กองทัพเกาหลีใต้ยืนยันสกัดขีปนาวุธเกาหลีเหนือได้

โซล 11 ต.ค.- กองทัพเกาหลีใต้ยืนยันวันนี้ว่า มีศักยภาพในการตรวจจับและยิงสกัดขีปนาวุธหลากหลายประเภทที่เกาหลีเหนือยิงต่อเนื่องในช่วงนี้ แต่ยังคงมองว่าโครงการนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือเป็นภัยคุกคามความมั่นคงร้ายแรง โฆษกกระทรวงกลาโหมเกาหลีใต้กล่าวถึงภัยคุกคามนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือว่า ร้ายแรงและรุนแรงมาก แต่ระบบป้องกันขีปนาวุธของเกาหลีใต้สามารถตรวจจับและยิงสกัดอาวุธที่เกาหลีเหนือประกาศว่านำมาใช้ในการซ้อมยิงที่ผ่านมา เกาหลีใต้ยังคงผลักดันเรื่องการนำดาวเทียมจารกรรม อากาศยานไร้คนขับหรือโดรนสอดแนม และทรัพยากรเสริมในการลาดตระเวนทางทะเลมาใช้ เพื่อให้สามารถจับตาเกาหลีเหนือให้ดียิ่งขึ้น ด้านประธานาธิบดียุน ซอก-ยอลย้ำกับสื่อที่ทำเนียบประธานาธิบดีว่า จะใช้ความเป็นพันธมิตรกับสหรัฐและความร่วมมือด้านความมั่นคงไตรภาคีกับสหรัฐและญี่ปุ่นเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้แก่การป้องกันประเทศ การยิงขีปนาวุธของเกาหลีเหนือสะท้อนว่าภัยคุกคามนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือมีความร้ายแรงมากขึ้นทุกวัน ไม่เพียงต่อเกาหลีใต้ แต่ยังต่อทั้งโลก อย่างไรก็ดี เขาคิดว่าเกาหลีเหนือจะไม่สามารถใช้อาวุธนิวเคลียร์เรียกร้องในสิ่งที่ต้องการ และขอให้ชาวเกาหลีใต้ดำเนินชีวิตตามปกติ โดยไม่ต้องกังวลใด ๆ นักสังเกตการณ์บางคนตั้งข้อสังเกตว่า ขีปนาวุธใหม่ ๆ ของเกาหลีเหนืออาจมีศักยภาพเหนือกว่าระบบป้องกันขีปนาวุธของเกาหลีใต้และสหรัฐ และหากเกาหลีหนือยิงขีปนาวุธจากที่ต่าง ๆ พร้อมกัน ก็ยากที่เกาหลีใต้จะตรวจจับได้ทัน เกาหลีเหนือประกาศเมื่อวันจันทร์ว่า ได้ทดสอบขีปนาวุธทั้งหมด 7 ครั้งในช่วง 2 สัปดาห์ หนึ่งในนั้นได้แก่ขีปนาวุธทิ้งตัวพิสัยกลางที่สามารถร่อนเป็นระยะทาง 4,500 กิโลเมตร ไกลพอที่จะไปถึงเกาะกวมที่เป็นดินแดนของสหรัฐ และขีปนาวุธยิงจากหลุมใต้อ่างเก็บน้ำซึ่งมีวิถีโคจรต่ำ สามารถหลบหลีกระบบป้องกันขีปนาวุธได้.-สำนักข่าวไทย

