บราซิลเผยวัคซีนจีนมีประสิทธิภาพเพียง 50.4%

เซาเปาลู 13 ม.ค. – นักวิจัยบราซิลเผยผลการทดสอบวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 ของซิโนแวก ไบโอเทค บริษัทเวชภัณฑ์ของจีนว่า มีประสิทธิภาพป้องกันโรคได้เพียงร้อยละ 50.4 เท่านั้น ซึ่งอยู่ในเกณฑ์ที่เกือบไม่ผ่านการอนุมัติจากหน่วยงานกำกับดูแลยาของบราซิล ผลการทดสอบวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ของซิโนแวก หรือเป็นที่รู้จักในชื่อ โคโรนาแวก เป็นเรื่องน่าผิดหวังครั้งใหญ่สำหรับบราซิล เนื่องจากวัคซีนดังกล่าวเป็นหนึ่งในวัคซีนหลัก 2 ขนานที่จะนำมาฉีดให้แก่ประชาชนท่ามกลางสถานการณ์ระบาดระลอก 2 ในบราซิล ซึ่งเป็นประเทศที่มียอดผู้เสียชีวิตจากโรคโควิด-19 สูงเป็นอันดับที่ 2 ของโลกรองจากสหรัฐ นักวิทยาศาสตร์และผู้สังเกตการณ์หลายรายของบราซิลกล่าวตำหนิศูนย์ชีวการแพทย์บูทันทัน ที่เปิดเผยข้อมูลบางส่วนเมื่อไม่กี่วันก่อน ซึ่งทำให้เกิดความคาดหวังที่ไม่ได้ตั้งอยู่บนพื้นฐานความเป็นจริง ข้อมูลที่สับสนอาจจะทำให้ชาวบราซิลยิ่งเกิดความคลางแคลงใจต่อวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ของจีน ซึ่งประธานาธิบดีจาอีร์ โบวโซนารู ของบราซิลเคยวิพากษ์วิจารณ์และตั้งข้อสงสัยเกี่ยวกับที่มาของวัคซีนนี้ เมื่อสัปดาห์ก่อน นักวิจัยบราซิลเพิ่งประกาศผลการทดสอบวัคซีนของซิโนแวกว่า มีประสิทธิภาพป้องกันโรคโควิด-19 ในผู้ป่วยติดเชื้อที่มีอาการไม่รุนแรงถึงรุนแรงได้สูงถึงร้อยละ 78 ซึ่งเป็นอัตราที่อยู่ในระดับน่าเชื่อถือ อย่างไรก็ดี ผลการทดลองดังกล่าวไม่ได้รวมกลุ่มผู้ป่วยติดเชื้อที่มีอาการเล็กน้อยที่ได้รับวัคซีนและไม่ต้องการความช่วยเหลือทางคลินิกไว้ในรายงาน แต่ผลการทดลองของวันนี้รวมข้อมูลผู้ป่วยติดเชื้อกลุ่มดังกล่าวไว้ด้วย จึงทำให้ตัวเลขอัตราป้องกันโรคลดลง ก่อนหน้านี้ นักวิจัยตุรกีเผยผลการทดลองขั้นแรกของวัคซีนโคโรนาแวกว่า มีประสิทธิภาพป้องกันโรคโควิด-19 ได้สูงถึงร้อยละ 91.25 เมื่อเดือนก่อน ขณะที่ทางการอินโดนีเซียอนุมัติใช้วัคซีนดังกล่าวเป็นกรณีฉุกเฉินเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา โดยอ้างข้อมูลเบื้องต้นว่า วัคซีนโคโรนาแวกมีประสิทธิภาพป้องกันโรคโควิด-19 […]

