บังกลาเทศปิดโรงเรียนประถมหนีคลื่นความร้อน

ธากา 7 มิ.ย.- บังกลาเทศสั่งปิดโรงเรียนประถมศึกษาจำนวนมาก เนื่องจากกำลังเผชิญกับคลื่นความร้อนยาวนานที่สุดในรอบ 50 ปี และต้องดับไฟฟ้าเป็นวงกว้าง ซ้ำเติมความเดือดร้อนของประชาชน อุณหภูมิในกรุงธากาของบังกลาเทศร้อนแตะ 40 องศาเซลเซียส เจ้าหน้าที่สำนักอุตุนิยมวิทยาบังกลาเทศเผยว่า บังกลาเทศไม่เคยเผชิญกับคลื่นความร้อนยาวนานเช่นในขณะนี้มาก่อน นับตั้งแต่ได้รับเอกราชในปี 2514 คลื่นความร้อนเริ่มเกิดขึ้นตั้งแต่เดือนเมษายนจนถึงต้นเดือนพฤษภาคม จากนั้นได้บรรเทาลง ก่อนกลับมารุนแรงขึ้นอีกในช่วงปลายเดือน บังกลาเทศเกิดคลื่นความร้อนในทุกฤดูร้อนอยู่แล้ว โดยมักเกิดขึ้นเพียงไม่กี่วันหรือเพียงสัปดาห์เดียว แต่ปีนี้เกิดขึ้นยาวนาน 2 สัปดาห์แล้ว และจะมีแนวโน้มจะต่อเนื่องไปจนถึงสุดสัปดาห์นี้ รัฐบาลบังกลาเทศสั่งปิดโรงเรียนประถมศึกษาหลายหมื่นโรง และสั่งลดกำลังผลิตไฟฟ้าลงอย่างมาก แม้ว่ามีความต้องการใช้ไฟฟ้าเพิ่มขึ้นมาก เพราะประชาชนต้องเปิดเครื่องปรับอากาศและพัดลมบรรเทาความร้อน ส่วนเมื่อวันจันทร์ทางการได้สั่งงดเดินเครื่องโรงไฟฟ้าใหญ่ที่สุดของประเทศ เนื่องจากไม่มีเงินซื้อถ่านหินที่เป็นเชื้อเพลิงในการผลิตไฟฟ้า สกุลเงินตากาของบังกลาเทศอ่อนค่าลงร้อยละ 25 เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐตั้งแต่ปี 2565 ทำให้การนำเข้าเชื้อเพลิงและอุปกรณ์ในการผลิตไฟฟ้ามีราคาแพงขึ้น ขณะที่โรงไฟฟ้าที่มีอยู่ก็ผลิตไฟฟ้าได้น้อยกว่าความต้องการ ทำให้ต้องมีการดับไฟนานหลายชั่วโมง.-สำนักข่าวไทย

พายุโมคา พัดถล่มเมียนมาและบังกลาเทศ เสียหายไม่มาก

พายุไซโคลนโมคา พัดถล่มเมียนมาและบังกลาเทศ วานนี้ สร้างความเสียหายไม่มากนัก แต่ สตอร์มเซิร์จ ทำระบบสื่อสารถูกตัดขาดเป็นวงกว้าง

