บสย. จัด 2 มาตรการด่วน เยียวยาลูกค้า เหตุชายแดนไทย-กัมพูชา

กรุงเทพฯ 25 ก.ค.- บสย.ลุยช่วย “ลูกค้า-ลูกหนี้” จากเหตุความไม่สงบชายแดนไทย-กัมพูชา ทั้ง “พักชำระค่าธรรมเนียม-ค่างวด” พร้อมเร่งเสริมสภาพคล่อง SMEs ด้วยโครงการค้ำประกันสินเชื่อวงเงินรวม 5,000 ล้านบาท ฟรีค่าธรรมเนียมค้ำฯ 3 ปีแรก เสริมสภาพคล่อง ลดภาระทางการเงิน ช่วย SMEs พลิกฟื้นกิจการพร้อมเดินหน้าต่อได้ นายสิทธิกร ดิเรกสุนทร กรรมการและผู้จัดการทั่วไป บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) กล่าวว่า จากสถานการณ์ความไม่สงบชายแดนไทย-กัมพูชา ที่สร้างผลกระทบต่อประชาชน และกิจการร้านค้า ผู้ประกอบการ เป็นจำนวนมาก ล่าสุด บสย. ได้ออกมาตรการเร่งด่วน ช่วยเหลือผู้ประกอบการ SMEs ลูกหนี้ที่ถูกจ่ายเคลม และลูกค้าของ บสย. ที่ได้รับผลกระทบให้สามารถผ่านพ้นช่วงวิกฤต และประคับประคองธุรกิจเดินหน้าต่อไปได้ แบ่งเป็น 2 กลุ่ม ดังนี้ นอกจากให้ความช่วยเหลือผ่านมาตรการต่างๆ บสย. ยังได้เฝ้าติดตามสถานการณ์และผลกระทบในพื้นที่อย่างใกล้ชิด พร้อมมอบหมายให้สำนักงานเขต บสย. ที่รับผิดชอบพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ความไม่สงบชายแดนไทย-กัมพูชา เร่งสื่อสารประชาสัมพันธ์มาตรการช่วยเหลือดังกล่าวไปยังลูกค้า และลูกหนี้ บสย. […]

“วันนอร์” นำข้อเสนอแนะ สส. แก้ชายแดนไทย-กัมพูชา ส่งรัฐบาล

รัฐสภา 25 ก.ค.-“วันนอร์” นำข้อเสนอแนะแก้ข้อพิพาทชายแดนไทย-กัมพูชา ของ สส. ส่งรัฐบาลและผู้เกี่ยวข้องแล้ว พร้อมตรียมนำทีม สส.ลงพื้นที่ เยี่ยมให้กำลังใจประชาชน-ทหาร กองทัพภาค 2 วันที่ 1 ส.ค.นี้ ขณะที่สภาเปิดรับบริจาคเงินช่วยเหลือ นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงกรณีที่สภาผู้แทนราษฎรพิจารณาญัตติด่วนด้วยวาจาเกี่ยวกับแนวทางการแก้ไขปัญหาจากสถานการณ์การปะทะกันบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ว่าที่ประชุมส่วนใหญ่ได้อภิปรายถึงสาเหตุปัญหาที่เกิดขึ้นและความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนและทางสภามีความห่วงใยทหารของชาติ ที่ต้องไปอยู่อย่างยากลำบาก และเสียชีวิต ซึ่งเป็นความห่วงใยของสภาผู้แทนราษฎรจึงได้เอาข้ออภิปรายความห่วงใย ข้อเสนอแนะทั้งหมดเสนอต่อรัฐบาลและผู้เกี่ยวข้อง ทั้งกระทรวงกลาโหม กองทัพภาคที่ 2 เพื่อให้ดำเนินการตามนั้น ขณะเดียวกันทางประธานสภาผู้แทนราษฎรและสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจะเดินทางไปเยี่ยมผู้ที่ได้รับบาดเจ็บและทหารที่อยู่ในพื้นที่ในวันที่ 1 ส.ค. ที่ไม่ได้ไปทันทีในช่วงนี้เนื่องจากมีภารกิจและมีพระราชพิธีที่สำคัญ ทั้งนี้ในวันดังกล่าวจะรวบรวมของบริจาคเพื่อไปดูแลประชาชนที่อยู่ในพื้นที่ รวมถึงผู้ที่บาดเจ็บ ในนามของรัฐสภาและผู้แทนประชาชน และในช่วงเย็นวันที่ 1 ส.ค.จะเดินทางไปที่กองทัพภาคที่ 2 ด้วย ประธานสภาผู้แทนราษฎร กล่าวด้วยว่า ขณะนี้ทางสำนักงานเลขาธิการ สภาผู้แทนราษฎรได้เปิดบัญชีขอรับบริจาค เพื่อให้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สมาชิกรัฐสภา รวมถึงประชาชนทั่วไปสามารถบริจาคได้ที่บัญชีสภาผู้แทนราษฎรเพื่อช่วยเหลือทหารกล้า ธนาคารกรุงไทย สาขารัฐสภา เลขที่ 0890898898 .-312.-สำนักข่าวไทย