จีนพบผู้ป่วยโควิดสูงสุดในรอบกว่า 5 เดือน

ปักกิ่ง 13 ม.ค. – จีนพบผู้ป่วยโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 รายใหม่ 115 คน ซึ่งทำสถิติสูงสุดในรอบกว่า 5 เดือน แม้ว่าทางการท้องถิ่นสั่งล็อกดาวน์ 3 เมืองในมณฑลเหอเป่ย์ไปแล้วก็ตาม คณะกรรมาธิการสุขภาพแห่งชาติของจีนรายงานว่า พบผู้ป่วยติดเชื้อรายใหม่ในจีนแผ่นดินใหญ่ 115 คน เพิ่มขึ้นจากวันก่อนหน้าที่มีเพียง 55 คน ซึ่งถือเป็นสถิติผู้ป่วยติดเชื้อรายวันสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 30 กรกฎาคมปีที่แล้ว ในจำนวนนี้ มีผู้ป่วยติดเชื้อในชุมชน 107 คน โดยที่มณฑลเหอเป่ย์ที่ตั้งอยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือของจีนและมีพื้นที่รอบกรุงปักกิ่งพบผู้ป่วยติดเชื้อ 90 คน และมณฑลเฮย์หลงเจียงที่ตั้งอยู่ค่อนไปทางเหนือของมณฑลเหอเป่ย์พบผู้ป่วยติดเชื้อ 16 คน ตัวเลขผู้ป่วยติดเชื้อดังกล่าวถือว่ายังคงอยู่ในระดับต่ำเมื่อเทียบกับช่วงที่จีนเผชิญกับการระบาดรุนแรงของโรคโควิด-19 เมื่อต้นปีก่อน ขณะที่ทางการมณฑลเหอเป่ย์ใช้คำสั่งล็อกดาวน์ 3 เมือง ได้แก่ ฉือเจียจวง ซิงไถ่ และหลางฝาง เพื่อควบคุมการระบาดของโรคโควิด-19 แล้ว ด้านเจ้าหน้าที่ของกรุงปักกิ่งสั่งเพิ่มมาตรการคัดกรองและป้องกันการระบาดเป็นกลุ่มก้อนใหม่ที่กำลังเกิดขึ้นในพื้นที่ดังกล่าว ขณะนี้จีนมียอดผู้ป่วยติดเชื้อสะสม 87,706 คน และผู้เสียชีวิตทั้งหมด 4,634 คน.-สำนักข่าวไทย

รายได้นับเเสน แปรรูปไส้เดือนขาย

ชาวบ้านตาล อ.นาหว้า จ.นครพนม พลิกวิกฤติให้เป็นโอกาส นำไส้เดือนแปรรูปตากแห้ง ส่งออกต่างประเทศ บางครอบครัวสร้างรายได้เกือบเเสนบาท

“หวัง อี้” เยือนเมียนมาให้คำมั่นเรื่องจัดหาวัคซีนโควิด

นายหวัง อี้ มนตรีเเห่งรัฐเเละรัฐมนตรีประเทศจีนเดินทางเยือนเมียนมาเพื่อหารือเกี่ยวกับการกระชับความร่วมมือ

ไต้หวันปรับแบบพาสปอร์ตใหม่ป้องกันสับสนกับจีน

ไทเป 11 ม.ค. – ไต้หวันเปลี่ยนรูปแบบหนังสือเดินทางหรือพาสปอร์ตใหม่ โดยปรับให้ชื่อเกาะไต้หวันมีขนาดใหญ่ขึ้นจนเห็นเด่นชัด เพื่อป้องกันความสับสนระหว่างชาวไต้หวันกับชาวจีนในช่วงที่เกิดการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 โดยเริ่มใช้ในวันนี้เป็นวันแรก ทางการไต้หวันระบุว่า พาสปอร์ตแบบเดิมของไต้หวันมีคำว่า ‘สาธารณรัฐจีน’ (Republic of China) ที่เป็นชื่อทางการของไต้หวันระบุไว้ด้านบนหน้าปกพาสปอร์ตด้วยอักษรภาษาอังกฤษตัวพิมพ์ใหญ่ และมีคำว่า ‘ไต้หวัน’ (Taiwan) ระบุไว้ด้านล่าง ซึ่งทำให้เกิดความสับสนไปทั่วโลก หลายประเทศสับสนว่าชาวไต้หวันเป็นชาวจีนในช่วงที่มีการระบาดของโรคโควิด-19 ในระยะเริ่มต้น ทำให้ชาวไต้หวันถูกสั่งห้ามเดินทางเข้าประเทศต่าง ๆ เพราะความเข้าใจผิด ทั้งที่ทางการไต้หวันสามารถควบคุมการระบาดของโรคโควิด-19 ได้ดีกว่าจีน ส่วนพาสปอร์ตดีไซน์ใหม่ได้ขยายคำว่า ‘ไต้หวัน’ (Taiwan) ให้มีขนาดใหญ่ขึ้น และตัดคำว่า ‘สาธารณรัฐจีน’ (Republic of China) ออกไป แต่ยังคงเก็บชื่อดังกล่าวไว้เป็นภาษาจีน รวมถึงตัวอักษรภาษาอังกฤษขนาดเล็กไว้รอบตราแผ่นดินบนหน้าปกพาสปอร์ต ด้านทางการจีนได้กล่าวถึงการเปลี่ยนดีไซน์พาสปอร์ตใหม่ของไต้หวันว่า ไม่ว่าไต้หวันจะพยายามปรับเปลี่ยนอะไรเล็ก ๆ น้อย ๆ มากแค่ไหน ก็คงไม่อาจเปลี่ยนแปลงความจริงที่ว่า ไต้หวันเป็นส่วนหนึ่งไม่สามารถแยกออกจากจีนได้ จีนอ้างว่า ไต้หวันเป็นดินแดนของจีน จีนจึงมีสิทธิ์ที่จะพูดแทนเกาะไต้หวันบนเวทีโลก เป็นจุดยืนที่จีนพยายามผลักดันอย่างหนักในช่วงที่มีการระบาดของโรคโควิด-19 โดยเฉพาะในงานประชุมที่จัดขึ้นที่องค์การอนามัยโลก (WHO). […]

