กรุงเทพ ฯ 2 ก.ค. – บมจ. ศรีตรังโกลฟส์ (ประเทศไทย) หรือ STGT เข้าเทรดวันแรกในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ราคาร้อนแรงพุ่งกระฉูด 62.50 % จากราคา IPO ที่ 34 บาท ชูศักยภาพธุรกิจผู้ผลิตถุงมือยางเบอร์ 3 ของโลก พร้อมวางแผนเพิ่มกำลังผลิตสู่ 100,000 ล้านชิ้นต่อปี
นางสาวจริญญา จิโรจน์กุล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ศรีตรังโกลฟส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ STGT เปิดเผยว่า ราคาหุ้น STGT ที่เข้าทำการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในวันนี้เป็นวันแรก โดยเปิดเทรดที่ราคา 55.25 บาท เพิ่มขึ้น 21.25 บาท หรือ 62.50 % จากราคา IPO ที่ 34 บาท ถือว่าเป็นราคาที่เกินความคาดหมาย สะท้อนว่านักลงทุนมั่นใจในผลการดำเนินงานที่เติบโตได้ดีในช่วงที่ผ่านมา และภาพรวมความต้องการใช้ถุงมือยางที่เติบโตได้ดีทั้งก่อนและหลังเกิดโรคระบาดของโควิด-19 โดยคาดว่าปริมาณการผลิตถุงมือยางของ STGT ในปีนี้จะอยู่ที่ 28,000 ล้านชิ้น เพิ่มขึ้นจาก 20,000 ล้านชิ้นในปี 2562 หรือเติบโตขึ้น 40 % ขณะที่ราคาจำหน่ายถุงมือยางปรับเพิ่มขึ้นทุกเดือนตั้งแต่ไตรมาส 2 ที่ผ่านมาตามดีมานด์ – ซัพพลาย ส่วนภาพรวมความต้องการใช้ผลิตภัณฑ์ถุงมือยางทั่วโลกในปี 2562 อยู่ที่ 300,000 ล้านชิ้น เติบโตเฉลี่ย 12.2% ต่อปี
นางสาวจริญญา กล่าวว่าบริษัทฯ วางแผนขยายกำลังการผลิตอย่างต่อเนื่อง จาก32,619 ล้านชิ้นต่อปี เป็นมากกว่า 50,000 ล้านชิ้นต่อปีภายในปี 2567 เป็นมากกว่า 70,000 ล้านชิ้นภายในปี 2571 และเป็นประมาณ 100,000 ล้านชิ้นต่อปีในปี 2575 และ ขยายตลาดใหม่ๆ ในกลุ่มประเทศที่มีโอกาสเติบโตสูง อาทิ ทวีปเอเชียแปซิฟิก แอฟริกา อเมริกาใต้ ซึ่งกำลังพัฒนาระบบสาธารณสุขและสุขอนามัยและมีแนวโน้มความต้องการใช้ถุงมือยางเพิ่มขึ้น
นายแมนพงศ์ เสนาณรงค์ รองผู้จัดการ หัวหน้าสายงานผู้ออกหลักทรัพย์ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยว่า ราคาหุ้น STGT ที่ปรับตัวขึ้นมาแรงมากในวันนี้ เป็นการตัดสินใจของนักลงทุนซึ่งขึ้นอยู่กับปัจจัยพื้นฐานของแต่ละบริษัท ซึ่งพื้นฐานของ STGT ผู้ผลิตถุงมือยาง สอดคล้องกับความต้องการของผู้บริโภคที่หันมาให้ความสำคัญกับเรื่องสุขภาพ และ เวชภัณฑ์มากขึ้น หลังการระบาดของโควิด-19 ประกอบกับความเชื่อมั่นของนักลงทุนมีมากขึ้น หลังการคลายล็อกดาวน์ และ การไม่มีผู้ติดเชื้อภายในประเทศไทย โดยในระยะต่อไปจะมีบริษัทจดทะเบียนใหม่เข้าจดทะเบียนมากขึ้น โดยขณะนี้มีบริษัทที่ได้รับอนุมัติแล้ว 18 บริษัท และอยู่ระหว่างยื่นคำขอเข้าจดทะเบียนอีก 15 บริษัท.-สำนักข่าวไทย