ประกันสังคมห่วงสถานการณ์ความไม่สงบชายแดนไทย-กัมพูชา

25 ก.ค. – นางมารศรี ใจรังษี เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม แสดงความห่วงใยต่อประชาชนที่อยู่ในพื้นที่ จากเหตุการณ์กระสุนปืนจากกองกำลังทหารกัมพูชายิงตกในบริเวณชายแดนจังหวัดศรีสะเกษ เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม 2568 เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตและผู้ได้รับบาดเจ็บ พร้อมได้สั่งการให้ สำนักงานประกันสังคมจังหวัดศรีสะเกษ เร่งตรวจสอบข้อมูล พร้อมให้การช่วยเหลือลูกจ้างที่ประสบเหตุอย่างเร่งด่วน เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม กล่าวว่า ทันทีได้รับรายงานถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ได้มอบหมายให้สำนักงานประกันสังคมจังหวัดศรีสะเกษตรวจสอบข้อมูล พบว่าจากเหตุการณ์ดังกล่าวพบผู้เสียชีวิตและผู้ได้รับบาดเจ็บ โดยมีการส่งตัวเพื่อเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลกันทรลักษ์ อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ แต่ยังไม่มีการยืนยันข้อมูลสถานะผู้ประกันตนของผู้ประสบเหตุในครั้งนี้ ซึ่งหากผู้เสียชีวิตเป็นลูกจ้างและเสียชีวิตขณะปฏิบัติงานให้นายจ้าง ทายาทของลูกจ้าง จะได้รับสิทธิประโยชน์จากกองทุนเงินทดแทน สำนักงานประกันสังคม ประกอบด้วย ค่าทำศพจำนวน 50,000 บาท เงินทดแทนกรณีเสียชีวิตเป็นเงินร้อยละ 70 ของค่าจ้าง เป็นระยะเวลา 10 ปี และเงินบำเหน็จชราภาพพร้อมดอกผล ส่วนผู้ได้รับบาดเจ็บขณะปฏิบัติงานจะได้รับความคุ้มครองจากกองทุนเงินทดแทน เช่นกัน โดยได้รับ ค่ารักษาพยาบาลเบื้องต้น 65,000 บาท ถึง 1,000,000 บาท หากเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลของรัฐจนสิ้นสุดการรักษาจะได้รับค่ารักษาพยาบาลเท่าที่จ่ายจริงตามความจำเป็นจนกว่าจะสิ้นสุดการรักษากรณีแพทย์รับรองให้หยุดพักรักษาตัว มีสิทธิได้รับค่าทดแทนการขาดรายได้ร้อยละ 70 ของค่าจ้างรายเดือนไม่เกิน 1 […]

