวันที่เริ่มการเดินทางโดยปลอดการกักโรคได้ในปีหน้า อย่างไรก็ดี เธอจะไม่เปิดโอกาสให้เกิดความเสี่ยงที่ไม่จำเป็น โดยจะมุ่งเน้นไปที่การป้องกันไม่ให้หน่วยงานชายแดนเกิดภาวะล้นจนรับมือไม่ไหว หากชาวนิวซีแลนด์ที่ไปเที่ยวออสเตรเลียต้องรีบเร่งกลับประเทศ หากเกิดการระบาดใหญ่ในออสเตรเลียอีกครั้ง นิวซีแลนด์ปิดพรมแดนมาตั้งแต่เดือนมีนาคม และกำหนดให้ผู้เดินทางเข้าประเทศทั้งหมดต้องได้รับการแยกกักโรคเป็นเวลาสองสัปดาห์ รวมถึงชาวออสเตรเลีย นักท่องเที่ยวต่างชาติรายใหญ่ที่สุดของนิวซีแลนด์ช่วงก่อนโควิด-19 ระบาด ขณะที่ออสเตรเลียให้ชาวนิวซีแลนด์เดินทางเข้าโดยไม่ต้องกักโรคตั้งแต่เดือนตุลาคมแล้ว นิวซีแลนด์ได้รับการยกย่องอย่างกว้างขวางว่าจัดการกับโรคโควิด-19 อย่างเข้มงวด มีผู้เสียชีวิตเพียง 25 คน จากประชากรทั้งหมด 5 ล้านคน ส่วนออสเตรเลียมีผู้ป่วยสะสมตั้งแต่เดือนมกราคมจนถึงขณะนี้ที่ 28,031 คน เสียชีวิต 908 คน.-สำนักข่าวไทย

เกาหลีเหนือสั่ง จนท.พร้อมตลอดเวลาสกัดโควิด

เปียงยาง 22 พ.ย.- เกาหลีเหนือสั่งเข้มงวดพรมแดนยิ่งขึ้นเพื่อป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 และขอให้เจ้าหน้าที่เตรียมพร้อมระดับสูงตลอดวลาในช่วงที่โรคนี้กลับมาระบาดเพิ่มขึ้นทั่วโลกอีกครั้ง หนังสือพิมพ์โรดองชินมุนของพรรคแรงงาน ซึ่งเป็นพรรครัฐบาลเกาหลีเหนือรายงานวันนี้ว่า การสร้างสิ่งป้องกันอย่างไร้ที่ติเพื่อเตรียมพร้อมรับมือการแพร่ระบาดทางสาธารณสุขที่เลวร้ายลงเป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่งในการเพิ่มความเข้มงวดสกัดเชื้อไวรัสโคโรนา เกาหลีเหนือต้องปกป้องสิ่งป้องกันอันแข็งแกร่งนี้ต่อไปเพื่อดูแลความปลอดภัยของประเทศและประชาชน ขอให้เจ้าหน้าที่ค้นหาและอุดช่องโหว่การแพร่เชื้อที่แม้จะมีความเป็นไปได้น้อยที่สุด อย่าได้ละเลยและไม่รับผิดชอบ ทุกคนต้องตระหนักอยู่เสมอว่ารอยร้าวทางความสามารถจะนำมาซึ่งรอยร้าวบนสิ่งป้องกัน ขอให้คงสถานะความเตรียมพร้อมระดับสูงตลอดเวลา ด้านสถานีออกอากาศกระจายเสียงกลางเกาหลีหรือเคซีบีเอส (KCBS) ขอให้เจ้าหน้าที่เดินหน้ามาตรการฉุกเฉินในการป้องกันเชื้อไวรัสโคโรนาในทุกพื้นที่ให้ถี่ถ้วนยิ่งขึ้น เพราะสิ่งป้องกันทั้งหมดอาจพังทลายลงได้และเป็นอันตรายต่อความปลอดภัยของประเทสและประชาชน หากเจ้าหน้าที่ทุกคนเลินเล่อแม้ชั่วขณะเดียว เกาหลีเหนืออ้างว่าปลอดจากโรคโควิด-19 แต่ยังคงปิดพรมแดนมาตั้งแต่ต้นปี และยืนกรานไม่รับความช่วยเหลือจากภายนอก เพราะเสี่ยงนำเชื้อเข้ามาระบาดในประเทศ สื่อทางการเรียกร้องให้ดำเนินมาตรการเข้มงวดยิ่งขึ้นไปอีก หลังจากนายคิม จองอึน ผู้นำเกาหลีเหนือประชุมคณะกรมการเมืองพรรคแรงงานและย้ำให้เฝ้าระวังระดับสูง สร้างกำแพงปิดล้อมแน่นหนา และเพิ่มความเข้มงวดในการต่อต้านการแพร่ระบาด.-สำนักข่าวไทย