เกาหลีเหนือเผยยิงจรวดถี่เพื่อซ้อมนิวเคลียร์

เปียงยาง 10 ต.ค.- สื่อทางการเกาหลีเหนือระบุถึงการซ้อมยิงขีปนาวุธบ่อยครั้งในช่วงนี้ว่า เป็นการซ้อมนิวเคลียร์เชิงยุทธวิธีที่นายคิม จอง-อึน ผู้นำเกาหลีเหนือชมการซ้อมด้วยตัวเอง และเป็นการตอบโต้การซ้อมรบร่วมของเกาหลีใต้และสหรัฐ สำนักข่าวกลางเกาหลีหรือเคซีเอ็นเอ (KCNA) รายงานวันนี้ว่า เกาหลีเหนือตั้งใจจัดการซ้อมรบโดยจำลองสถานการณ์ว่าเกิดสงครามจริง กำลังพลของกองทัพเข้าร่วมปฏิบัติการการซ้อมนิวเคลียร์เชิงยุทธวิธี (tactical nuclear) ตั้งแต่วันที่ 25 กันยายนถึง 9 ตุลาคม เพื่อตรวจสอบและประเมินศักยภาพของประเทศในการป้องปรามสงครามและตอบโต้การถูกโจมตีด้วยนิวเคลียร์ นายคิม จอง-อึน เลขาธิการใหญ่พรรคแรงงานแห่งเกาหลีและประธานคณะกรรมาธิการทหารกลางเป็นผู้กำกับการซ้อมด้วยตัวเอง หน่วยปฏิบัติการนิวเคลียร์เชิงยุทธวิธีได้ทำการซ้อมทั้งหมด 7 ครั้ง และได้ทำให้กองกำลังนิวเคลียร์ของประเทศได้แสดงประสิทธิภาพในการพร้อมรบและศักยภาพในการทำสงครามจริง ผู้นำเกาหลีเหนือพูดเรื่องพัฒนานิวเคลียร์ทางยุทธวิธีมานานแล้ว เป็นอาวุธขนาดเล็กและน้ำหนักเบาสำหรับใช้ในสมรภูมิ เขาชูเรื่องนี้เป็นนโยบายสำคัญอันดับแรกต่อที่ประชุมใหญ่พรรคแรงงานเมื่อเดือนมกราคม 2564 เกาหลีเหนือแก้ไขกฎหมายนิวเคลียร์เมื่อเดือนกันยายนด้วยการขยายฉากทัศน์ที่จะสามารถใช้อาวุธนิวเคลียร์ให้ครอบคลุมมากขึ้น พร้อมกับประกาศว่าเกาหลีเหนือเป็นมหาอำนาจนิวเคลียร์ที่ไม่มีวันย้อนกลับแล้ว เท่ากับประกาศปิดโอกาสการเจรจาเรื่องปลดนิวเคลียร์บนคาบสมุทรเกาหลีอย่างสิ้นเชิง.-สำนักข่าวไทย

เกาหลีเหนือยิงขีปนาวุธครั้งใหม่ในวันนี้

เปียงยาง 9 ต.ค.- เกาหลีเหนือยิงขีปนาวุธทิ้งตัว 2 ลูกในเช้าวันนี้ เป็นการยิงครั้งที่ 7 แล้วนับจากวันที่ 25 กันยายน ทางการญี่ปุ่นแจ้งว่า เกาหลีเหนือยิงขีปนาวุธลูกแรกเมื่อเวลา 01:47 น.วันนี้ตามเวลาท้องถิ่น ตรงกับเวลา 23:47 น.วันเสาร์ตามเวลาในไทย จากนั้นยิงลูกที่ 2 ในอีก 6 นาทีถัดมา ขีปนาวุธทั้ง 2 ลูกทะยานขึ้นไปที่ระดับสูงสุด 100 กิโลเมตร และร่อนไปเป็นระยะทางไกล 350 กิโลเมตร ก่อนตกนอกเขตเศรษฐกิจจำเพาะของญี่ปุ่น เจ้าหน้าที่กำลังตรวจสอบว่าเป็นขีปนาวุธประเภทใด โดยมีความเป็นไปได้ว่า อาจเป็นขีปนาวุธทิ้งตัวที่ยิงจากเรือดำน้ำ ด้านเจ้าหน้าที่เกาหลีใต้มองว่า การยิงขีปนาวุธถี่ขึ้นอาจส่งสัญญาณว่าเกาหลีเหนือใกล้จะฟื้นการทดสอบนิวเคลียร์ในเร็ว ๆ นี้ ตามที่มีการสังเกตเห็นการเตรียมตัวที่สถานที่ทดสอบในช่วงหลายเดือนมานี้ ซึ่งจะเป็นการทดสอบนิวเคลียร์ครั้งแรกของเกาหลีเหนือนับจากปี 2560 และระบุว่า การยิงขีปนาวุธในวันนี้จากย่านมุนชอนที่อยู่ริมฝั่งตะวันออกของเกาหลีเหนือเป็นการยั่วยุร้ายแรงที่เป็นภัยต่อสันติภาพ ขณะที่กองบัญชาการอินโด-แปซิฟิกของสหรัฐที่ประจำการอยู่บนเกาะฮาวายแถลงว่า สหรัฐยังคงมุ่งมั่นที่จะปกป้องเกาหลีใต้และญี่ปุ่นอย่างเด็ดเดี่ยว และประเมินว่าการยิงขีปนาวุธล่าสุดของกาหลีเหนือไม่เป็นภัยต่อเจ้าหน้าที่สหรัฐหรือพันธมิตรสหรัฐ.-สำนักข่าวไทย