ไซโคลน “โมคา” ระดับ 5 ขึ้นฝั่งพรมแดนบังกลาเทศ-เมียนมา

เทคนาฟ 14 พ.ค.- สำนักงานอุตุนิยมวิทยาบังกลาเทศแจ้งว่า ไซโคลนโมคา (Mocha) ได้ขึ้นฝั่งพรมแดนบังกลาเทศ-เมียนมาแล้วในวันนี้ ทำให้ต้นไม้ล้มและมีฝนตกในพื้นที่ที่มีผู้ลี้ภัยโรฮีนจาอาศัยอยู่ร่วมล้านคน สำนักงานฯ แจ้งว่า ไซโคลนมีความเร็วลมสูงสุด 195 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ขึ้นฝั่งในพื้นที่ที่อยู่ระหว่างเมืองค็อกซ์บาซาร์ของบังกลาเทศกับเมืองซิตตเว รัฐยะไข่ของเมียนมา ก่อนหน้านี้ศูนย์เตือนภัยไต้ฝุ่นร่วมสหรัฐแจ้งว่า ไซโคลนมีความเร็วลมสูงสุด 140 นอตหรือ 259 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เทียบเท่าเฮอริเคนระดับ 5 ชายชาวโรฮีนจาวัย 28 ปีที่ลี้ภัยอยู่ในบังกลาเทศเผยว่า ที่พักในค่ายผู้ลี้ภัยสร้างด้วยผ้าใบกันน้ำและไม้ไผ่ เพียงแค่ถูกลมพัดเบา ๆ ก็เสียหายแล้ว ส่วนโรงเรียนที่ใช้เป็นที่หลบภัยไซโคลนก็ไม่แข็งแรงมากพอที่จะต้านทานแรงลมได้ ทำให้ทุกคนรู้สึกหวาดกลัว ด้านชาวโรฮีนจาที่อยู่ในค่ายผู้พลัดถิ่นในเมืองซิตตเวเผยว่า เริ่มมีลมพัดแรงตั้งแต่เช้าและแรงขึ้นเรื่อย ๆ บ้านพักในค่ายพังเสียหาย หลังคาของที่หลบภัยซึ่งสร้างโดยสำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติหรือยูเอ็นเอชซีอาร์ (UNHCR) ถูกลมพัดปลิวหาย บังกลาเทศเคยถูกไซโคลนซิดร์ (Sidr) พัดถล่มทางตอนใต้ในเดือนพฤศจิกายน 2550 คร่าชีวิตคนไปมากกว่า 9,000 คน สร้างความเสียหายมูลค่ามหาศาล ขณะที่เมียนมาเคยถูกไซโคลนนาร์กิส (Nargis) พัดถล่มบริเวณสันดอนแม่น้ำอิรวดีในปี 2551 คร่าชีวิตคนไปมากถึง 138,000 คน.-สำนักข่าวไทย

เมียนมา-บังกลาเทศ อพยพประชาชนหนีพายุไซโคลนโมคา

ประชาชนตามแนวชายฝั่งทะเลของเมียนมาและบังกลาเทศนับแสนคนเร่งอพยพหาที่หลบภัย หลังคาดว่าอิทธิพลของพายุโมคาจะทำให้เกิดฝนตกหนัก ลมพัดแรง และดินถล่ม

คาดไซโคลน “โมคา” จะขึ้นฝั่งบังกลาเทศ-เมียนมา 13:30 น.วันนี้

ค็อกซ์บาซาร์ 14 พ.ค.- เจ้าหน้าที่พยากรณ์ว่า ไซโคลนโมคา (Mocha) จะขึ้นฝั่งพื้นที่ที่อยู่ระหว่างเมืองค็อกซ์บาซาร์ของบังกลาเทศกับเมืองซิตตเว รัฐยะไข่ของเมียนมาราวเวลา 13:30 น.วันนี้ตามเวลาไทย เว็บไซต์ซูมเอิร์ธ (Zoom Earth) รายงานว่า ไซโคลนโมคามีความเร็วลมสูงสุด 240 กิโลเมตรต่อชั่วโมง จัดเป็นซูเปอร์ไซโคลน ทางการบังกลาเทศอพยพคน 190,000 คนในเมืองค็อกซ์บาซาร์และอีก 100,000 คนในเมืองจิตตะกองไปยังพื้นที่ปลอดภัย เมืองค็อกซ์บาซาร์เป็นที่ตั้งของค่ายผู้ลี้ภัยจำนวนมากที่มีชาวโรฮีนจาลี้ภัยอยู่ร่วมล้านคน ค่ายเหล่านี้ตั้งอยู่ตามเชิงเขาที่เสี่ยงเกิดดินถล่ม และสร้างขึ้นอย่างลวก ๆ ด้วยผ้าใบกันน้ำและไม้ไผ่ เพราะทางการเกรงว่าหากสร้างถาวรผู้ลี้ภัยจะไม่เดินทางกลับเมียนมา หลังจากหนีมาตั้งแต่ 5 ปีก่อน ด้านชาวโรฮีนจาที่อาศัยอยู่ในค่ายผู้พลัดถิ่นในเมืองซิตตเว รัฐยะไข่ ทางตะวันตกสุดของเมียนมาก็เสี่ยงภัยจากไซโคลนโมคาเช่นกัน แกนนำในค่ายเผยว่า ทางการไม่ได้อพยพพวกเขาไปยังสถานที่ปลอดภัย โดยจัดหาให้เพียงอาหารและสิ่งจำเป็นเท่านั้น พวกเขากังวลว่าจะตกอยู่ในอันตรายหากระดับน้ำในแม่น้ำเพิ่มสูงขึ้น ขณะที่ชาวเมืองซิตตเวพากันอพยพขึ้นสู่ที่สูงตั้งแต่วันเสาร์ เพราะมีคำพยากรณ์เตือนว่า อาจเกิดคลื่นพายุซัดฝั่งหรือสตอร์มเซิร์จสูงถึง 3.5 เมตร ด้านนครย่างกุ้งที่อยู่ห่างออกไป 500 กิโลเมตรมีฝนตกและลมแรงแล้วในวันนี้ ไซโคลนเป็นพายุหมุนเขตร้อนที่เกิดขึ้นในมหาสมุทรอินเดียด้านทะเลอันดามันและอ่าวเบงกอล เทียบเท่ากับไต้ฝุ่นที่เกิดขึ้นทางตะวันตกเฉียงเหนือของมหาสมุทรแปซิฟิก และเฮอริเคนที่เกิดขึ้นทางเหนือของมหาสมุทรแอตแลนติก.-สำนักข่าวไทย