องคมนตรี นำสิ่งของพระราชทานมอบแก่ จนท.-ประชาชนได้รับผลกระทบชายแดน

อุบลราชธานี 25 ก.ค.-พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา องคมนตรี นำสิ่งของพระราชทานมอบแก่เจ้าหน้าที่และประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ที่ จ.ศรีสะเกษ และอุบลราชธานี เมื่อช่วงเช้าที่ผ่าน พลเอกไพบูลย์ คุ้มฉายา องคมนตรี ได้เดินไปยังพื้นที่จังหวัดศรีสะเกษ และจุดที่ 2 จังหวัดอุบลราชธานี และขณะนี้องคมนตรีได้เชิญสิ่งของพระราชทานในจุดที่ 1 จ.อุบลราชธานี แก่เจ้าหน้าที่จำนวน 200 ชุด มอบแก่ประชาชน 75 ชุด จากนั้นจะเดินทางไปตรวจเยี่ยมประชาชนในศูนย์อพยพและจะเดินทางไปตรวจเยี่ยมศูนย์พักพิงกลุ่มเปราะบาง รวมไปถึงทหารที่ได้รับบาดเจ็บ ส่วนบรรยากาศเช้านี้ที่ช่องบ อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี ที่เป็นจุดปะทะ ชาวบ้านได้อพยพมาอยู่ในหลุมหลบภัย เนื่องจากมีเสียงปืนใหญ่ดังต่อเนื่อง ผู้นำชุมชนจึงได้ให้ประชาชนเข้าไปอยู่ในจุดที่ปลอดภัย จากนั้นยังมีรายงานจากรองโฆษกกองทัพบกว่า สถานการณ์ในวันนี้ กองทัพบกได้รับรายงานจากหน่วยในพื้นที่ว่า เริ่มมีการปะทะตั้งแต่เวลาประมาณ 04.00 น. ในพื้นที่ช่องบก และภูมะเขือ จ.อุบลราชธานี รวมถึงในพื้นที่ อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ โดยฝ่ายกัมพูชาได้ระดมยิงด้วยอาวุธหนัก ปืนใหญ่สนาม และจรวด BM-21 เข้ามาอย่างต่อเนื่อง จนถึง 08.00 น. […]

เข้าสู่วันที่ 2 กัมพูชาเปิดฉากตั้งแต่เช้ามืด ที่ปราสาทตาเมือนธม

สุรินทร์ 25 ก.ค.-เข้าสู่วันที่ 2 เหตุปะทะไทย-กัมพูชา เริ่มเปิดฉากยิงกันตั้งแต่เช้ามืด บริเวณปราสาทตาเมือนธม และปราสาทตาควาย อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ ขณะนี้เสียงยังดังต่อเนื่อง ก่อนขยายการสู้รบไปตลอดแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ด้านอีสานใต้ อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ เป็นพื้นที่แรกที่ฝ่ายกัมพูชาเปิดฉากยิงก่อนด้านปราสาทตาเมือนครับ เช้ามืดวันนี้ ราวตี 5 ครึ่ง ก็เริ่มปะทะกันอีก ขณะนี้ก็มีเสียงดังอย่างต่อเนื่อง เส้นทางจากอำเภอปราสาท จังหวัดสุรินทร์ เข้าสู่อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ แม้สายแล้ว ก็มีรถสัญจรไปมาค่อนข้างน้อย เนื่องจากเป็นพื้นที่เสี่ยงภัยการสู้รบ โดยอำเภอพนมดงรักเป็นหนึ่งใน 4 อำเภอ ที่ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ ประกาศให้ผู้ที่ไม่มีความจำเป็นเข้าพื้นที่ร่วมกับอำเภอกาบเชิง บัวเชดและสังขะ โดยตลอดช่วงเช้าที่ผ่านมา ในพื้นที่ตามแนวชายแดนได้ยินเสียงการปะทะด้วยกระสุนปืนใหญ่ดังอย่างต่อเนื่อง ผู้นำหมู่บ้านบันทึกสถิติเฉพาะฝั่งไทยตอบโต้เกินกว่า 100 ลูกแล้ว บ้านหนองแรด ตำบลบักได อำเภอพนมดงรัก ที่จรวดหลายลำกล้อง BM 21 ตกเยอะสุด 10 ลูก วานนี้โดยรอบหมู่บ้าน โชคดีไม่ลงบ้านเรือน มีกระจกแตกเล็กน้อยจากแรงอัดลูกจรวดเท่านั้น วันนี้ ยังมีชาวบ้านอยู่นับร้อยคนหลบอยู่ในหลุมหลบภัย จากทั้งหมด […]