ยูเครนยึดฐานที่มั่นสำคัญทางตะวันออกคืนจากรัสเซีย

เคียฟ 2 ต.ค.- กองกำลังยูเครนเผยว่า สามารถยึดเมืองลีมัน ซึ่งเป็นฐานที่มั่นสำคัญในแคว้นโดเนตสก์ ทางตะวันออกของประเทศคืนจากรัสเซียได้แล้ว เป็นชัยชนะครั้งใหญ่ที่สุดตั้งแต่เริ่มปฏิบัติการโต้กลับสายฟ้าแลบเมื่อเดือนก่อน ด้านพันธมิตรผู้นำรัสเซียเรียกร้องให้ใช้อาวุธนิวเคลียร์ ทหารยูเครนบันทึกคลิปหน้าสภาเทศบาลเมืองลีมันและโพสต์ในสื่อสังคมออนไลน์ว่า สามารถปลดแอกและยึดเมืองลีมันในแคว้นโดเนตสก์คืนได้เมื่อวันเสาร์ตามเวลาท้องถิ่น จากนั้นนำธงชาติรัสเซียลงจากหลังคาสภาเทศบาลและเชิญธงชาติยูเครนขึ้นไปแทน ด้านกระทรวงกลาโหมรัสเซียแถลงก่อนหน้านั้นไม่กี่ชั่วโมงว่า กำลังถอนทหารออกจากพื้นที่ดังกล่าวเนื่องจากเสี่ยงถูกปิดล้อม กองกำลังยูเครนเผยว่า รัสเซียมีทหารอยู่ในเมืองนี้ราว 5,000-5,500 นายก่อนถอนกำลังออกไป รอยเตอร์ระบุว่า รัสเซียใช้เมืองลีมันเป็นศูนย์การขนส่งและโลจิสติกส์สำหรับปฏิบัติการทางทหารทางตอนเหนือของแคว้นโดเนตสก์ การยึดคืนได้ในครั้งนี้ถือเป็นชัยชนะครั้งใหญ่ที่สุดของกองกำลังยูเครนที่เริ่มใช้ปฏิบัติการโต้กลับสายฟ้าแลบในแคว้นคาร์คิฟ ทางตะวันออกเฉียงเหนือเมื่อเดือนกันยายน ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ เซเลนสกีของยูเครนกล่าวในคลิปที่บันทึกเมื่อค่ำวันเสาร์ว่า ตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมาธงของยูเครนได้โบกสะบัดในภูมิภาคดอนบาสเพิ่มมากขึ้น และจะเพิ่มขึ้นอีกภายใน 1 สัปดาห์ ภูมิภาคดอนบาสครอบคลุมแคว้นโดเนตสก์และแคว้นลูฮันสก์ที่ส่วนใหญ่อยู่ภายใต้การยึดครองของรัสเซีย ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูตินของรัสเซียเพิ่งประกาศผนวกทั้ง 2 แคว้นนี้ รวมถึงแคว้นเคอร์ซอนและแคว้นซาปอริชเชียเมื่อวันศุกร์ ทำให้ทั้ง 4 แคว้นซึ่งมีพื้นที่เกือบ 1 ใน 5 ของยูเครนอยู่ภายใต้หลักการใช้อาวุธนิวเคลียร์ของรัสเซีย ด้านนายรัมซัน กาดีรอฟ ผู้นำสาธารณรัฐเชเชนที่เป็นหนึ่งในสหพันธรัฐรัสเซียโพสต์ในเทเลแกรมก่อนที่ที่ผู้นำยูเครนเผยแพร่คลิปว่า โดยส่วนตัวแล้วเขาเห็นว่าควรใช้มาตรการที่รุนแรงมากขึ้นด้วยการประกาศกฎอัยการศึกตามพื้นที่ชายแดนและใช้อาวุธนิวเคลียร์ที่มีอำนาจทำลายต่ำ ปูตินกล่าวเมื่อสัปดาห์ก่อนว่า ไม่ได้ขู่ที่บอกว่าพร้อมใช้อาวุธทุกอย่างที่มีอยู่เพื่อปกป้องบูรณภาพทางดินแดน และกล่าวขณะประกาศผนวกแคว้นของยูเครนว่า แคว้นเหล่านี้อยู่ภายใต้หลักการนี้ด้วย.-สำนักข่าวไทย

