คาดภาวะฉุกเฉินโรคฝีดาษลิงอาจยาวนานหลายเดือน

ลอนดอน 27 ก.ค. – คณะผู้เชี่ยวชาญที่เป็นที่ปรึกษาด้านโรคฝีดาษลิงขององค์การอนามัยโลก ระบุว่า โอกาสป้องกันไม่ให้โรคฝีดาษลิงแพร่ระบาดไปทั่วกำลังจะหมดลงแล้ว เนื่องจากขณะนี้พบผู้ป่วยฝีดาษลิงเพิ่มขึ้น 2 เท่าทุก 2 สัปดาห์ ทำให้เกิดความวิตกกังวลมากขึ้นว่าจะต้องใช้เวลาอีกหลายเดือนกว่าที่โรคฝีดาษลิงจะถึงจุดสูงสุดของการระบาด แอนน์ ริมอยน์ (Anne Rimoin) อาจารย์ด้านระบาดวิทยาของมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนียของสหรัฐ และหนึ่งในคณะผู้เชี่ยวชาญโรคฝีดาษลิงขององค์การอนามัยโลกที่ประกาศให้โรคฝีดาษลิงเป็นภาวะฉุกเฉินระหว่างประเทศเมื่อสัปดาห์ก่อน เผยกับสำนักข่าวรอยเตอร์สว่า ทั่วโลกต้องเร่งควบคุมโรคฝีดาษลิงให้รุดหน้าไปมากกว่านี้ เป็นที่แน่ชัดแล้วว่าโอกาสป้องกันไม่ให้โรคนี้แพร่กระจายไปทั่วกำลังจะหมดลงแล้ว นพ. อองตวน ฟลาเฮาต์ (Antoine Flahault) ผู้อำนวยการสถาบันสุขภาพโลกของมหาวิทยาลัยเจนีวาในสวิตเซอร์แลนด์ ซึ่งเป็นหนึ่งในคณะผู้เชี่ยวชาญโรคฝีดาษลิงขององค์การอนามัยโลก ระบุว่า การแพร่ระบาดเกิดขึ้นเนื่องจากขาดกระบวนการตรวจโรคอย่างเข้มงวด ส่วนนายจิมมี วิทเวิร์ธ (Jimmy Whitworth) อาจารย์จากวิทยาลัยสุขภาพและเวชศาสตร์เขตร้อน มหาวิทยาลัยลอนดอนของอังกฤษ เผยว่า ยอดผู้ป่วยโรคฝีดาษลิงจะเพิ่มขึ้นต่อไปเป็นเวลาอย่างน้อย 4-6 เดือน หรือจนกว่ากลุ่มเสี่ยงติดเชื้อจะได้รับการฉีดวัคซีน หรือมีภูมิคุ้มกันตามธรรมชาติหลังติดเชื้อ ก่อนหน้านี้ โรคฝีดาษลิงได้แพร่ระบาดในหลายพื้นที่ของทวีปแอฟริกามายาวนานหลายสิบปีจนกลายเป็นโรคประจำถิ่นและเป็นโรคที่ถูกทั่วโลกไม่ให้ความสำคัญ ก่อนพบผู้ป่วยโรคฝีดาษลิงนอกทวีปแอฟริกาเป็นจำนวนมากในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา โรคฝีดาษลิงทำให้ผู้ป่วยมีอาการป่วยเล็กน้อยถึงปานกลาง เช่น มีไข้ อ่อนเพลีย และตุ่มอักเสบบนผิวหนัง ซึ่งมักหายได้เองภายในเวลาไม่กี่สัปดาห์ ขณะนี้ มีผู้เสียชีวิตจากโรคฝีดาษลิงทั้งหมด 5 […]

กทม.พร้อมรับมือน้ำหนุน-ฝีดาษวานร ขอ ปชช.มีความสุขช่วงหยุดยาว

“ชัชชาติ” ผู้ว่าฯ กทม. พร้อมรับมือน้ำหนุน และโรคฝีดาษวานร ขอให้ประชาชนพักผ่อนอย่างมีความสุขในช่วงวันหยุดยาว