กสม. ประณามกัมพูชาโจมตีพลเรือน-รพ. เป็นอาชญากรรมสงคราม

กสม. 25 ก.ค.-กสม. ประณามกัมพูชาโจมตี พลเรือน-รพ. เป็นอาชญากรรมสงครามละเมิดสิทธิมนุษยชน กฎหมายสากล เรียกร้องเคารพศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ วอนทุกฝ่ายหยุดการสร้างความเกลียดชังทางเชื้อชาติรวมถึงกับชาวกัมพูชาที่อยู่ในไทย คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) ออกแถลงการณ์ ประณามการโจมตีพลเรือนและพื้นที่โรงพยาบาลบริเวณแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ระบุว่าตามที่ปรากฏเหตุปะทะระหว่างทหารไทยกับทหารกัมพูชาบริเวณชายแดนเมื่อช่วงเช้าวันที่ 24 กรกฎาคม 2568 ที่บริเวณปราสาทตาเมือนธม กระทั่งลุกลามไปในหลายพื้นที่ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา เป็นเหตุให้มีพลเรือนไทยเสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บจำนวนมาก กสม. ขอแสดงความเสียใจไปยังครอบครัวผู้เสียชีวิตทุกคนและขอประณามการกระทำอันไร้มนุษยธรรมของทหารกัมพูชาที่เปิดฉากโจมตี และมุ่งเป้าไปที่พลเรือนและโรงพยาบาล การโจมตีสถานที่ดังกล่าวถือเป็นอาชญากรรมสงคราม (war crimes) ที่ละเมิดหลักสิทธิมนุษยชนสากลและกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ (international humanitarian law: IHL) โดยเฉพาะอนุสัญญาเจนีวาและธรรมนูญกรุงโรม อย่างไม่อาจยอมรับได้ กสม. ในฐานะสถาบันสิทธิมนุษยชนระดับชาติของไทย ขอเรียกร้องให้ทหารกัมพูชาเคารพศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์และหลักสิทธิมนุษยชนสากล ยุติการกระทำความรุนแรงต่อพลเรือนและกลุ่มเปราะบางในพื้นที่ความขัดแย้งโดยทันที และขอแสดงความห่วงใยและส่งกำลังใจไปยังทหารและผู้ปฏิบัติหน้าที่ในส่วนต่าง ๆ บริเวณแนวหน้า ขอให้ทุกหน่วยงานดูแลพลเรือนในพื้นที่เสี่ยงอย่างเต็มกำลัง และขอเรียกร้องให้ทุกฝ่ายหยุดการสร้างความเกลียดชังทางเชื้อชาติ ไม่ส่งต่อและไม่ยอมรับการสร้างความเกลียดชังทางเชื้อชาติต่อชาวกัมพูชาที่อาศัยอยู่ในประเทศไทย ซึ่งไม่มีความเกี่ยวข้องใดกับความขัดแย้งตามแนวชายแดน กสม. หวังเป็นอย่างยิ่งว่าสถานการณ์ความขัดแย้งที่มีผลกระทบอย่างร้ายแรงต่อสิทธิ สวัสดิภาพ และความเป็นอยู่ของพลเรือนทั้งสองประเทศจะคลี่คลายโดยเร็วบนหนทางแห่งสันติภาพ.-314.-สำนักข่าวไทย