ผอ.โรงไฟฟ้าซาปอริซเซียในยูเครน ถูกรัสเซียควบคุมตัว

ผู้อำนวยการใหญ่ของโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ซาปอริซเซียของยูเครนที่ถูกรัสเซียเข้ายึดครองถูกหน่วยลาดตระเวณของรัสเซียคาบคุมตัวไว้

รอง ปธน.สหรัฐ-ผู้นำเกาหลีใต้ ประณามเกาหลีเหนือ

วอชิงตัน 29 ก.ย.- รองประธานาธิบดีคามาลา แฮร์ริสของสหรัฐและประธานาธิบดียุน ซอก-ยอลของเกาหลีใต้ประณามเกาหลีเหนือที่ขู่เรื่องนิวเคลียร์และทดสอบอาวุธเพิ่มขึ้น หลังจากเกาหลีเหนือทดสอบขีปนาวุธครั้งล่าสุดเมื่อวันพุธ รองประธานาธิบดีแฮร์ริสพบกับประธานาธิบดียุนทันทีที่เดินทางถึงกรุงโซลในช่วงเช้าวันนี้ ทำเนียบขาวของสหรัฐแถลงว่า รองประธานาธิบดีสหรัฐและประธานาธิบดีเกาหลีใต้ได้ประณามเกาหลีเหนือที่ใช้ถ้อยคำยั่วยุเรื่องนิวเคลียร์และทดสอบขีปนาวุธร่อน พร้อมกับย้ำเป้าหมายร่วมกันเรื่องทำให้คาบสมุทรเกาหลีปลอดนิวเคลียร์อย่างสิ้นเชิง และได้หารือเรื่องการรับมือกับการยั่วยุที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต เช่น ความร่วมมือไตรภาคีกับญี่ปุ่น รองประธานาธิบดีแฮร์ริสยังได้ย้ำเรื่องสหรัฐมีพันธกิจที่จะป้องปรามรัฐอื่นที่จะคุกคามพันธมิตรในเอเชียอย่างเกาหลีใต้ ด้วยการใช้ศักยภาพด้านกลาโหมที่มีอยู่อย่างเต็มพิกัด พร้อมกับใช้โอกาสนี้หารือหนทางแก้ไขความกังวลของเกาหลีใต้ที่เกรงว่า ผู้ผลิตยานยนต์ของเกาหลีใต้จะได้รับผลกระทบจากการที่สหรัฐผ่านร่างกฎหมายลดอัตราเงินเฟ้อที่มีการแก้ไขระเบียบการอุดหนุนรถยนต์ไฟฟ้า ด้านสำนักข่าวยอนฮับของเกาหลีใต้รายงานอ้างรองโฆษกทำเนียบประธานาธิบดีเกาหลีใต้ว่า รองประธานาธิบดีแฮร์ริสพบหารือกับประธานาธิบดียุนที่ทำเนียบประธานาธิบดีเป็นเวลา 85 นาที และเห็นพ้องกันเรื่องกำหนดการที่ประธานาธิบดียุนจะไปเยือนสหรัฐในปี 2566 เพื่อฉลองความเป็นพันธมิตรครบ 70 ปี ส่วนเรื่องที่เกิดประเด็นขึ้นหลังจากประธานาธิบดียุนพบกับประธานาธิบดีโจ ไบเดนของสหรัฐที่นครนิวยอร์กเมื่อสัปดาห์ก่อน รองประธานาธิบดีแฮร์ริสเผยว่า สหรัฐไม่ได้ใส่ใจเลยแม้แต่น้อย โฆษกไม่ได้ระบุในรายละเอียด แต่ยอนฮับชี้ว่า น่าจะเป็นเรื่องที่ผู้นำเกาหลีใต้หลุดใช้คำหยาบโดยไม่รู้ตัวว่าไมโครโฟนเปิดอยู่ และมีข่าวในตอนแรกว่าเขาพูดถึงประธานาธิบดีและรัฐสภาสหรัฐ.-สำนักข่าวไทย