ยูเอ็นเตรียมพร้อมรับมือภัยพิบัติจากไซโคลน “โมคา”

นิวยอร์ก 13 พ.ค.- หน่วยงานที่เกี่ยวข้องของสหประชาชาติหรือยูเอ็น (UN) กำลังเตรียมพร้อมรับมือกับภัยพิบัติที่จะเกิดขึ้นจากการที่ไซโคลนโมคา (Mocha) จะพัดถล่มบังกลาเทศและเมียนมาราวเที่ยงวันอาทิตย์นี้ องค์การระหว่างประเทศเพื่อการโยกย้ายถิ่นฐานหรือไอโอเอ็ม (IOM) แจ้งว่า ไซโคลนโมคากำลังมุ่งหน้าตรงไปยังค่ายผู้ลี้ภัยในบังกลาเทศ เจ้าหน้าที่ไอโอเอ็มเผยจากเมืองค็อกบาซาร์ที่มีผู้ลี้ภัยชาวโรฮีนจาเกือบล้านคนอาศัยตามค่ายต่าง ๆ เผยว่า บังกลาเทศมีแผนความเตรียมพร้อมขนานใหญ่ไว้แล้ว โดยมีไอโอเอ็มเข้าร่วมด้วย ค่ายผู้ลี้ภัยแต่ละค่ายจะมีอาสาสมัครที่ผ่านการฝึกอบรมแล้วคอยดูแล 100 คน และมีการใช้ระบบเตือนภัยด้วยธงในค่ายผู้ลี้ภัย 17 แห่งที่ไอโอเอ็มดูแลอยู่ อาสาสมัครทุกคนมีชุดอุปกรณ์ป้องกันตัวส่วนบุคคล และมีการจัดเตรียมชุดสุขอนามัยและอุปกรณ์ที่พักฉุกเฉินไว้พร้อม ด้านองค์การอนามัยโลกแจ้งว่า ได้เตรียมพร้อมรถฉุกเฉิน 40 คัน และทีมแพทย์เคลื่อนที่ 33 ทีมไว้ที่ค็อกซ์บาซาร์แล้ว เช่นเดียวกับสำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งยูเอ็นหรือยูเอ็นเอชซีอาร์ (UNHCR) ที่ได้จัดเตรียมอาหารแห้ง 230 ตัน และบิสกิตเสริมสารอาหาร 24.5 ตัน รวมทั้งเตรียมพร้อมจัดส่งอาหารร้อนวันละ 50,000 ชุดในกรณีที่จำเป็น ด้านสำนักงานมนุษยธรรมยูเอ็นแจ้งว่า ชุมชนในเมียนมาได้รับแจ้งให้เตรียมตัวรับมือไซโคลนโมคา และมีการประกาศใช้แผนเตรียมพร้อมรับมือเหตุฉุกเฉินด้านมนุษยธรรมทั่วทั้งเมียนมาแล้วตั้งแต่ต้นสัปดาห์ องค์กรมนุษยธรรมต่าง ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในรัฐยะไข่ได้ตระเตรียมบุคลากรและสิ่งจำเป็นเท่าที่สามารถหาได้ ปัจจุบันมีคนในรัฐยะไข่และภาคตะวันตกเฉียงเหนือของเมียนมาต้องการความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมมากถึง 6 ล้านคน และมีคนพลัดถิ่นประมาณ 1 ล้าน […]