แนะนำผู้โดยสารตรวจสอบเที่ยวบิน

กรุงเทพฯ 25 ก.ค.-CAAT แนะนำผู้โดยสารติดตามสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชาอย่างใกล้ชิด พร้อมตรวจสอบเที่ยวบินและสิทธิการเปลี่ยนแปลงการเดินทาง ตามสถานการณ์ความไม่สงบที่เกิดขึ้นบริเวณชายแดนระหว่างประเทศไทยและกัมพูชา สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (CAAT) ขอแนะนำให้ประชาชนชาวไทยที่มีความจำเป็นต้องเดินทางในเส้นทางระหว่างสองประเทศ ติดตามข่าวสารและคำแนะนำจากสถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงพนมเปญ อย่างใกล้ชิด ทั้งนี้ ขอให้ผู้โดยสารตรวจสอบกับสายการบินที่ให้บริการในเส้นทางดังกล่าว เนื่องจากอาจมีการปรับเปลี่ยนชนิดของอากาศยาน เพื่อเพิ่มจำนวนที่นั่งให้เพียงพอกับความต้องการในการเดินทางกลับประเทศไทย โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่มีจำนวนผู้โดยสารเพิ่มสูงขึ้น สำหรับผู้ที่มีบัตรโดยสารอยู่แล้ว หากมีความประสงค์จะเปลี่ยนแปลงวันหรือเวลาเดินทาง ขอให้ติดต่อสายการบินโดยตรงเพื่อสอบถามเกี่ยวกับที่นั่งว่างและเงื่อนไขในการเปลี่ยนแปลง ทั้งนี้ ผู้โดยสารควรเตรียมเอกสารการเดินทางให้ครบถ้วน เพื่ออำนวยความสะดวกในการเดินทางและลดความแออัด ณ ท่าอากาศยาน ในกรณีที่ผู้โดยสารไม่สามารถเดินทางมายังท่าอากาศยานได้ตามกำหนด ขอให้ตรวจสอบมาตรการช่วยเหลือจากสายการบิน หรือติดต่อเจ้าหน้าที่ของสายการบินเพื่อรับทราบข้อมูลและแนวทางดำเนินการที่เหมาะสมต่อไป สำนักงานการบินพลเรือนฯ ขอให้ทุกท่านเดินทางโดยสวัสดิภาพ และขอเน้นย้ำให้ผู้โดยสารติดตามข้อมูลข่าวสารจากแหล่งทางการอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้สามารถวางแผนการเดินทางได้อย่างสะดวกและปลอดภัย.-513.-สำนักข่าวไทย

รัฐบาลห่วงใยคนไทยทำงานในพื้นที่ชายแดน ย้ำเลี่ยงอยู่พื้นที่เสี่ยง

ทำเนียบ 25 ก.ค.-รัฐบาลห่วงใยคนไทยทำงานในพื้นที่ชายแดน ย้ำหลีกเลี่ยงการเดินทางหรืออยู่ในพื้นที่เสี่ยงที่อาจเกิดเหตุความรุนแรง นางสาวศศิกานต์ วัฒนะจันทร์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงสถานการณ์ความรุนแรงในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา ว่า รัฐบาลมีความห่วงใยต่อพี่น้องชาวไทยที่ทำงานชายแดนและแรงงานต่างด้าวสัญชาติกัมพูชาที่ทำงานอยู่ในประเทศไทย ขอให้ทุกคนเพิ่มความระมัดระวังในการใช้ชีวิต หลีกเลี่ยงการเดินทางหรืออยู่ในพื้นที่เสี่ยงที่อาจเกิดเหตุความรุนแรง ขอให้คำนึงถึงความปลอดภัยในชีวิตเป็นสิ่งสำคัญ ทั้งนี้ สถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงพนมเปญ แนะนำให้คนไทยที่พำนักหรือพำนักชั่วคราวในประเทศกัมพูชาและไม่มีความจำเป็นเดินทางออกจากประเทศโดยเร็วที่สุดเท่าที่จะสามารถดำเนินการได้อย่างปลอดภัย และขอความร่วมมือให้คนไทยที่ไม่มีความจำเป็นอย่างยิ่งยวดงดการเดินทางมายังกัมพูชาในช่วงนี้ จนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย ในกรณีฉุกเฉินหรือความต้องการความช่วยเหลือ โดยสามารถติดต่อหน่วยงานของไทยได้ที่สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงพนมเปญ โทรศัพท์ฉุกเฉิน: (+855) 975 749 682 สถานกงสุลใหญ่ ณ เมืองเสียมราฐ โทรศัพท์: (+855) 86 608 999 Call Center กรมการกงสุล โทรศัพท์: (+66) 2 572 8442 (ตลอด 24 ชั่วโมง) “รัฐบาลสั่งการหน่วยงานติดตามสถานการณ์ความตึงเครียดระหว่างไทยกับกัมพูชาอย่างใกล้ชิด พร้อมให้ความช่วยเหลือประชาชนในทุกด้าน ขอให้ประชาชนติดตามข่าวสารจากส่วนราชการอย่างต่อเนื่อง” นางสาวศศิกานต์ ย้ำ.-316.-สำนักข่าวไทย