คาดการณ์ช่วงเวลาที่เกาหลีเหนือจะทดสอบนิวเคลียร์

โซล 28 ก.ย.- หน่วยข่าวกรองเกาหลีใต้เผยว่า เกาหลีเหนือเสร็จสิ้นการเตรียมพร้อมสำหรับการทดสอบนิวเคลียร์แล้ว และน่าจะดำเนินการทดสอบระหว่างวันที่ 16 ตุลาคม ถึง 7 พฤศจิกายน สมาชิกรัฐสภาเกาหลีใต้ 2 คนเผยหลังจากรับฟังรายงานสรุปจากสำนักงานข่าวกรองแห่งชาติในวันนี้ว่า เกาหลีเหนือเสร็จสิ้นการเตรียมพร้อมที่อุโมงค์ทดสอบนิวเคลียร์พุงเก-รีแล้ว เป็นอุโมงค์ที่เกาหลีเหนือใช้ทดสอบนิวเคลียร์ใต้ดินมาแล้ว 6 ครั้งนับจากปี 2549 โดยทดสอบครั้งหลังสุดไปเมื่อปี 2560 ช่วงเวลาที่จะทดสอบน่าจะเป็นช่วงที่มีเหตุการณ์สำคัญ เช่น การประชุมใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์จีนที่กำหนดเริ่มขึ้นในวันที่ 16 ตุลาคม หรือการเลือกตั้งกลางสมัยในสหรัฐที่จะมีขึ้นในวันที่ 8 พฤศจิกายน สำนักข่าวกรองแห่งชาติไม่สามารถคำนวณวันที่ที่เป็นไปได้ แต่สันนิษฐานว่าเกาหลีเหนือจะตัดสินใจโดยคำนึงถึงความสัมพันธ์ระหว่างประเทศและสถานการณ์การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 ในประเทศ ส่วนเรื่องที่เกาหลีเหนืออ้างเมื่อเดือนก่อนว่าโควิดจบแล้วเป็นเรื่องที่ไม่สามารถเชื่อถือได้ เพราะเกาหลีเหนือยังคงมีการล็อกดาวน์หลายครั้ง.-สำนักข่าวไทย