สิงคโปร์พบผู้ป่วยฝีดาษลิงเพิ่มอีก 2 คน

สิงคโปร์ 25 ก.ค. – สิงคโปร์พบผู้ป่วยโรคฝีดาษลิงรายใหม่เพิ่มอีก 2 คนเมื่อวันอาทิตย์ ซึ่งถือเป็นผู้ป่วยฝีดาษลิงรายที่ 7 และ 8 ของสิงคโปร์ กระทรวงสาธารณสุขของสิงคโปร์เผยว่า พบผู้ป่วยโรคฝีดาษลิงรายใหม่อีก 2 คน เป็นชายชาวเอสโตเนีย วัย 46 ปี และชายสิงคโปร์ วัย 26 ปี ทำให้สิงคโปร์พบผู้ป่วยฝีดาษลิงทั้งหมด 8 คน แบ่งเป็นผู้ป่วยฝีดาษลิงในประเทศ 4 คน และผู้ป่วยที่เดินทางมาจากต่างประเทศ 4 คน โดยที่ผู้ป่วยทั้งหมดไม่มีความเชื่อมโยงกัน ทั้งยังระบุว่า ชายเอสโตเนียได้เดินทางจากกรุงลอนดอนของอังกฤษมายังสิงคโปร์เมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม และมีผลตรวจติดเชื้อฝีดาษลิงในวันที่ 24 กรกฎาคม เนื่องจากมีผื่นขึ้นบริเวณขาหนีบ มีไข้ และต่อมน้ำเหลืองบวม ส่วนชายสิงคโปร์ ซึ่งมีผื่นบริเวณขาหนีบและส่วนอื่น ๆ ของร่างกาย มีผลตรวจติดเชื้อฝีดาษลิงในวันอาทิตย์เช่นกัน เจ้าหน้าที่ได้ส่งตัวผู้ป่วยทั้งสองคนเข้ารับการรักษาที่ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งชาติแล้ว โดยที่ผู้ป่วยทั้งสองมีอาการคงที่ กระทรวงสาธารณสุขสิงคโปร์ยังได้ส่งแถลงการณ์ถึงหนังสือพิมพ์เดอะสเตรทไทมส์ของสิงคโปร์เกี่ยวกับการใช้มาตรการในประเทศหรือข้อจำกัดพรมแดน หลังองค์การอนามัยโลกประกาศให้โรคฝีดาษลิงเป็นภาวะฉุกเฉินด้านสาธารณสุขระหว่างประเทศเมื่อสัปดาห์ก่อนว่า สิงคโปร์ได้ใช้มาตรการควบคุมโรคฝีดาษลิงตามคำแนะนำขององค์การอนามัยโลกมาตั้งแต่เดือนพฤษภาคมแล้ว และระบบสาธารณสุขของสิงคโปร์ยังคงมีขีดความสามารถสูงในการตรวจหาเชื้อ […]

ผลวิจัยชี้ผู้ป่วยฝีดาษลิง 95% ติดเชื้อผ่านกิจกรรมทางเพศ

ลอนดอน 22 ก.ค. – ผลวิจัยจากมหาวิทยาลัยควีน แมรี แห่งลอนดอน (Queen Mary University of London) ของอังกฤษ ระบุว่า ผู้ป่วยโรคไข้ฝีดาษวานรร้อยละ 95 ติดเชื้อผ่านกิจกรรมทางเพศในกลุ่มผู้ชายที่มีเพศสัมพันธ์กับผู้ชาย คณะนักวิทยาศาสตร์ของมหาวิทยาลัยควีน แมรี แห่งลอนดอน ได้เผยแพร่ผลวิจัย ซึ่งได้รับการตีพิมพ์ในวารสารการแพทย์นิวอิงแลนด์ (The New England Journal of Medicine) เมื่อวันพฤหัสบดี จากการศึกษาตัวอย่างกลุ่มผู้ป่วยโรคฝีดาษวานร 528 คนใน 16 ประเทศระหว่างวันที่ 27 เมษายน-24 มิถุนายนที่ผ่านมา ผลวิจัยดังกล่าวชี้ว่า การแพร่ระบาดของโรคฝีดาษวานรส่วนใหญ่ติดต่อผ่านทางกิจกรรมทางเพศในกลุ่มผู้ชายที่มีเพศสัมพันธ์กับผู้ชาย แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าโรคนี้เป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ เนื่องจากสามารถติดต่อผ่านทางการสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วยได้เช่นกัน ทั้งยังระบุว่า ในภาพรวม พบผู้ป่วยโรคฝีดาษวานรร้อยละ 98 เป็นผู้ชายที่มีเพศสัมพันธ์กับผู้ชาย มีร้อยละ 41 เป็นผู้ป่วยติดเชื้อเอชไอวี และมีอายุเฉลี่ย 38 ปี กลุ่มผู้ป่วยเหล่านี้เปลี่ยนคู่นอนโดยเฉลี่ย 5 คนในรอบ […]

