บ้านเรือน

เรคยาวิก 15 ม.ค.- ภูเขาไฟบนคาบสมุทรเรคยาเนสของไอซ์แลนด์ยังคงปะทุต่อเนื่อง พ่นธารลาวาพุ่งขึ้นมาจากรอยแตกของพื้นดิน ไหลเคลื่อนเข้าเขตชุมชน เผาผลาญบ้านเรือนประชาชนในเมืองใกล้เคียงเสียหายไปแล้วหลายหลังคาเรือน ความคืบหน้าเหตุภูเขาไฟบนคาบสมุทรเรคยาเนส ทางตะวันตกเฉียงใต้ของไอซ์แลนด์ปะทุรอบใหม่ตั้งแต่ช่วงเช้าวันอาทิตย์ตามเวลาท้องถิ่น ล่าสุดสายธารลาวาภูเขาไฟ พวยพุ่งทะลุออกมาจากรอยแยกของพื้นดินหลายจุด ไหลเป็นทางยาวมุ่งหน้าเข้าใกล้เมืองกรินดาวิก เมืองชุมชนชาวประมงที่อยู่ใกล้เคียง เผาผลาญอาคารบ้านเรือนที่อยู่ในเส้นทางเคลื่อนตัวของธารลาวาไปแล้วนับสิบหลังคาเรือน อย่างไรก็ดี ชาวบ้านที่ยังเหลืออยู่ในเมืองได้อพยพไปยังที่ปลอดภัยแล้ว เนื่องจากตรวจสอบพบสัญญาณแรงสั่นสะเทือนว่า มีความเสี่ยงที่ภูเขาไฟจะปะทุขึ้นมาได้อีกทุกเมื่อ หลังจากปะทุครั้งหลังสุดเมื่อเดือนธันวาคม การปะทุรอบใหม่ทำให้เกิดความเสียหายต่อโครงสร้างอาคารบ้านเรือน แต่ไม่กระทบการบิน และยังไม่มีรายงานผู้เสียชีวิตหรือบาดเจ็บ การปะทุของภูเขาไฟบนคาบสมุทรบนคาบสมุทรเรคยาเนสแห่งนี้ เป็นการปะทุครั้งที่ 5 แล้ว นับจากปี 2564 โดยปะทุครั้งหลังสุดเมื่อวันที่ 18 ธันวาคมที่ผ่านมา หลังจากเกิดแผ่นดินไหวรุนแรงต่อเนื่อง ครั้งนั้นทางการต้องอพยพชาวเมืองกรินดาวิก 4,000 คน และปิดสปาบ่อน้ำพุร้อนที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวชื่อดังของไอซ์แลนด์ ขณะที่แรงสั่นสะเทือนจากแผ่นดินไหวสร้างความเสียหายต่อสาธารณูปโภคในเมือง ทั้งถนนและสะพานไม่น้อย คาบสมุทรเรคยาเนส เป็นหนึ่งในพื้นที่ที่มีประชากรหนาแน่น และเป็นที่ตั้งของท่าอากาศยานเคฟลาวิก ซึ่งเป็นช่องทางหลักในการเดินทางเข้าออกไอซ์แลนด์ ขณะที่เมืองกรินดาวิก ที่กำลังได้รับผลกระทบจากภูเขาไฟปะทุรอบนี้ อยู่ห่างจากกรุงเรคยาวิก เมืองหลวงของไอซ์แลนด์เพียง 40 กิโลเมตรเท่านั้น.815(814).-สำนักข่าวไทย

ชาวฟิลิปปินส์เริ่มทำความสะอาดบ้านเรือน หลังเกิดน้ำท่วมและดินถล่มจากอิทธิพลพายุโซนร้อนนัลแก ส่วนยอดผู้เสียชีวิตเพิ่มเป็น 48 คน

ลากอส 17 ต.ค.- รัฐบาลไนจีเรียแจ้งยอดผู้เสียชีวิตจากน้ำท่วมครั้งเลวร้ายที่สุดในรอบหลายทศวรรษว่า มีผู้เสียชีวิตมากกว่า 600 คนแล้ว และมีผู้ที่ต้องอพยพจากบ้านเรือนมากกว่า 1 ล้าน 3 แสนคน กระทรวงกิจการมนุษยธรรมไนจีเรียรายงานว่า มีผู้เสียชีวิตจากน้ำท่วมแล้ว 603 คนนับจนถึงวันที่ 16 ตุลาคม เพิ่มขึ้นจาก 500 คนเมื่อสัปดาห์ก่อน สาเหตุหนึ่งที่มีผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นเป็นเพราะรัฐบาลท้องถิ่นไม่ได้เตรียมตัวรับมือกับน้ำท่วม นอกจากนี้ยังมีบ้านเรือนเสียหายทั้งหลังมากกว่า 82,000 หลัง พื้นที่ทางการเกษตรเสียหายร่วม 687,500 ไร่ ด้านสำนักงานจัดการเหตุฉุกเฉินแห่งชาติแถลงว่า ปกติแล้วไนจีเรียจะเริ่มเข้าสู่ฤดูฝนในเดือนมิถุนายน แต่ปีนี้ฝนตกหนักมากกว่าปกติตั้งแต่เดือนสิงหาคม ไนจีเรียซึ่งเป็นประเทศทางใต้ของทะเลทรายซาฮาราได้รับผลกระทบอย่างมากจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ขณะที่เศรษฐกิจถูกกระทบหนักจากสงครามรัสเซีย-ยูเครน ผู้ผลิตข้าวเตือนว่า น้ำท่วมใหญ่อาจทำให้ชาวไนจีเรีย 200 ล้านคนต้องซื้อข้าวในราคาแพงขึ้น เพราะทางการห้ามนำเข้าข้าวเพื่อกระตุ้นการผลิตในประเทศ โครงการอาหารโลกแห่งสหประชาชาติ (WEP) และองค์การอาหารและการเกษตรแห่งสหประชาชาติ (FAO) เตือนเมื่อเดือนกันยายนว่า ไนจีเรียเป็น 1 ใน 6 ประเทศที่เสี่ยงสูงว่าจะเกิดความหิวโหยในระดับหายนะ.-สำนักข่าวไทย