คนสนิท “ปูติน” ขู่ใช้นิวเคลียร์กับยูเครน

มอสโก 26 ก.ย.- นายดมิทรี เมดเวเดฟ อดีตประธานาธิบดีและนายกรัฐมนตรีรัสเซีย ขู่ใช้อาวุธนิวเคลียร์โจมตียูเครนว่า พันธมิตรทางทหารที่นำโดยสหรัฐจะไม่เข้ามาข้องเกี่ยวโดยตรงกับความขัดแย้งระหว่างรัสเซียกับยูเครน เพราะกลัวหายนะนิวเคลียร์ นายเมดเวเดฟ วัย 57 ปี รองประธานสภาความมั่นคงรัสเซียโพสต์ในเทเลแกรมว่า รัสเซียมีสิทธิที่จะปกป้องตนเองด้วยอาวุธนิวเคลียร์หากถูกกดดันจนเลยขีดจำกัด เรื่องนี้ไม่ใช่การขู่ให้กลัว ขอให้ลองนึกภาพรัสเซียถูกบีบให้ต้องใช้อาวุธที่น่ากลัวที่สุดกับระบอบยูเครนที่ดำเนินการรุกรานขนานใหญ่ที่เป็นอันตรายต่อการดำรงอยู่ของรัสเซีย เขาเชื่อว่า องค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือหรือนาโต จะไม่เข้ามาแทรกแซงความขัดแย้งระหว่างรัสเซียกับยูเครน แม้แต่ในกรณีดังกล่าว เพราะบรรดาผู้ปลุกปั่นยุยงในยุโรปและข้ามมหาสมุทรแอตแลนติกไม่อยากตายเพราะหายนะนิวเคลียร์ นายเมดเวเดฟซึ่งเป็นคนสนิทของประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ย้ำว่า ขอเตือนไปถึงคนหูหนวกที่ฟังแต่เสียงของตัวเองว่า รัสเซียมีสิทธิที่จะใช้อาวุธนิวเคลียร์หากจำเป็น โดยจะทำล่วงหน้าและเป็นไปตามนโยบายของประเทศอย่างเคร่งครัด ประธานาธิบดีปูตินประกาศระดมพลเมื่อวันพุธ ซึ่งเป็นครั้งแรกของประเทศนับตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่ 2 และสนับสนุนการลงประชามติขอรวมกับรัสเซียในดินแดนยูเครนที่อยู่ภายใต้การยึดครองของรัสเซีย พร้อมกับเตือนชาติตะวันตกว่า เขาไม่ได้ขู่ให้กลัวเมื่อพูดว่าพร้อมจะใช้อาวุธนิวเคลียร์ปกป้องรัสเซีย ทั้งนี้รัสเซียมีหลักการเรื่องการใช้อาวุธนิวเคลียร์ว่า ประธานาธิบดีอาจใช้อาวุธนิวเคลียร์หากประเทศเผชิญภัยที่มีอยู่จริง รวมถึงภัยจากอาวุธทั่วไป ปัจจุบันหัวรบนิวเคลียร์ร้อยละ 90 ของทั้งโลกอยู่ในความครอบครองรัสเซียและสหรัฐ.-สำนักข่าวไทย

