ผู้ว่าฯอัศวิน

กรุงเทพฯ 12 พ.ย.-ผู้ว่าฯกทม.ติดตามแก้ไขปัญหาน้ำในพื้นที่หนองจอก เตรียมพร้อมทำการเกษตรในช่วงภัยแล้งและเตรียมป้องกันน้ำท่วมในอนาคต พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) ลงพื้นที่ คลองลำบ่อยาว เขตหนองจอก ซึ่งเป็นคลองสายหลักในพื้นที่ โดยติดตามความก้าวหน้า การขุดลองคูคลอง เตรียมพร้อมทำการเกษตรในช่วงภัยแล้งและเตรียมป้องกันน้ำท่วมในอนาคต ผู้ว่าฯกทม.กล่าวว่าหลังจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีสั่งการให้ กทม.ขุดลอกคูคลองในเขตหนองจอกเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการระบายน้ำ เนื่องจากคลองมีสภาพตื้นเขินและระดับน้ำอยู่ในเกณฑ์ต่ำไม่เพียงพอต่อการทำเกษตรกรรม จึงมอบหมายให้สำนักการระบายน้ำขุดลอง คูคลองหนองจอกให้มีลักษณะที่กว้างขึ้นและขุดลอกคูคลองให้ลึกลงไปกว่า 2 เมตร หลังจากได้ข้อมูลจากชาวบ้านว่าในบริเวณหนองจอกไม่ได้มีการขุดลอกคลองนานกว่า 20 ปีแล้ว โดยพื้นที่เขตหนองจอกมีคลองกว่า 95 คลอง รวมยาวประมาณ 242,410 เมตร แบ่งเป็นคลองสายหลัก 10 คลอง ความยาวประมาณ 58,350 เมตร และคลองสาขา 85 คลอง ความยาวประมาณ 184,060 เมตร อยู่ในความรับผิดชอบของกรมชลประทาน 3 คลอง ขอจัดสรรงบประมาณดำเนินการขุดลอกคูคลองที่มีความจำเป็นกับประชาชนในพื้นที่รวม 60 คลอง เพื่อเตรียมรองรับปริมาณน้ำในฤดูฝน ป้องกันการขาดแคลนน้ำด้านอุปโภค บริโภค […]

กทม.27 ต.ค.-“พล.ต.อ.อัศวิน” ย้ำ กทม.เป็นคนกลาง ไม่เลือกปฎิบัติกับ ผู้ชุมนุม หากทำเรื่องขอมาพร้อมให้บริการทุกกลุ่ม ส่วนม็อบของ “ทยา” ภรรยา รมว.ศธ เย็นนี้ที่สวนลุม ห้ามใช้เครื่องเสียงดัง จากรณี เมื่อวันที่ 25 ตุลาคมที่ผ่านมา มีการชุมนุมของ กลุ่มศูนย์รวมประชาชนปกป้องสถาบัน (ศปปส.) กองทัพประชาชนปกป้องสถาบัน ที่บริเวณ หน้าอาคารรัฐสภา โดย พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (ผู้ว่าฯกทม.) ได้ลงพื้นที่มาพูดคุยกับกลุ่มผู้ชุมนุมด้วยตัวเอง พร้อมอำนวยความสะดวกในเรื่องรถสุขาเคลื่อนที่ จำนวน 6 คัน และบอลลูนไลท์ หรือไฟส่องสว่าง มาอำนวยความสะดวก โดยขอความร่วมมือจากการไฟฟ้านครหลวงมาช่วยเรื่องการติดตั้ง ทำให้สังคมเกิดคำถามถึงการปฎิบัติของ กทม.ว่า เป็นการเลือกปฎิบัติ ลักษณะสองมาตรฐานหรือไม่ เรื่องนี้ผู้สื่อข่าวสอบถาม พล.ต.อ.อัศวิน ในงานเปิดกิจกรรมฟื้นวิถีคลอง ส่องประวัติศาสตร์ที่วัดกัลยาณมิตรวรมหาวิหาร เขตธนบุรี โดยระบุว่าขอเรียนพี่น้องสื่อมวลชนในเรื่องนี้ ว่า กทม.ถือเป็นหน่วยงานที่ให้บริการ ทุกเขต ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพร้อมให้บริการ อำนวยความสะดวก กทม.ไม่ได้เลือกปฎิบัติกับกลุ่มไหน ถ้าหากทำหนังสือร้องขอเรื่องรถสุขาหรือไฟส่องสว่างมายัง กทม. […]

