เฟดปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยอีกครั้งตามคาด

ธนาคารกลางสหรัฐ หรือ เฟด ตัดสินใจเมื่อวานนี้ที่จะปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยอีกร้อยละ 0.75 ซึ่งเป็นการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเป็นครั้งที่ 4 ติดต่อกัน โดยระบุว่า การปรับเพิ่มครั้งนี้เพื่อรับมือกับภาวะเงินเฟ้อและกล่าวนัยว่า จะมีการปรับเพิ่มดอกเบี้ยอีกในอนาคต

ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าที่สุดในรอบ 20 ปี

ดอลลาร์สหรัฐเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักอื่น ๆ ทะยานขึ้นมาแข็งค่าที่สุดในรอบ 20 ปี ในวันนี้ หลังจากนายเจอโรม พาวเวลล์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ หรือเฟด (Fed) ส่งสัญญาณว่าจะคงนโยบายดอกเบี้ยสูงนานขึ้น หวังลดอัตราเงินเฟ้อที่สูงอยู่ในขณะนี้

ตำหนิประธานเฟดจะทำให้เศรษฐกิจสหรัฐถดถอย

แอตแลนตา 29 ส.ค.- ส.ว.เอลิซาเบธ วอร์เรน รัฐแมสซาชูเซตส์ จากพรรคเดโมแครตตำหนินายเจอโรม พาวเวลล์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐหรือเฟด (Fed) ว่าอาจทำให้เศรษฐกิจสหรัฐเข้าสู่ภาวะถดถอยได้ จากการสนับสนุนให้ขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไปเพื่อรับมือกับภาวะเงินเฟ้อ ส.ว.วอร์เรน ซึ่งเคยคัดค้านการเสนอชื่อนายพาวเวลล์เป็นประธานเฟดสมัยที่ 2 ให้สัมภาษณ์ในรายการ State of the Union ของสถานีโทรทัศน์ซีเอ็นเอ็น (CNN) เมื่อวันอาทิตย์ตามเวลาสหรัฐว่า เธอเป็นห่วงมากเพราะปัจจัยที่ทำเกิดภาวะเงินเฟ้อสูงในขณะนี้คือ โควิดที่ทำให้เศรษฐกิจโลกหลายส่วนยังปิดตัวและห่วงโซ่อุปทานโลกสะดุด สงครามในยูเครนที่ทำให้ราคาพลังงานสูงขึ้น และบริษัทขนาดใหญ่ที่รวมหัวกันขึ้นราคา แต่การขึ้นอัตราดอกเบี้ยและเครื่องมือทุกอย่างของนายพาวเวลล์กลับไม่ได้แก้ไขปัจจัยเหล่านี้โดยตรง นายพาวเวลล์เองยอมรับเรื่องนี้ระหว่างตอบข้อซักถามของเธอในการไต่สวนของรัฐสภา เธอกังวลว่า เฟดกำลังทำให้เศรษฐกิจสหรัฐเข้าสู่ภาวะถดถอย เพราะสิ่งที่เลวร้ายยิ่งกว่าเงินเฟ้อสูงและการว่างงานต่ำคือ เงินเฟ้อสูงในช่วงที่เศรษฐกิจถดถอยและคนว่างงานเป็นล้าน ๆ คน ส.ว.วอร์เรนตำหนิดังกล่าว หลังจากนายพาวเวลล์กล่าวในการประชุมสัมมนาประจำปีของเฟดที่แจ็คสันโฮลเมื่อวันศุกร์ตามเวลาสหรัฐว่า เฟดมุ่งให้ความสำคัญกับอัตราเงินเฟ้อ และจะเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยครั้งประวัติศาสตร์ต่อไปในอนาคตอันใกล้ พร้อมกับยอมรับว่า ในขณะที่ดอกเบี้ยสูง เศรษฐกิจชะลอการเติบโต และตลาดจ้างงานอ่อนตัวลง จะช่วยให้อัตราเงินเฟ้อลดลง แต่ก็จะส่งผลกระทบบางประการต่อครัวเรือนและภาคธุรกิจ.-สำนักข่าวไทย

สมาคมสถาบันการเงินของรัฐ หนุนดูแลลูกค้าช่วงดอกเบี้ยขาขึ้น

สมาคมสถาบันการเงินของรัฐ ขานรับนโยบายกระทรวงการคลัง หนุน แบงก์รัฐ ดูแลลูกค้าช่วงอัตราดอกเบี้ยขาขึ้น