ทีมสืบต้นตอโควิดของอนามัยโลกจะถึงจีน 14 ม.ค. นี้

ปักกิ่ง 11 ม.ค. – ทีมผู้เชี่ยวชาญจากนานาชาติขององค์การอนามัยโลก (WHO) จะเดินทางถึงจีนในวันที่ 14 มกราคมนี้ เพื่อสืบหาที่มาการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 คณะกรรมาธิการสุขภาพแห่งชาติของจีนได้ประกาศวันที่เดินทางถึงจีนของทีมงานผู้เชี่ยวชาญจากองค์การอนามัยโลก ซึ่งล่าช้าจากเดิมที่กำหนดมาถึงในต้นเดือน และไม่ได้เปิดเผยรายละเอียดใด ๆ เกี่ยวกับแผนการเดินทางของทีมดังกล่าว ก่อนหน้านี้ ทางการจีนไม่อนุญาตให้ทีมผู้เชี่ยวชาญ 10 คนขององค์การอนามัยโลกเดินทางเข้าประเทศ ทำให้เกิดความล่าช้าในภารกิจสืบหาที่มาการระบาดของโรคโควิด-19 ในระยะเริ่มต้น กระทรวงสาธารณสุขของจีนระบุว่าเป็นเรื่องเข้าใจผิด นอกจากนี้ จีนยังถูกโจมตีอย่างหนักว่าพยายามปกปิดการรับมือเบื้องต้นที่ล่าช้า จนกระทั่งเชื้อไวรัสโคโรนาแพร่กระจายไปทั่วโลก หลังพบการระบาดครั้งแรกในเมืองอู่ฮั่น ทางตอนกลางของจีนในช่วงปลายปี 2562 ด้านสหรัฐเรียกร้องให้การสืบสวนที่นำโดยองค์การอนามัยโลกมีความโปร่งใส และตำหนิองค์การอนามัยโลกที่ปล่อยให้นักวิทยาศาสตร์จีนดำเนินการวิจัยเบื้องต้นไปก่อน รอยเตอร์ระบุว่า ก่อนที่ทีมผู้เชี่ยวชาญขององค์การอนามัยโลกจะเดินทางถึงจีน รัฐบาลจีนได้พยายามเปลี่ยนเรื่องราวเกี่ยวกับเวลาและสถานที่ที่เริ่มเกิดการแพร่ระบาด นายหวัง อี้ รัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศของจีนอ้างว่า ผลการศึกษาหลายต่อหลายชิ้นชี้ว่า เชื้อไวรัสโคโรนาเกิดขึ้นในหลายภูมิภาคทั่วโลกก่อนจีน. -สำนักข่าวไทย