จีนกล่าวหาอินเดียกดดันให้ใช้กำลังตอบโต้ที่พรมแดน

ทางการจีนเปิดเผยวันนี้ว่า กองทัพจีนถูกกดดันให้ใช้มาตรการตอบโต้ทางการทหาร หลังกองทหารอินเดียได้ข้ามพรมแดนที่เป็นกรณีพิพาทในบริเวณเทือกเขาหิมาลัยและเปิดฉากยิงกระสุนใส่จีน

รมว.กลาโหมจีน-อินเดียโทษกันเรื่องพรมแดน

นิวเดลี 5 ก.ย.- รัฐมนตรีกลาโหมของจีนและอินเดียออกถ้อยแถลงกล่าวโทษอีกฝ่าย หลังจากหารือกันเรื่องความตึงเครียดบริเวณพรมแดนที่เกิดการปะทะกันล่าสุดเมื่อเดือนมิถุนายน นายราจนาธ ซิงห์ รัฐมนตรีกลาโหมอินเดียพบกับ พล.อ.เว่ย เฟิ่งเหอ รัฐมนตรีกลาโหมจีนนอกรอบการประชุมองค์การความร่วมมือเซี่ยงไฮ้ที่กรุงมอสโกของรัสเซียเมื่อเย็นวานนี้ เป็นการพบระดับสูงสุดนับจากทหารทั้งสองฝ่ายปะทะบริเวณพรมแดนเทือกเขาหิมาลัยเมื่อวันที่ 15 มิถุนายน ครั้งนั้นอินเดียแจ้งว่ามีทหารเสียชีวิต 20 นาย จีนยอมรับว่ามีทหารเสียชีวิตแต่ไม่เปิดเผยจำนวน นายซิงห์ออกแถลงการณ์หลังเสร็จสิ้นการหารือว่า เป็นการหารืออย่างตรงไปตรงมาเรื่องข้อพิพาทและความสัมพันธ์ที่ตึงเครียด การกระทำของทหารจีนที่มีทั้งการระดมกำลังพลจำนวนมาก แสดงพฤติกรรมก้าวร้าว และพยายามเปลี่ยนแปลงสถานภาพปัจจุบันแต่ฝ่ายเดียว ล้วนละเมิดข้อตกลงระหว่างกัน อินเดียต้องการแก้ไขข้อพิพาทด้วยการเจรจา แต่ขณะเดียวกันก็มุ่งมั่นที่จะปกปักรักษาอธิปไตยและดินแดนอย่างแน่วแน่ ด้าน พล.อ.เว่ยออกแถลงการณ์ว่า สาเหตุและความจริงของความตึงเครียดบริเวณพรมแดนจีนกับอินเดียในปัจจุบันล้วนชัดเจนอยู่แล้ว ความรับผิดชอบทั้งหมดอยู่ที่ฝั่งอินเดีย จีนไม่สามารถสูญเสียดินแดนของตนเองได้ ขอให้อินเดียกวดขันกองกำลังแนวหน้าให้เข้มงวดมากขึ้น และงดการกระทำใด ๆ ที่อาจทำให้สถานการณ์รุนแรงขึ้นไปกว่าเดิม.-สำนักข่าวไทย

ออสเตรเลียกดดันท้องถิ่นเปิดพรมแดน

ซิดนีย์ 4 ก.ย.- นายกรัฐมนตรีสกอตต์ มอร์ริสันของออสเตรเลียกดดันทางการระดับรัฐให้เปิดพรมแดนภายในประเทศภายในเดือนธันวาคม และผ่อนคลายมาตรการจำกัด เนื่องจากภาคธุรกิจและครัวเรือนที่ถูกล็อกดาวน์ไม่พอใจที่รายได้ลดลงและตกงาน นายกรัฐมนตรีมอร์ริสันเผยหลังประชุมคณะรัฐมนตรีระดับประเทศในวันนี้ว่า ทางการจะหาทางพาพลเรือนตกค้างในต่างประเทศกลับมาให้มากขึ้นจากปัจจุบันที่กำหนดไว้ไม่เกินสัปดาห์ละ 4,000 คน และเสนอทำข้อตกลงระเบียงท่องเที่ยวที่เป็นการจับคู่ท่องเที่ยวกับนิวซีแลนด์เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวและฟื้นเศรษฐกิจที่เข้าสู่ภาวะถดถอยเป็นครั้งแรกในรอบ 29 ปี ส่วนเรื่องเปิดพรมแดนภายในประเทศขณะนี้มุขมนตรี 7 ใน 8 รัฐและดินแดน ยกเว้นรัฐเวสเทิร์นออสเตรเลีย เห็นพ้องแล้วว่า จะร่างแผนการเปิดพรมแดนภายในเดือนธันวาคม และนิยาม “จุดพื้นที่เสี่ยงภัย” เพื่อบริหารจัดการการท่องเที่ยวในประเทศ เขาได้แจ้งต่อนายกรัฐมนตรีจาซินดา อาร์เดิร์นของนิวซีแลนด์ด้วยว่า จะใช้มาตรการนิยามจุดพื้นที่เสี่ยงภัยแบบเดียวกันนี้กับการท่องเที่ยวนิวซีแลนด์ เพราะตราบใดที่ยังไม่มีวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 ก็อาจต้องใช้ชีวิตแบบนี้ไปอีกหลายปี ด้านมุขมนตรีรัฐเวสเทิร์นออสเตรเลียกล่าวว่า จะปิดพรมแดนทางตะวันออกที่ติดกับรัฐอื่นต่อไป เพื่อปกป้องชีวิตผู้คนและอุตสาหกรรมเหมืองใหญ่ที่สุดของประเทศ โดยจะไม่ยอมเปิดพรมแดนจนกว่ารัฐอื่น ๆ จะสามารถควบคุมการระบาดได้ รัฐนี้มีพื้นที่ใหญ่ที่สุดในออสเตรเลีย ไม่มีการติดเชื้อในชุมชนมา 129 วัน และไม่ได้ใช้มาตรการจำกัดทางสังคมหรือธุรกิจแต่อย่างใด ออสเตรเลียมีผู้ป่วยโรคโควิด-19 สะสมราว 26,100 คน เสียชีวิต 737 คน อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและขนส่งระบุว่าการปิดพรมแดนในประเทศทำให้สร้างความสูญเสียเดือนละ 6,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 187,946 […]

อินเดียกล่าวหาจีนครั้งใหม่ว่ายั่วยุที่พรมแดน

กองทัพอินเดียกล่าวหาจีนว่า เคลื่อนไหวยั่วยุบริเวณพรมแดนด้านเทือกเขาหิมาลัยในจุดที่ทหารอินเดีย 20 นายเสียชีวิตระหว่างปะทะกับทหารจีนในเดือนมิถุนายน แต่ไม่ได้ระบุว่ามีการปะทะครั้งใหม่หรือไม่