รัฐบาลพร้อมเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบชายแดนไทย-กัมพูชา

ทำเนียบ 25 ก.ค.-รัฐบาลสั่งการด่วนให้ผู้ว่าฯ ชายแดน รวบรวมรายชื่อผู้เสียชีวิต-บาดเจ็บ เพื่อใช้งบประมาณเยียวยาจากกองทุนสำนักนายกฯ เบื้องต้น พร้อมให้ทุกกระทรวงที่เกี่ยวข้องระดมสรรพกำลังให้การช่วยเหลือชายแดน นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีเปิดเผยว่า นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้สรุปตัวเลขของประชาชนและเจ้าหน้าที่ ผู้ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ประทะกันตามแนวชายแดน ทั้งในส่วนที่ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต และทรัพย์สิน โดยให้ส่งรายละเอียดให้กับแต่ละจังหวัดเพื่อดำเนินการสรุปจำนวน มอบเงินช่วยเหลือชดเชยเยียวยา ทั้งในส่วนข้าราชการทหารและประชาชน โดยเบื้องต้น จะใช้เงินของกองทุนสำนักนายกรัฐมนตรี เพื่อบรรเทาทุกข์ในเบื้องต้น ส่วนการเยียวยาด้านอื่นๆ ให้เร่งรัดสรุปกลับไปยังกระทรวงมหาดไทย และสำนักนายกรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาดำเนินการต่อไป นอกจากนี้ ยังสั่งการให้ทุกกระทรวงที่เกี่ยวข้องกับสถานการณ์ชายแดน เช่น กระทรวงศึกษาธิการ ได้สั่งปิดโรงเรียนในพื้นที่เสี่ยงชั่วคราว กระทรวงสาธารณสุข ได้ดำเนินการเปลี่ยนโรงพยาบาลในพื้นที่เป็นโรงพยาบาลสนามชั่วคราว รวมถึงอพยพคนป่วย ผู้ที่ได้รับบาดเจ็บทั้งหมดไปสู่โรงพยาบาลอื่นๆ ที่ปลอดภัยเรียบร้อยแล้ว กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ให้ดูแลเรื่องการเยียวยาและบรรเทาทุกข์เบื้องต้น กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ให้ตรวจสอบและแก้ไขประชาสัมพันธ์ข่าวเท็จในสถานการณ์กระทรวงมหาดไทย ให้ดำเนินการตามแผนการ ร่วมกับกองทัพในพื้นที่ในการดูแลประชาชนในทุกมิติ ส่วนมาตรการด้านการต่างประเทศ รัฐบาลยืนยันได้ลดระดับความสัมพันธ์ทางการทูตกับกัมพูชาลง โดยได้แจ้ง กระทรวงการต่างประเทศให้เรียกเอกอัครราชทูตไทยประจำกัมพูชากลับประเทศไทยแล้ว และส่งเอกอัครราชทูตกัมพูชาประจำประเทศไทยกลับสู่ประเทศ ซึ่งถือเป็นมาตรการที่มีความรุนแรงที่สุดในทางการทูต.-314.-สำนักข่าวไทย