จีนป่วยโควิดใหม่สองเท่า คุมเข้มก่อนตรุษจีน

ปักกิ่ง 10 ม.ค.- จีนพบผู้ป่วยโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 รายใหม่วานนี้เพิ่มขึ้นสองเท่าจากวันก่อน ทางการเตรียมออกมาตรการคุมเข้มการระบาดก่อนถึงเทศกาลตรุษจีนที่จะมีการเดินทางและจับจ่ายมากกว่าปกติ คณะกรรมาธิการสุขภาพแห่งชาติของจีนแถลงวันนี้ว่า เมื่อวานนี้พบผู้ป่วยใหม่ 69 ราย เพิ่มขึ้นสองเท่าจากวันศุกร์ที่พบ 33 ราย ผู้ป่วยใหม่วานนี้ 21 คนมาจากต่างประเทศ และ 48 คนเป็นการติดเชื้อในประเทศ ในจำนวนนี้ 46 คนอยู่ในมณฑลเหอเป่ย์ ทางเหนือของประเทศติดกับกรุงปักกิ่งที่ถูกประกาศให้เป็นเขตสงครามเพราะพบการระบาดใหม่แบบเป็นกลุ่มก้อน นอกจากนี้ยังพบผู้ป่วยไม่แสดงอาการ 27 คน ลดลงจาก 38 คนเมื่อวันก่อน แต่จีนไม่รวมผู้ป่วยเหล่านี้ไว้ในตัวเลขผู้ป่วยที่ได้รับการยืนยันแล้ว ยอดผู้ป่วยสะสมในจีนนับตั้งแต่ปลายปี 2562 จนถึงขณะนี้อยู่ที่ 87,433 คน เสียชีวิต 4,634 คน ขณะเดียวกันทางการจีนจะเข้มงวดการเดินทางช่วงรอยต่อฤดูหนาวเข้าสู่ฤดูใบไม้ผลิ โดยเฉพาะช่วงเทศกาลตรุษจีนที่จะเริ่มในวันที่ 12 กุมภาพันธ์ เพื่อยับยั้งการแพร่ระบาด ขอให้คนงดการเดินทางกลับบ้านเกิด ส่งเสริมให้คนจับจ่ายออนไลน์แทนการไปตลาด จัดตารางวันหยุดฤดูหนาวและการเปิดภาคเรียนฤดูใบไม้ผลิอย่างรอบคอบ ขยายการตรวจหาเชื้อไวรัสให้มากขึ้นและถี่ขึ้น เข้มงวดการตรวจตราคนลอบเข้าประเทศ ป้องกันการติดเชื้อโรคอื่นในสถานพยาบาล จำกัดการรวมกลุ่มตามงานเลี้ยงและสถานที่ท่องเที่ยว.-สำนักข่าวไทย

ไอเอ็มเอฟปรับลดการขยายตัวเศรษฐกิจจีนเหลือ 7.9%

กองทุนการเงินระหว่างประเทศ หรือ ไอเอ็มเอฟ ปรับลดการคาดหมายการขยายตัวทางเศรษฐกิจของจีนในปี 2021 ไปอยู่ที่ร้อยละ 7.9 หลังจากเมื่อปีที่แล้วเกิดค่าใช้จ่ายในด้านทรัพยากรมนุษย์และเศรษฐกิจอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งเป็นผลมาจากวิกฤติการณ์การระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019

จีนจะจัดหาวัคซีนโควิดให้ประชาชนฟรี

เจ้าหน้าที่รัฐบาลจีนเปิดเผยวันนี้ว่า รัฐบาลจีนจะจัดหาวัคซีนป้องกันการติดเชื้อไวรัสโดโรนา 2019 ให้กับประชาชนโดยที่ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย หลังจากที่มีวัคซีนสำหรับฉีดให้กับประชาชนแล้ว