บังกลาเทศอพยพหนี “โมคา” ไซโคลนรุนแรงที่สุดในรอบ 20 ปี

บังกลาเทศเตรียมอพยพผู้ลี้ภัยชาวโรฮีนจาออกจากพื้นที่เสี่ยงภัย เนื่องจากไซโคลนโมคา (Mocha) ที่มีความรุนแรงที่สุดในรอบเกือบ 2 ทศวรรษกำลังมุ่งหน้ามายังบังกลาเทศและเมียนมา

ไฟไหม้ตลาดในเมืองหลวงบังกลาเทศ

เจ้าหน้าที่ดับเพลิงของบังกลาเทศระดมกำลังหลายร้อยคนในกรุงธากา นครหลวงในวันนี้ เพื่อช่วยกันดับไฟที่โหมไหม้อย่างรุนแรงในตลาดค้าเสื้อผ้า ซึ่งเป็นสถานที่ยอดนิยม และส่งผลให้ควันไฟสีดำปกคลุมย่านเมืองเก่าของเมืองหลวง

เรียกร้องบังกลาเทศระงับการส่งโรฮีนจากลับเมียนมา

ฮิวแมนไรตส์วอตช์ (Human Rights Watch) หรือ เอชอาร์ดับเบิลยู กล่าววันนี้เรียกร้องให้บังกลาเทศระงับแผนการส่งตัวผู้อพยพชาวโรฮีนจากลับไปยังเมียนมา โดยเตือนว่า สภาพความเป็นอยู่ในเมียนมายังไม่ปลอดภัยสำหรับผู้อพยพเหล่านี้

รถบัสตกทางด่วนในบังกลาเทศ ตาย-เจ็บกว่า 40 คน

ธากา 19 มี.ค.- เกิดเหตุรถโดยสารชนแนวกั้นบนทางด่วนแล้วตกลงไปยังร่องข้างทางในบังกลาเทศ มีคนเสียชีวิตแล้ว 19 คน บาดเจ็บอีก 25 คน ตำรวจบังกลาเทศเผยหลังจากเกิดเหตุที่เมืองทางตอนใต้ของประเทศในวันนี้ว่า สันนิษฐานว่าคนขับรถโดยสารเสียการควบคุมรถเมื่อเวลา 08:00 น.วันนี้ตามเวลาท้องถิ่น ตรงกับเวลา 09:00 น.วันนี้ตามเวลาไทย ทำให้รถพุ่งชนแนวกั้นบนทางด่วนสายหลักที่เพิ่งสร้างใหม่ แล้วพุ่งตกลงไปยังร่องข้างทางที่อยู่ต่ำลงไป 10 เมตร มีคนเสียชีวิตในที่เกิดเหตุ 19 คน ส่วนผู้บาดเจ็บอีก 25 คนถูกนำตัวส่งโรงพยาบาล เอเอฟพีระบุว่า บังกลาเทศเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนอยู่เสมอ สาเหตุเพราะยวดยานและถนนใช้งานมานานโดยขาดการซ่อมบำรุง ประกอบกับคนขับรถไม่ผ่านการฝึกอบรมอย่างเพียงพอ ปีที่แล้วบังกลาเทศมีคนเสียชีวิตเพราะอุบัติเหตุบนท้องถนนทั้งหมด 9,951 คน.-สำนักข่าวไทย