เศรษฐกิจเกาหลีใต้เผชิญความเสี่ยงขาลงเพิ่มขึ้น

โซล 7 ส.ค.- หน่วยงานวิชาการของรัฐในเกาหลีใต้เตือนว่า เศรษฐกิจเกาหลีใต้กำลังเผชิญความเสี่ยงขาลงมากยิ่งขึ้น อันเป็นผลจากอัตราเงินเฟ้อสูงและสภาพเศรษฐกิจโลกที่ย่ำแย่ลง สถาบันพัฒนาเกาหลีหรือเคดีไอ (KDI) ออกรายงานประเมินเศรษฐกิจรายเดือนในวันนี้ว่า เศรษฐกิจใหญ่อันดับ 4 ของเอเชียแห่งนี้อยู่ระหว่างฟื้นตัวเล็กน้อย แต่ความเสี่ยงขาลงกลับเพิ่มขึ้นในอุตสาหกรรมภาคการผลิต สาเหตุหลักเกิดจากภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวในสหรัฐและจีน ขณะที่การขึ้นอัตราดอกเบี้ยก็กระทบหนักต่อการดำเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจโดยรวม เดือนกรกฎาคมปีนี้เกาหลีใต้ส่งออกเพิ่มขึ้นร้อยละ 9.4 ต่อปี เพิ่มขึ้นเป็นเดือนที่ 21 ติดต่อกัน แต่ขาดดุลการค้าเป็นเดือนที่ 4 ติดต่อกันเนื่องจากราคาพลังงานโลกปรับตัวสูงขึ้น รัฐบาลเกาหลีใต้เตือนว่า ความไม่แน่นอนจากสภาพเศรษฐกิจภายนอกอาจกระทบต่อการเติบโตด้านการลงทุนและการส่งออก ขณะนี้มีกระแสวิตกมากขึ้นว่า เศรษฐกิจโลกอาจเข้าสู่ภาวะถดถอย เพราะการที่ธนาคารกลางสหรัฐหรือเฟดขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างมากอาจทำให้เศรษฐกิจสหรัฐที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลกเข้าสู่ภาวะถดถอย นอกจากนี้เกาหลีใต้ยังเผชิญแรงกดดันเงินเฟ้อเพราะราคาอาหารและพลังงานปรับตัวสูงขึ้น ขณะที่ความต้องการบริโภคดีดตัวกลับมาอีกครั้ง ราคาผู้บริโภคเดือนกรกฎาคมเพิ่มขึ้นร้อยละ 6.3 จากเดือนเดียวกันปีก่อน สูงที่สุดในรอบ 24 ปี เดือนกรกฎาคมที่ผ่านมาธนาคารกลางเกาหลีของเกาหลีใต้ได้ขึ้นดอกเบี้ยนโยบายร้อยละ 0.5 มกาที่สุดเท่าที่เคยมีมา หวังควบคุมอัตราเงินเฟ้อ โดยเป็นการขึ้นครั้งที่ 6 นับจากเดือนสิงหาคม 2564 คาดว่าจะขึ้นอีกในเร็ว ๆ นี้ และได้ประมาณการการเติบโตทางเศรษฐกิจปี 2565 ไว้ที่ร้อยละ 2.6 และอัตราเงินเฟ้อไว้ที่ร้อยละ 4.5.-สำนักข่าวไทย

“เฟด” ขึ้นดอกเบี้ยอีก 0.75% หวังควบคุมเงินเฟ้อ

ธนาคารกลางสหรัฐ ขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายอีกร้อยละ 0.75 เพื่อควบคุมอัตราเงินเฟ้อที่กำลังกระทบการจับจ่ายของครัวเรือนชาวอเมริกัน