รัฐบาลสั่งทุกส่วนราชการเร่งช่วยประชาชนชายแดนไทย-กัมพูชา

ทำเนียบ 25 ก.ค.-รัฐบาลสั่งทุกส่วนราชการเร่งให้ความช่วยประชาชนชายแดนไทย-กัมพูชา ด้าน ก.เกษตรฯ ตั้ง War room ติดตามและแก้ไขสถานการณ์ด้านการเกษตรอย่างใกล้ชิด ส่วน ศธ.สั่งปิดโรงเรียน เร่งให้ความช่วยเหลือครอบครัวนักเรียนที่ได้รับผลกระทบ นายอนุกูล พฤกษานุศักดิ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า จากสถานการณ์ความไม่สงบจากเหตุปะทะกันระหว่างกำลังความมั่นคงบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา รัฐบาลได้บูรณาความร่วมมือ สั่งการให้ทุกภาคส่วนราชการเร่งให้ความช่วยเหลือประชาชน โดยยึดหลักความปลอดภัยของพี่น้องประชาชนเป็นหลัก พร้อมเตรียมมาตรการรองรับสถานการณ์ นายอนุกูล กล่าวว่า กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้จัดตั้ง “War room ติดตามและแก้ไขสถานการณ์ด้านการเกษตร ชายแดนไทย-กัมพูชา” เพื่อเฝ้าระวัง ติดตาม และวิเคราะห์ผลกระทบด้านการเกษตรในพื้นที่จากสถานการณ์ความไม่สงบบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชาอย่างใกล้ชิด ทั้งติดตามสถานการณ์พื้นที่เกษตรในแนวชายแดนแบบเรียลไทม์ และประเมินผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นต่อการผลิตพืช สินค้าเกษตร และปศุสัตว์ รวมถึง วางแผนเผชิญเหตุและเสนอแนวทาง ช่วยเหลือเกษตรกรอย่างทันท่วงที พร้อมทั้งประสานความร่วมมือกับหน่วยงานความมั่นคงและหน่วยงานในพื้นที่ และสื่อสารสถานการณ์แก่เกษตรกรและประชาชนให้ได้รับข้อมูลที่ถูกต้อง รวดเร็ว โดยจะใช้ระบบ ข้อมูลเชิงพื้นที่ (GIS-Based Dashboard) เพื่อเฝ้าระวังพื้นที่เสี่ยง โดยเฉพาะในจังหวัดศรีสะเกษ สุรินทร์ บุรีรัมย์ และอุบลราชธานี ซึ่งเป็นพื้นที่เกษตรหลักที่อยู่ในรัศมีความเสี่ยงจากสถานการณ์ดังกล่าว นอกจากนี้ ยังมีการตั้ง “ศูนย์ย่อยประสานงานจังหวัด” ในระดับสำนักงานเกษตรและสหกรณ์จังหวัด […]