โรงงานรีดเหล็กขึ้นรูประเบิด เสียชีวิตอย่างน้อย 5 คน

โรงงานรีดเหล็กขึ้นรูปในบังกลาเทศ ระเบิด มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 5 คน บาดเจ็บอีก 25 คน บ้านหลายหลังใกล้โรงงานได้รับความเสียหาย

บังกลาเทศเผยพยายามหยุดยั้งชาวโรฮีนจาแล้ว

ธากา 27 ธ.ค.- เจ้าหน้าที่รัฐบาลบังกลาเทศเผยว่า บังกลาเทศพยายามหยุดยั้งชาวโรฮีนจาไม่ให้เสี่ยงชีวิตล่องเรือไปยังเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หลังจากมีความกังวลว่าปีนี้อาจมีชาวโรฮีนจาเสียชีวิตกลางทะเลมากที่สุดปีหนึ่ง นายโมฮัมหมัด มิซานูร์ ราห์มาน กรรมาธิการบรรเทาทุกข์และส่งกลับผู้ลี้ภัยของบังกลาเทศเผยว่า บังกลาเทศพยายามทำทุกอย่างเพื่อหยุดยั้งชาวโรฮีนจาไม่ให้เดินทางเสี่ยงอันตราย และจะตระเวนคุยกับแกนนำกลุ่มในค่ายผู้ลี้ภัยเพื่อให้เข้าใจถึงอันตรายของการเสี่ยงล่องเรือ ขณะที่หน่วยงานบังคับใช้กฎหมาย กองทัพเรือและหน่วยยามฝั่งได้เฝ้าระวังและจับกุมผู้ที่พัวพันกับการค้ามนุษย์ อย่างไรก็ดี เขาคิดว่าชาวโรฮีนจาที่ออกไปเสี่ยงชีวิตกลางทะเลไม่ได้เดินทางออกจากบังกลาเทศทุกคน เพราะสถานการณ์ในเมียนมาเลวร้ายกว่าในค่ายผู้ลี้ภัยมากนัก ชาวโรฮีนจาคนหนึ่งที่เคยเป็นแกนนำกลุ่มในค่ายผู้ลี้ภัยและเดินทางไปถึงมาเลเซียแล้ว แต่ได้กลับมาบังกลาเทศเพื่อมาอยู่กับน้องสาว 2 คน เผยว่า ชีวิตในค่ายผู้ลี้ภัยไม่ใช่เรื่องง่าย ผู้คนล้วนแต่สิ้นหวัง ขณะที่แกนนำชาวโรฮีนจาในบังกลาเทศ เผยว่า ชาวโรฮีนจาจำนวนมากพร้อมเสี่ยงชีวิตบนเรือของแก๊งค้ามนุษย์ เพราะท้อแท้กับชีวิตในค่ายผู้ลี้ภัย และไม่มีหวังจะได้กลับบ้าน ชาวโรฮีนจาถูกทอดทิ้งจากประชาคมโลกที่ไม่สามารถกดดันบรรดานายพลในเมียนมา ปัจจุบันมีชาวโรฮีนจาเกือบ 1 ล้านคนอาศัยอยู่ในบังกลาเทศ ส่วนใหญ่อยู่ในค่ายผู้ลี้ภัย หลายคนหลบหนีออกจากเมียนมาในปี 2560 เมื่อกองทัพยกกำลังขึ้นไปปราบปราม สำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติหรือยูเอ็นเอชซีอาร์ (UNHCR) ประเมินว่า ปีนี้มีชาวโรฮิงญาประมาณ 2,400 คนล่องเรือหรือพยายามล่องเรือไปยังประเทศอื่น เช่น อินโดนีเซีย มาเลเซีย เพิ่มขึ้น 5 เท่าจากปี 2564 ยังไม่มีข้อมูลแน่ชัดว่าเหตุใดตัวเลขดังกล่าวจึงเพิ่มขึ้นมาก บางคนเชื่อว่า อาจเป็นเพราะประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ผ่อนคลายมาตรการควบคุมโควิด.-สำนักข่าวไทย

1 5 6 7 8 9 36
...