รัสเซียรับปากปกป้องเต็มที่ดินแดนที่ผนวกเข้ากับรัสเซีย

สหประชาชาติ 25 ก.ย.- รัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซียรับปากว่า ดินแดนในยูเครนที่กำลังจัดการลงประชามติเรื่องขอเป็นส่วนหนึ่งของรัสเซียจะได้รับความคุ้มครองจากรัสเซียอย่างเต็มที่ หากผนวกเข้าเป็นส่วนหนึ่งของรัสเซียแล้ว นายเซอร์เก ลาฟรอฟ รัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซียแถลงข่าวต่อสื่อใหญ่ระดับโลก หลังเสร็จสิ้นการกล่าวสุนทรพจน์ต่อที่ประชุมสมัชชาใหญ่สหประชาชาติหรือยูเอ็น (UN) ครั้งที่ 77 ที่นครนิวยอร์กของสหรัฐเมื่อวันเสาร์ตามเวลาท้องถิ่นว่า หลังการลงประชามติเหล่านั้น แน่นอนว่ารัสเซียจะเคารพการแสดงออกซึ่งเจตนารมณ์ของผู้คนที่ต้องทนทุกข์มาหลายปีจากการถูกระบอบนาซีใหม่ละเมิด ต่อข้อถามว่ารัสเซียมีเหตุผลที่จะใช้อาวุธนิวเคลียร์ปกป้องดินแดนในยูเครนที่ผนวกเข้ากับรัสเซียหรือไม่ นายลาฟรอฟตอบว่า ดินแดนของรัสเซียรวมถึงดินแดนที่จะอยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญของรัสเซียในอนาคตล้วนอยู่ภายใต้ของการคุ้มครองจากรัฐอย่างเต็มเปี่ยม เพราะกฎหมาย หลักการ แนวคิด และยุทธศาสตร์ทุกอย่างของสหพันธรัฐรัสเซียบังคับใช้กับดินแดนทั้งหมดของประเทศ ซึ่งรวมถึงหลักการใช้อาวุนิวเคลียร์ด้วย รัสเซียจัดการลงประชามติเมื่อวันศุกร์ในดินแดนยูเครน 4 แห่งที่อยู่ภายใต้การยึดครองของรัสเซีย รัฐบาลยูเครนระบุว่า รัสเซียบังคับประชาชนให้ออกไปลงคะแนน และไม่อนุญาตให้ออกนอกพื้นที่ในระหว่างการลงประชามตินาน 4 วัน ขณะที่ชาติตะวันตกประณามการลงประชามติว่า เป็นเรื่องหลอกลวงหวังสร้างความชอบธรรมให้แก่การรุกรานยูเครนที่ดำเนินมานาน 7 เดือนแล้ว.-สำนักข่าวไทย

“ปูติน” สั่งระดมพลรัสเซียครั้งแรกหลังสงครามโลกครั้งที่ 2

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย สั่งระดมพลรัสเซียเป็นครั้งแรก นับตั้งแต่สิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 2 โดยเตือนตะวันตกว่าหากยังคงขู่กรรโชกด้วยนิวเคลียร์ รัสเซียจะตอบโต้ด้วยแสนยานุภาพทางอาวุธที่มีอยู่ทั้งหมด

บ.พลังงานใหญ่สุดของอังกฤษจะจำกัดกำไรเพื่อลดค่าไฟ

ลอนดอน 10 ก.ย.- สื่ออังกฤษอ้างผู้บริหารของเซ็นทริกา (Centrica) บริษัทบริการด้านพลังงานรายใหญ่ที่สุดของอังกฤษว่า บริษัทจะจำกัดกำไรโดยสมัครใจ เพื่อช่วยให้ค่ากระแสไฟฟ้าของครัวเรือนในอังกฤษลดลง หนังสือพิมพ์เดอะการ์เดี้ยนอ้างคำกล่าวของนายคริส โอเช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของเซ็นทริกา ซึ่งเป็นเจ้าของบริทิชก๊าซ บริษัทผู้จัดส่งพลังงานให้แก่ครัวเรือนในอังกฤษรายใหญ่ที่สุดมากถึง 12 ล้านครัวเรือนว่า บริษัทดำเนินธุรกิจเพื่อสร้างมูลค่าให้แก่ผู้ถือผลประโยชน์ร่วม ลูกค้า ประเทศ และเพื่อนร่วมงาน แต่จะไม่มุ่งเน้นทำกำไรในปีนี้ให้ได้มากที่สุด เพราะต้องการดำเนินธุรกิจที่ยั่งยืนในระยะยาว ก่อนหน้านี้เซ็นทริกาแจ้งว่า ครึ่งแรกของปีนี้มีกำไรมากถึง 1,340 ล้านปอนด์ (ราว 56,392 ล้านบาท) เพิ่มขึ้นอย่างมากจาก 262 ล้านปอนด์ (ราว 11,026 ล้านบาท) ในครึ่งแรกของปี 2564 ทั้งนี้เพราะมีการจำหน่ายสินทรัพย์และราคาพลังงานปรับตัวสูงขึ้น ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของเซ็นทริกาเผยด้วยว่า อยากให้เซ็นทริกาเป็นบริษัทแรกที่ลงนามสัญญาที่มีการเจรจาใหม่กับรัฐบาลเรื่องการผลิตกระแสไฟฟ้า และพร้อมจะให้โรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ 5 แห่งของบริษัทเปลี่ยนไปใช้สัญญาใหม่ด้วย ปัจจุบันบริษัทเป็นเจ้าของโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ในอังกฤษราวร้อยละ 20.-สำนักข่าวไทย