กรมปศุสัตว์ เร่งช่วยเกษตรกรชายแดนไทย-กัมพูชา ได้รับผลกระทบเหตุปะทะ

กทม. 25 ก.ค.-“อรรถ​กร” สั่ง​ด่วน​ให้​กรมปศ​ุสัตว์​ช่วย​เหลือ​เกษตรกร​ผู้​เลี้ยง​สัตว์​บริเวณ​ชายแดน​ไทย​-กัมพูชา​ ซึ่ง​ได้​รับ​ผลกระทบ​จาก​เหตุ​ปะทะ​ โดยมีการจัดส่งหญ้าแห้งและพืชอาหารสัตว์เพื่อบรรเทาความเดือดร้อน​เบื้องต้น​ ล่าสุด​สำรวจ​ความเสียหาย​ มีวัวตาย ​3 ตัว​ จากกระสุนปืน​ใหญ่​ตก​ เตรียม​พร้อม​จ่าย​เยียวยา​ตามระเบียบ​เหตุ​ภัยพิบัติ​ฉุกเฉิน นายอรรถกร ศิริลัทธยากร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ สั่งการให้กรมปศุสัตว์เร่งช่วยเหลือเกษตรกรผู้เลี้ยงสัตว์ในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชาที่ได้รับผลกระทบจากเหตุปะทะ โดยมีการจัดส่งหญ้าแห้งและพืชอาหารสัตว์เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนในเบื้องต้น พร้อมเตรียมจ่ายค่าเยียวยาตามระเบียบการช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน นายสัตวแพทย์สมชวน รัตนมังคลานนท์ อธิบดีกรมปศุสัตว์ เปิดเผยว่า กรมปศุสัตว์ได้รับข้อสั่งการให้เร่งช่วยเหลือเกษตรกรผู้เลี้ยงสัตว์และดูแลสัตว์เลี้ยงในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบอย่างเร่งด่วน โดยได้ระดมกำลังจากสำนักงานปศุสัตว์ในจังหวัดชายแดนเพื่อส่งหญ้าแห้งและพืชอาหารสัตว์เข้าสนับสนุนในระยะเผชิญเหตุ ล่าสุด สำนักงานปศุสัตว์จังหวัดบุรีรัมย์รายงานว่า พื้นที่อำเภอบ้านกรวดซึ่งเป็นแหล่งเลี้ยงโค-กระบือขนาดใหญ่ รวมกว่า 21,452 ตัว (โค 17,313 ตัว และกระบือ 4,139 ตัว) ได้รับผลกระทบจากลูกกระสุนปืนใหญ่ตกหลายจุด ตั้งแต่เวลา 09.30 น. ของวันที่ 24 กรกฎาคม 2568 ได้แก่ บ้านสายโท 10 (ใต้) หมู่ 2 ตำบลสายตะกู 10 ลูก บ้านกรวด หมู่ […]

ประชาชนต้องอพยพกว่า 100,000 คนไปยังศูนย์พักพิง 295 แห่ง

กทม. 25 ก.ค.-ปลัด มท. เผยมีประชาชนต้องอพยพจากเหตุไม่สงบชายแดนไทย-กัมพูชา มากกว่า 100,000 คนไปยังศูนย์พักพิง 295 แห่ง กำชับผู้ว่าฯ นายอำเภอ บูรณาการทุกภาคส่วนดูแลความปลอดภัยและความเป็นอยู่ของประชาชนให้ถูกสุขลักษณะ พร้อมสร้างขวัญกำลังใจประชาชนควบคู่การบำรุงขวัญกำลังพลตามแนวพิทักษ์พื้นที่ส่วนหลัง นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยถึงการบริหารจัดการสถานการณ์ภัยจากเหตุการณ์ความไม่สงบที่เกิดขึ้นจากการลักลอบยิงอาวุธของกัมพูชาเข้ามาล่วงล้ำอธิปไตยของประเทศไทยจนส่งผลให้ประชาชนในพื้นที่จังหวัดอุบลราชธานี ศรีสะเกษ สุรินทร์ และบุรีรัมย์ ที่พักอาศัยพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา ได้รับผลกระทบ ทั้งการสูญเสียชีวิตและทรัพย์สิน รวมถึงต้องอพยพย้ายที่พักชั่วคราว โดยนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้สั่งการให้ผู้ว่าราชการจังหวัด และนายอำเภอ ปฏิบัติตามแผนปฏิบัติการพิทักษ์พื้นที่ส่วนหลัง นำกำลังสมาชิกกองอาสารักษาดินแดน กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.) บูรณาการร่วมกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และทุกภาคส่วน นำยานพาหนะของทุกหน่วยงานเร่งอพยพประชาชนเข้าไปยังพื้นที่ปลอดภัยห่างจากแนวการปะทะเป็นที่เรียบร้อยแล้ว พร้อมทั้งให้ดูแลด้านการใช้ชีวิตครอบคลุมปัจจัยความจำเป็นพื้นฐาน ทั้งด้านอาหาร เครื่องดื่ม ยารักษาโรค ห้องน้ำ และที่พัก ให้ถูกสุขลักษณะ โดยเน้นย้ำเรื่อง “ความปลอดภัยของประชาชนเป็นสิ่งสำคัญที่สุด” “สำหรับจำนวนประชาชนผู้ที่ได้ทำการอพยพไปยังศูนย์พักพิงชั่วคราวทั้ง 4 จังหวัดข้างต้น ณ วันที่ 24 ก.ค. […]

1 15 16 17 18 19 33
...