ลอนดอน 23 มิ.ย.- นักวิทยาศาสตร์ชั้นนำวิจารณ์องค์การอนามัยโลก (WHO) ที่จะตัดสินใจในวันนี้ว่า จะประกาศให้โรคฝีดาษลิงเป็นเหตุฉุกเฉินด้านสาธารณสุขโลกหรือไม่ โดยระบุว่าโรคนี้เป็นวิกฤตในทวีปแอฟริกามาหลายปีแล้ว
ศ.เอ็มมานูเอล นาโกเน รักษาการผู้อำนวยการสถาบันปาสเตอร์ในสาธารณรัฐแอฟริกากลางที่กำลังทดลองการรักษาโรคฝีดาษลิงกล่าวว่า เมื่อใดก็ตามที่เกิดโรคในประเทศกำลังพัฒนาจะไม่ถือว่าเป็นเรื่องฉุกเฉิน แต่จะกลายเป็นเรื่องฉุกเฉินต่อเมื่อกระทบกับประเทศพัฒนาแล้ว อย่างไรก็ดี หาก WHO ประกาศให้โรคฝีดาษลิงเป็นเหตุฉุกเฉินด้านสาธารณสุขระหว่างประเทศ ซึ่งเป็นระดับสูงสุด ก็ถือว่าเป็นก้าวที่สำคัญ เพราะหากมีเจตนารมณ์ทางการเมืองที่จะแบ่งปันวิธีการรับมือโรคฝีดาษลิงระหว่างประเทศพัฒนาแล้วกับประเทศกำลังพัฒนาอย่างเท่าเทียมกัน ทุกประเทศก็จะได้รับประโยชน์
ข้อมูลของรอยเตอร์ระบุว่า มีผู้ป่วยโรคฝีดาษลิงนอกทวีปแอฟริกาแล้ว 3,000 คน ในกว่า 40 ประเทศ ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มชายรักชาย หลังจากพบผู้ป่วยรายแรกในเดือนพฤษภาคม และยังไม่มีรายงานผู้เสียชีวิต ขณะที่ทวีปแอฟริกาซึ่งมีโรคนี้เป็นโรคประจำถิ่นพบผู้เข้าข่ายป่วยราว 1,500 คนตั้งแต่ต้นปี ในจำนวนนี้เสียชีวิต 66 คน คณะกรรมการเหตุฉุกเฉินของ WHO ที่ประกอบด้วยผู้เชี่ยวชาญจากภูมิภาคที่ได้รับผลกระทบจะประชุมกันในวันนี้ เพื่อจัดทำข้อเสนอแนะต่อ ดร.ทีโดรส อัดฮานอม กีบรีเยซุส ผู้อำนวยการ WHO ผู้จะตัดสินใจในขั้นสุดท้ายว่าจะประกาศให้โรคฝีดาษลิงเป็นเหตุฉุกเฉินด้านสาธารณสุขหรือไม่ ขณะนี้ผู้เชี่ยวชาญส่วนใหญ่เห็นตรงกันว่า โรคนี้เข้าเกณฑ์คำนิยามเหตุฉุกเฉินของ WHO เพราะแพร่ระบาดในระดับสากลอย่างฉับพลันและผิดปกติ และต้องอาศัยความร่วมมือระหว่างประเทศ.-สำนักข่าวไทย