จีนตำหนิสหรัฐส่งทูตเยือนไต้หวันสัปดาห์หน้า

ไทเป 8 ม.ค. – นางเคลลี คราฟต์ เอกอัครทูตสหรัฐประจำสหประชาชาติจะเดินทางเยือนไต้หวันในระหว่างวันที่ 13-15 ม.ค. เพื่อประชุมร่วมกับเจ้าหน้าที่ระดับสูงของไต้หวัน ขณะที่จีนแสดงความไม่พอใจและกล่าวตำหนิการกระทำดังกล่าว คณะผู้แทนสหรัฐประจำสหประชาชาติระบุในแถลงการณ์ว่า นางคราฟต์จะเดินทางเยือนไต้หวันเพื่อสร้างความแข็งแกร่งของรัฐบาลสหรัฐ และสนับสนุนโครงการพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศระหว่างประเทศของไต้หวันที่ร่วมมือกับสหรัฐตามหลักนโยบายจีนเดียว ซึ่งเป็นไปตามกฎหมายความสัมพันธ์ไต้หวันปี 2522 แถลงการณ์ร่วม 3 ฉบับของสหรัฐกับจีน และหลักประกัน 6 ประการของนโยบายสหรัฐต่อไต้หวัน แม้ว่าสหรัฐไม่ได้สานสัมพันธ์ทางการทูตอย่างเป็นทางการกับไต้หวันเช่นเดียวกับประเทศส่วนใหญ่ แต่ก็เป็นผู้สนับสนุนรายใหญ่ของไต้หวันในด้านการจัดหาอาวุธ และช่วยเหลือไต้หวันในการป้องกันตนเองภายใต้กฎหมายความสัมพันธ์ไต้หวันปี 2522 ในขณะเดียวกัน ทางการจีนได้ออกมาคัดค้านการเดินทางเยือนไต้หวันของนางคราฟต์อย่างเต็มที่ คณะผู้แทนจีนประจำสหประชาชาติเตือนสหรัฐว่า ผู้ใดก็ตามที่เล่นกับไฟก็จะโดนไฟเผาไหม้เอาได้ และสหรัฐจะต้องชดใช้อย่างหนักจากการกระทำที่ผิด นอกจากนี้ จีนขอเตือนสหรัฐให้หยุดการการกระทำที่ยั่วยุรุนแรง การเพิ่มปัญหาใหม่ในความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐกับจีน การสร้างความขัดแย้งของทั้งสองประเทศในความร่วมมือขององค์การสหประชาชาติหรือยูเอ็น รวมถึงการหยุดเดินออกนอกลู่นอกทาง.-สำนักข่าวไทย

ออสเตรเลียเรียกร้องจีนยอมให้ดับเบิลยูเอชโอสืบที่มาโควิด

แคนเบอร์รา 7 ม.ค. – ออสเตรเลียเรียกร้องจีนอนุญาตให้เจ้าหน้าที่ขององค์การอนามัยโลกเข้าไปตรวจสอบสาเหตุการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 ในทันที นางมาริส เพย์น รัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศของออสเตรเลียกล่าวว่า รัฐบาลออสเตรเลียต้องการให้ทางการจีนอนุญาตให้ทีมงานขององค์การอนามัยโลกเดินทางเข้าประเทศได้ในทันที ทั้งยังกล่าวเน้นย้ำถึงความสำคัญของการศึกษาทางวิทยาศาสตร์ที่จำเป็นต้องให้องค์การอนามัยโลกมีส่วนร่วม และว่า รัฐบาลออสเตรเลียคาดหวังจะได้เห็นผลการศึกษาที่เกิดขึ้นจากความร่วมมือของนานาชาติในจีน ออสเตรเลียเป็นหนึ่งในประเทศที่เป็นแกนนำในการออกมาเรียกร้องให้เกิดการตรวจสอบอย่างเป็นอิสระเพื่อหาที่มาของโรคโควิด-19 ซึ่งทำให้ความสัมพันธ์ของทั้งสองประเทศร้าวฉาน จีน ซึ่งเป็นพันธมิตรทางการค้าชั้นนำของออสเตรเลียได้ประกาศจำกัดการนำเข้าเนื้อวัวจากออสเตรเลีย เพิ่มอัตราภาษีศุลกากรของไวน์ออสเตรเลีย รวมถึงสั่งให้โรงงานในจีนหยุดซื้อฝ้ายจากออสเตรเลียอีกด้วย ในช่วงต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา ผู้อำนวยการองค์การอนามัยโลกกล่าวว่า เขารู้สึกผิดหวังอย่างมากที่จีนยังคงไม่อนุญาตให้ทีมผู้เชี่ยวชาญด้านโรคโควิด-19 จากนานาประเทศเดินทางเข้าประเทศ ทั้งนี้ คนส่วนใหญ่เชื่อว่าเชื้อไวรัสโคโรนาแพร่ระบาดครั้งแรกที่เมืองอู่ฮั่นในช่วงปลายปี 2562 ก่อนที่จะแพร่กระจายไปทั่วโลก ซึ่งทำให้มีผู้ป่วยติดเชื้อสะสมกว่า 86 ล้านคนและผู้เสียชีวิตกว่า 1.8 ล้านคน.-สำนักข่าวไทย

1 253 254 255 256 257 547
...