ชายหนุ่มในนิวยอร์กแห่ฉีดวัคซีนฝีดาษลิง

นิวยอร์ก 18 ก.ค.- ผู้ชายวัย 20-40 ปี เข้าแถวยาวเหยียดท่ามกลางอากาศร้อนของบ่ายวันอาทิตย์ เพื่อรอฉีดวัคซีนป้องกันโรคฝีดาษลิงในนครนิวยอร์ก ซึ่งกำลังเป็นศูนย์กลางการระบาดในสหรัฐ ภาพคนรอฉีดวัคซีนโรคฝีดาษลิงที่โรงเรียนมัธยมในย่านบุชวิคของบรุกลิน ซึ่งเป็นเขตที่มีประชากรหนาแน่นที่สุดในนครนิวยอร์ก สะท้อนภาพการฉีดวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 เมื่อครั้งที่นครนิวยอร์กเคยเป็นศูนย์กลางการระบาดเช่นเดียวกัน หลายคนเผยว่า โชคดีที่สามารถจองฉีดวัคซีนฝีดาษลิงได้ทัน เพราะหลังจากที่เว็บไซต์ของทางการนครนิวยอร์กเปิดให้ลงทะเบียนเมื่อเวลา 18:00 น.วันศุกร์ตามเวลาท้องถิ่น ยอดจองวัคซีนที่มีอยู่ทั้งหมด 9,200 โดสก็เต็มภายในเวลาเพียง 7 นาทีเท่านั้น ส่วนช่วง 3 วันก่อนหน้านั้นมีคนเข้าไปจองล้นหลามจนเว็บไซต์ล่ม นครนิวยอร์กมีประชากรมากกว่า 8 ล้านคน และพบผู้ป่วยโรคฝีดาษลิงเพิ่มขึ้น โดยพบผู้ป่วยมากถึง 461 คนเมื่อวันศุกร์ เพิ่มขึ้นจาก 223 คนเมื่อวันจันทร์ที่แล้ว ส่วนการระบาดในสหรัฐเริ่มมาตั้งแต่เดือนพฤษภาคม โรคฝีดาษลิงติดต่อผ่านการสัมผัสใกล้ชิดทางร่างกาย แต่วัคซีนจินนีออส (Jynneos) ที่ใช้อยู่ในขณะนี้สงวนไว้สำหรับกลุ่มชายรักชายเท่านั้น เพราะเป็นผู้ป่วยส่วนใหญ่ ทำให้กลุ่มผู้มีความหลากหลายทางเพศ (LGBTQ) กังวลว่าจะถูกติเตียนว่าเป็นต้นเหตุของการระบาด.-สำนักข่าวไทย

รัสเซียพบผู้ป่วยฝีดาษลิงรายแรก

มอสโก 12 ก.ค.- สำนักงานคุ้มครองผู้บริโภครัสเซียแจ้งว่า รัสเซียพบผู้ป่วยโรคฝีดาษลิงรายแรกของประเทศ เป็นชายหนุ่มที่เดินทางกลับมาจากการท่องเที่ยวยุโรป สำนักงานคุ้มครองผู้บริโภคแถลงว่า ผู้ป่วยมีอาการเล็กน้อย และมีความเสี่ยงอย่างจำกัดในการแพร่เชื้อให้แก่ผู้อื่น โรคฝีดาษลิงเกิดจากเชื้อไวรัส ผู้ป่วยจะมีอาการคล้ายเป็นไข้หวัดใหญ่ และมีรอยโรคบนผิวหนัง เป็นโรคประจำถิ่นในทวีปแอฟริกา แต่ขณะนี้พบในประเทศที่ไม่เคยพบการระบาดมาก่อนมากกว่า 50 ประเทศแล้ว ยอดผู้ป่วยที่ได้รับการยืนยันมากกว่า 7,600 คน.-สำนักข่าวไทย