ฮังการีเตรียมเข้มงวดการเดินทางข้ามพรมแดนสกัดโควิด-19

นายกรัฐมนตรีฮังการีประกาศจะเข้มงวดในการควบคุมการเดินทางข้ามพรมแดนตั้งแต่วันที่ 1 กันยายนเป็นต้นไป เพื่อควบคุมการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 หลังกลุ่มประเทศเพื่อนบ้านมียอดผู้ป่วยติดเชื้อเพิ่มสูงขึ้น

นายกฯอินเดียใช้วันเอกราชเตือนจีนเรื่องพรมแดน

นิวเดลี 15 ส.ค.- นายกรัฐมนตรีนเรนทรา โมดีของอินเดียใช้การกล่าวสุนทรพจน์เนื่องในวันประกาศเอกราช 15 สิงหาคมเตือนจีนครั้งใหม่เรื่องความตึงเครียดบริเวณพรมแดน และรับปากว่าจะสร้างกองทัพให้แข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น นายกรัฐมนตรีโมดีกล่าวสุนทรพจน์ต่อผู้เข้าร่วมพิธีที่ป้อมแดงในกรุงนิวเดลี ซึ่งถูกลดลงจำนวนลงกว่าครึ่งหนึ่งเหลือเพียง 4,000 คน และนั่งห่างกัน 2 เมตรในช่วงที่โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 ยังคงระบาด เขากล่าวถึงการเผชิญหน้ากับจีนและปากีสถานโดยไม่ระบุชื่อว่า ประเทศใดก็ตามที่เล็งอธิปไตยของอินเดีย จะถูกกองทัพอินเดียตอบโต้ด้วยท่าทีเดียวกัน อธิปไตยของอินเดียคือสิ่งสำคัญสูงสุด ทุกคนได้เห็นสิ่งที่อินเดียและกองทัพสามารถทำได้มาแล้วที่ลาดักห์ ซึ่งหมายถึงเหตุทหารอินเดียปะทะกับทหารจีนเมื่อวันที่ 15 มิถุนายนบริเวณพรมแดนเมืองลาดักห์ บนเทือกเขาหิมาลัย ครั้งนั้นทหารอินเดียเสียชีวิต 20 นาย ส่วนจีนยอมรับว่าสูญเสียทหารจำนวนหนึ่งแต่ไม่ยอมเปิดเผยจำนวน นายกรัฐมนตรีอินเดียกล่าวว่า ความสัมพันธ์กับประเทศเพื่อนบ้านในขณะนี้ขึ้นอยู่กับความปลอดภัย ความก้าวหน้าและความไว้วางใจ เพื่อนบ้านไม่ใช่แค่ประเทศที่มีพรมแดนร่วมกัน แต่ต้องมีใจร่วมกัน เมื่อใดก็ตามที่ความสัมพันธ์ได้รับการเคารพ เมื่อนั้นก็จะเกิดความอบอุ่น พร้อมกับย้ำเรื่องจะเสริมกองทัพอินเดีย 1.4 ล้านคนให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น อินเดียต้องการปกป้องประเทศให้มีเสถียรภาพเท่านั้น การเสริมกองทัพให้แข็งแกร่งเป็นไปเพื่อสันติภาพและความสามัคคี ส่วนเรื่องโรคโควิด-19 ระบาดที่คาดว่าอินเดียจะผู้เสียชีวิตเกิน 50,000 คน และติดเชื้อเกิน 3 ล้านคนภายในหนึ่งสัปดาห์ ผู้นำอินเดียย้ำตามที่ได้หาเสียงเลือกตั้งว่า จะทุ่มงบประมาณ 1.3 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว […]

1 5 6 7 8 9 13
...