รัสเซียเสริมกำลังในคาร์คิฟต้านทานยูเครนรุกกลับ

มอสโก 10 ก.ย.- รัสเซียส่งกำลังเสริมไปยังแคว้นคาร์คิฟ ทางตะวันออกของยูเครน หลังจากยูเครนอ้างว่า สามารถยึดชุมชนคืนจากรัสเซียได้แล้วหลายสิบแห่ง ตามยุทธศาสตร์การรุกกลับในวงกว้าง สถานีโทรทัศน์ของทางการรัสเซียแพร่ภาพยวดยานทหารที่มีตัวอักษรซี (Z) เคลื่อนไปตามถนนและทางเดินในแคว้นคาร์คิฟ และอ้างคำกล่าวของนายวิตาลี ฮันเชฟ ที่รัสเซียแต่งตั้งให้เป็นหัวหน้าคณะบริหารพลเรือนชั่วคราวแห่งคาร์คิฟว่า กำลังมีการสู้รบอย่างดุเดือดใกล้เมืองบาลากลิยาในแคว้นคาร์คิฟที่ยูเครนยึดคืนได้เมื่อวันพฤหัสบดี กองกำลังที่คาร์คิฟจึงต้องหยุดรบชั่วขณะ แต่ขณะนี้รัสเซียได้ส่งกำลังเสริมมาแล้ว ทำให้สามารถตอบโต้กองกำลังยูเครนได้อีกครั้ง ประธานาธิบดีโวโลดีมีร์ เซเลนสกีของยูเครนกล่าวเมื่อเย็นวานนี้ว่า กองกำลังยูเครนสามารถยึดพื้นที่คืนจากกองกำลัง รัสเซียได้แล้ว 30 แห่ง และกำลังทยอยยึดพื้นที่คืนอย่างต่อเนื่อง เพื่อนำธงชาติยูเครนกลับไปโบกสะบัดอีกครั้งและปกป้องพลเมืองชาวยูเครนในทุกหนแห่ง ขอให้ชาวยูเครนแจ้งทางการหากพบการก่ออาชญากรรมของกองกำลังผู้ยึดครอง ขณะเดียวกันนายราฟาเอล กรอสซี ผู้อำนวยการทบวงการพลังงานปรมาณูสากลหรือไอเออีเอ (IAEA) เตือนว่า สถานการณ์ที่โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ซาปอริชเชีย ซึ่งอยู่ทางตอนใต้ของยูเครนและถูกรัสเซียยึดครองอยู่ กำลังแย่ลงอีกครั้ง เพราะมีการยิงครั้งใหม่ ทั้งที่เพิ่งมีการหยุดยิงไปเมื่อไม่นานมานี้ ทำให้เมืองเอเนอร์โฮดาร์ที่อยู่ใกล้เคียงไฟฟ้าดับทั้งเมือง เป็นอันตรายต่อการเดินเครื่องของโรงไฟฟ้าซาปอริชเชียที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในยุโรปแห่งนี้ พร้อมกับเรียกร้องให้ทุกฝ่ายหยุดยิงในพื้นที่รอบโรงไฟฟ้าทั้งหมดโดยทันที ด้านนายเปโตร โกทิน ประธานเอเนอร์โฮอะตอม บริษัทนิวเคลียร์ของทางการยูเครนอ้างว่า กองกำลังรัสเซียได้ทรมานบุคลากรชาวยูเครนที่โรงไฟฟ้าแห่งนี้ และมีคนถูกทำร้ายจนเสียชีวิต 2 คน.-สำนักข่าวไทย

1 9 10 11 12 13 39
...