กทม.1 ต.ค.- ผู้ว่าฯกทม.ลั่นปัญหาครูทำร้ายนักเรียนในโรงเรียนสังกัด กทม.ต้องไม่เกิด พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (ผู้ว่าฯกทม.) โพสต์เพจเฟซบุ๊ก “ผู้ว่าฯอัศวิน” เรื่อง ปัญหาครูทำร้ายนักเรียนในโรงเรียนสังกัด กทม.ต้องไม่เกิด โดยระบุว่า กทม.เคร่งครัดในการจัดระบบการศึกษาโรงเรียนสังกัดกทม.ทั้ง 437 แห่งมาโดยตลอด ทั้งในส่วนของบุคลากรทางการศึกษา คุณภาพการศึกษา และการดูแลเด็กจะต้องเป็นไปตามมาตรการที่ทางราชการกำหนด เพราะพ่อ แม่ ผู้ปกครองให้ความไว้ใจและฝากบุตรหลานไว้กับเรา ก็ต้องดูแลเต็มที่ครับ การใช้ความรุนแรงในโรงเรียนโดยเฉพาะอย่างยิ่งกรณีครูทำร้ายนักเรียนต้องไม่เกิดขึ้น ต้องยอมรับครู เป็นอาชีพที่เหนื่อยมากจริงๆ ต้องทุ่มเทและเสียสละดูแลเด็กจำนวนมาก ทั้งด้านวิชาการ พฤติกรรม การอบรมบ่มนิสัยให้เด็กเป็นคนดี และเป็นอนาคตของครอบครัว ดังนั้นคุณสมบัติของครูและบุคลากรทางการศึกษาของกทม.สำคัญ ซึ่งกทม.ได้เข้มงวดตั้งแต่การคัดเลือกความประพฤติ จรรยาบรรณ ความรัก ความเมตตาต่อนักเรียน จิตวิญญาณของความเป็นครู และครูทุกคนต้องมีใบประกอบวิชาชีพครูอย่างถูกต้อง เมื่อบรรจุเป็นครูแล้ว ก็จะต้องฝึกอบรมด้านต่างๆ รวมถึงเทคนิคด้านจิตวิทยาสำหรับครูยุคใหม่ เพื่อให้เข้าใจถึงพฤติกรรมของเด็กในยุคปัจจุบันด้วย หากจำเป็นต้องลงโทษนักเรียนก็ต้องปฏิบัติตามระเบียบที่กำหนดไว้ และต้องคำนึงถึงอายุของนักเรียนตลอดจนความร้ายแรงประกอบการลงโทษครับ ได้แก่ ว่ากล่าวตักเตือน ทำทัณฑ์บน ตัดคะแนนความประพฤติ และทำกิจกรรมเพื่อให้ปรับเปลี่ยนพฤติกรรม ซึ่งเจตนาก็เพื่อแก้นิสัยและความประพฤติที่ไม่ดีของนักเรียน ให้รู้สำนึกในความผิดและไม่ทำผิดซ้ำๆ อีกต่อไป ที่ห้ามเด็ดขาด คือ […]

กทม.22 ส.ค.-กทม.เริ่มแล้วบริการเจาะเลือดผู้ป่วยถึงบ้าน พร้อมระบบการแพทย์วิถีใหม่ด้วยการตรวจรักษาออนไลน์และจัดส่งยารักษาทางไปรษณีย์ถึงบ้าน พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (ผู้ว่าฯกทม.) โพสต์ผ่านเฟซบุ๊กผู้ว่าฯอัศวิน ว่า กทม.ได้ทดลองนำร่องให้บริการเจาะเลือดถึงบ้านในกลุ่มผู้ป่วยติดเตียงที่อยู่ในความดูแลของโรงพยาบาลราชพิพัฒน์ สังกัดสำนักการแพทย์ กทม. เพื่ออำนวยความสะดวกและช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายของผู้ป่วยและญาติในการเดินทางมาโรงพยาบาล ทั้งยังช่วยลดความแออัดของโรงพยาบาลและลดโอกาสเสี่ยงในการติดเชื้อโรคอื่นๆ จากโรงพยาบาลอีกด้วย ซึ่งผู้ป่วยและญาติต่างก็พอใจกับโครงการนี้อย่างมาก เพราะสะดวก ไม่ต้องหอบหิ้วข้าวของทั้งยา อาหาร และอุปกรณ์ของใช้จำเป็นต่างๆ รวมถึงจ้างรถรับ-ส่งเพื่อเตรียมตัวมาโรงพยาบาลในแต่ละครั้ง ไม่ต้องอดข้าวอดน้ำนานๆ กว่าจะถึงคิวเจาะเลือด และไม่ต้องรอพบแพทย์เพื่อฟังผลเลือด ซึ่งจะต้องใช้เวลาอยู่ที่โรงพยาบาลเกือบจะทั้งวัน ขณะเดียวกัน กทม.ได้พัฒนาระบบ Telemedicine หรือบริการตรวจรักษาออนไลน์และจัดส่งยาถึงบ้าน ผ่านแอปพลิเคชัน MorBMA (หมอกทม.) ซึ่งขณะนี้โรงพยาบาลในสังกัด กทม.ทุกแห่ง เริ่มใช้ระบบนี้ในการตรวจรักษาและติดตามอาการของผู้ป่วยในแผนกต่างๆ ที่มีความพร้อมแล้ว เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ผู้ป่วยและญาติโดยไม่ต้องเดินทางมาโรงพยาบาล ซึ่งก่อนใช้บริการตรวจรักษาแบบออนไลน์นี้ โรงพยาบาลจะมีแบบแสดงความยินยอมเข้ารับบริการในระบบ Telemedicine รวมถึงให้คำแนะนำ ในการใช้บริการ ขั้นตอนการให้บริการ และการติดต่อสื่อสารระหว่างกัน รวมถึงการส่งยาให้ถึงบ้าน เพื่อให้การรักษาต่อเนื่องและเกิดประสิทธิภาพสูงสุด สำหรับระบบตรวจรักษาออนไลน์นี้จะเน้นในกลุ่มผู้ป่วยที่ต้องได้รับยาต่อ เนื่อง 3 กลุ่ม คือกลุ่มผู้ป่วยกลุ่มโรค NCDs ได้แก่ โรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง […]