อสมท 9 ก.ย.-ราคายางในขณะนี้ปรับตัวสูงขึ้นแตะกิโลกรัมละ 60 บาท ส่งผลต่อชาวสวนยาง แต่การสร้างผลิตภัณฑ์ยางจากการแปรรูปก็เป็นแนวทางหนึ่งที่การยางแห่งประเทศไทย หรือ กยท. ผลักดันเพื่อสร้างความเข้มแข็งอุตสาหกรรมยางของไทย ติดตามจากรายงาน แม้ขณะนี้ราคายางพาราจะขยับสูงขึ้นในระดับกิโลกรัมละ 60 บาท สำหรับยางแผ่นรมควัน ทำให้ชาวสวนยางลืมตาอ้าปากได้ แต่อุตสาหกรรมแปรรูปยางของไทย ยังเป็นอีกแนวทางหนึ่งที่ช่วยสร้างมูลค่าเพิ่มของยางพาราที่การยางแห่งประเทศไทยหรือกยท.เข้าไปสนับสนุน โดยเฉพาะถุงมือยาง กยท. ตั้งเป้าหมายให้ถุงมือยางเป็นโปรดักส์แชมป์เปียนในกลุ่มผลิตภัณฑ์แปรรูปยาง ผลักดันให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการผลิตถุงมือยางธรรมชาติของโลก เนื่องจากใช้น้ำยางสดเป็นวัตถุดิบหลักในการผลิต ถือเป็นการส่งเสริมให้อุตสาหกรรมยางของไทยมีความเข้มแข็งในการเป็นผู้นำการผลิตและการส่งออกยางและผลิตภัณฑ์ยางของโลก โดย กยท.ได้ร่วมมือกับหลายภาคส่วนผลักดันทั้งเรื่องการตลาด การลงทุนและการสร้างความเชื่อมั่นให้กับผลิตภัณฑ์ยางของไทย ข้อมูลจากศูนย์ศึกษาการค้าระหว่างประเทศ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ระบุว่าทิศทางความต้องการของถุงมือยางธรรมชาติมีทิศทางที่ดีขึ้น โดยตัวเลขคาดการณ์ในปี 2563 มีความต้องการใช้กว่า 360,000 ล้านชิ้น มูลค่าไม่ต่ำกว่า 40,000 ล้านบาท ขณะที่ข้อมูลของสมาคมผู้ผลิตถุงมือยางไทยระบุว่าปริมาณการส่งออกถุงมือยางของไทย ซึ่งเป็นอันดับ 2 ของโลก มีอัตราการเติบโตอยู่ที่ 8-15% จึงเป็นข้อได้เปรียบและโอกาสที่ดีของผู้ประกอบอุตสาหกรรมถุงมือยางของไทยและในภาวะของโควิด-19 ที่ยังระบาดทั่วโลกในปัจจุบัน ทำให้ความต้องการถุงมือยางจึงมีอย่างต่อเนื่องและเป็นโอกาสของประเทศไทยในการขยายตลาดนี้ให้เติบโตได้มากขึ้นไปอีก.-สำนักข่าวไทย