ผลศึกษาชี้อาการฝีดาษลิงต่างจากการระบาดก่อนหน้านี้

นักวิจัยในกรุงลอนดอนของอังกฤษเปิดเผยผลการศึกษาที่แสดงให้เห็นว่า คนไข้ที่ป่วยด้วยโรคฝีดาษลิงในอังกฤษ มีอาการแตกต่างจากอาการที่เคยพบในการระบาดครั้งก่อน ๆ

WHO ชี้ฝีดาษลิงยังไม่เข้าข่ายโรคฉุกเฉิน

องค์การอนามัยโลก เผยโรคฝีดาษลิงยังไม่เข้าข่ายเป็นสถานการณ์ฉุกเฉินด้านสาธารณสุข แต่ควรจับตาใกล้ชิด ชี้ยังมีความเสี่ยงระบาดเพิ่มทั่วโลก

WHO ถูกวิจารณ์เรื่องการตัดสินใจเกี่ยวกับฝีดาษลิง

ลอนดอน 23 มิ.ย.- นักวิทยาศาสตร์ชั้นนำวิจารณ์องค์การอนามัยโลก (WHO) ที่จะตัดสินใจในวันนี้ว่า จะประกาศให้โรคฝีดาษลิงเป็นเหตุฉุกเฉินด้านสาธารณสุขโลกหรือไม่ โดยระบุว่าโรคนี้เป็นวิกฤตในทวีปแอฟริกามาหลายปีแล้ว ศ.เอ็มมานูเอล นาโกเน รักษาการผู้อำนวยการสถาบันปาสเตอร์ในสาธารณรัฐแอฟริกากลางที่กำลังทดลองการรักษาโรคฝีดาษลิงกล่าวว่า เมื่อใดก็ตามที่เกิดโรคในประเทศกำลังพัฒนาจะไม่ถือว่าเป็นเรื่องฉุกเฉิน แต่จะกลายเป็นเรื่องฉุกเฉินต่อเมื่อกระทบกับประเทศพัฒนาแล้ว อย่างไรก็ดี หาก WHO ประกาศให้โรคฝีดาษลิงเป็นเหตุฉุกเฉินด้านสาธารณสุขระหว่างประเทศ ซึ่งเป็นระดับสูงสุด ก็ถือว่าเป็นก้าวที่สำคัญ เพราะหากมีเจตนารมณ์ทางการเมืองที่จะแบ่งปันวิธีการรับมือโรคฝีดาษลิงระหว่างประเทศพัฒนาแล้วกับประเทศกำลังพัฒนาอย่างเท่าเทียมกัน ทุกประเทศก็จะได้รับประโยชน์ ข้อมูลของรอยเตอร์ระบุว่า มีผู้ป่วยโรคฝีดาษลิงนอกทวีปแอฟริกาแล้ว 3,000 คน ในกว่า 40 ประเทศ ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มชายรักชาย หลังจากพบผู้ป่วยรายแรกในเดือนพฤษภาคม และยังไม่มีรายงานผู้เสียชีวิต ขณะที่ทวีปแอฟริกาซึ่งมีโรคนี้เป็นโรคประจำถิ่นพบผู้เข้าข่ายป่วยราว 1,500 คนตั้งแต่ต้นปี ในจำนวนนี้เสียชีวิต 66 คน คณะกรรมการเหตุฉุกเฉินของ WHO ที่ประกอบด้วยผู้เชี่ยวชาญจากภูมิภาคที่ได้รับผลกระทบจะประชุมกันในวันนี้ เพื่อจัดทำข้อเสนอแนะต่อ ดร.ทีโดรส อัดฮานอม กีบรีเยซุส ผู้อำนวยการ WHO ผู้จะตัดสินใจในขั้นสุดท้ายว่าจะประกาศให้โรคฝีดาษลิงเป็นเหตุฉุกเฉินด้านสาธารณสุขหรือไม่ ขณะนี้ผู้เชี่ยวชาญส่วนใหญ่เห็นตรงกันว่า โรคนี้เข้าเกณฑ์คำนิยามเหตุฉุกเฉินของ WHO เพราะแพร่ระบาดในระดับสากลอย่างฉับพลันและผิดปกติ และต้องอาศัยความร่วมมือระหว่างประเทศ.-สำนักข่าวไทย

1 2 3 4 5 6 7
...