เงินเฟ้ออังกฤษทุบสถิติสูงสุดในรอบ 40 ปีครั้งใหม่

ลอนดอน 20 ก.ค.- ดัชนีราคาผู้บริโภคของอังกฤษทำสถิติสูงสุดในรอบ 40 ปีครั้งใหม่ในเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา โดยเพิ่มขึ้นร้อยละ 9.4 จากเดือนมิถุนายนปีก่อน และอาจทำให้ธนาคารกลางอังกฤษขึ้นอัตราดอกเบี้ยมากกว่าปกติในเดือนสิงหาคม เดือนมิถุนายนปีนี้ ดัชนีราคาผู้บริโภคซึ่งเป็นตัวชี้วัดภาวะเงินเฟ้อของอังกฤษเพิ่มขึ้นมากที่สุดนับจากต้นปี 2525 และลบสถิติเดือนพฤษภาคมที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 9.1 นอกจากนี้ ยังเพิ่มขึ้นมากที่สุดในกลุ่มประเทศอุตสาหกรรมชั้นนำ 7 ประเทศหรือจี 7 (G7) ที่รายงานตัวเลขเงินเฟ้อประจำเดือนมิถุนายนแล้ว สำนักงานสถิติแห่งชาติของอังกฤษระบุว่า ราคาน้ำมันเชื้อเพลิงที่เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 42 ต่อปี และราคาอาหารที่เพิ่มขึ้นเกือบร้อยละ 10 ต่อปี เป็นปัจจัยหลักที่ทำให้ตัวเลขเงินเฟ้อเดือนมิถุนายนสูงที่สุดในรอบ 40 ปีครั้งใหม่ ธนาคารกลางอังกฤษขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินกู้มาแล้ว 5 ครั้ง ตั้งแต่เดือนธันวาคม 2564 หวังควบคุมอัตราเงินเฟ้อ โดยขึ้นครั้งหลังสุดร้อยละ 0.25 ในเดือนมิถุนายน เป็นร้อยละ 1.25 คาดว่าธนาคารกลางจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกในการประชุมนโยบายเดือนสิงหาคม.-สำนักข่าวไทย

เดือน มิ.ย.เงินเฟ้อเกาหลีใต้สูงสุดในรอบ 24 ปี

โซล 5 ก.ค.- อัตราเงินเฟ้อของเกาหลีใต้ในเดือนมิถุนายนปีนี้สูงที่สุดในรอบเกือบ 24 ปี เป็นผลจากราคาพลังงานสูงขึ้น และคาดว่าอัตราเงินเฟ้อในเดือนกรกฎาคมจะสูงขึ้นมากเช่นเดียวกัน สำนักงานสถิติเกาหลีรายงานว่า ดัชนีราคาผู้บริโภคเดือนมิถุนายนปีนี้เพิ่มขึ้นร้อยละ 6 จากเดือนเดียวกันปีก่อน สูงที่สุดนับจากเดือนพฤศจิกายน 2541 ที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 6.8 และเป็นช่วงที่เกิดวิกฤตการเงินเอเชีย ส่วนดัชนีราคาผู้บริโภคเดือนพฤษภาคมปีนี้เพิ่มขึ้นร้อยละ 5.4 จากเดือนเดียวกันปีก่อน สำนักงานสถิติระบุว่า ดัชนีราคาผู้บริโภคเกาหลีใต้สูงกว่าร้อยละ 2 ที่เป็นเป้าหมายระยะกลางของธนาคารกลางเป็นเดือนที่ 15 ติดต่อกันแล้ว คาดว่าจะทรงตัวที่ร้อยละ 6 ต่อปีไประยะหนึ่ง และอาจจะแตะร้อยละ 7 ต่อปีในอนาคต ผู้เชี่ยวชาญคาดว่า ในการประชุมนโยบายวันที่ 13 กรกฎาคมนี้ ธนาคารกลางเกาหลีจะขึ้นดอกเบี้ยครั้งใหญ่อย่างที่ไม่เคยทำมาก่อนถึงร้อยละ 0.50 เพื่อควบคุมเงินเฟ้อ หลังจากขึ้นดอกเบี้ยนโยบายมาแล้ว 5 ครั้งตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2564 โดยขึ้นครั้งละร้อยละ 0.25 ทำให้ดอกเบี้ยขณะนี้อยู่ที่ร้อยละ 1.75 เกาหลีใต้ถูกกดดันเรื่องภาวะเงินเฟ้อ อันเป็นผลจากราคาน้ำมันดิบและสินค้าโภคภัณฑ์ปรับตัวสูงขึ้นเพราะสงครามรัสเซีย-ยูเครนยืดเยื้อ ห่วงโซ่อุปทานโลกสะดุดเพราะโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 และความต้องการบริโภคเพิ่มขึ้นในช่วงเศรษฐกิจฟื้นตัวจากโควิด นอกจากนี้ยังอาจถูกกดดันเพิ่มขึ้นจากเงินวอนที่อ่อนค่าลงอย่างมาก โดยอ่อนค่าไปแล้วมากกว่าร้อยละ […]

1 8 9 10 11 12 25
...