จีน

ปักกิ่ง 22 ก.ค. – เด็กชายจีน วัย 12 ปี ตัดสินใจขโมยรถยนต์พ่อ และขับรถพาน้องสาวนั่งรถเล่น เนื่องจากทั้งสองรู้สึกเบื่อ ก่อนตำรวจพบตัวเด็กทั้งคู่ที่อีกมณฑลหนึ่ง ซึ่งอยู่ห่างออกไปถึง 200 กิโลเมตร โดยมีช่วงหนึ่งที่เด็กชายขับรถด้วยความเร็วถึง 120 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เว็บไซต์ข่าวเดอะเปเปอร์ (The Paper) ของจีน รายงานว่า เด็กชายชาวเมืองหูโจวในมณฑลเจ้อเจียง ทางตะวันออกของจีน ใช้น้องสาวให้ไปขโมยกุญแจรถยนต์เอสยูวีในขณะที่พ่อแม่ของทั้งสองคนออกไปทำงานเมื่อวันจันทร์ โดยที่เด็กชายขับรถพาน้องสาวออกจากบ้านเมื่อเวลา 10.00 น. จากนั้น พ่อของเด็กกลับถึงบ้านในเวลา 12.00 น. ของวันเดียวกัน แต่พบว่าลูก ๆ และรถยนต์หายไปจากบ้าน เขาจึงรีบโทรแจ้งตำรวจเพื่อรายงานเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตำรวจของมณฑลเจ้อเจียงได้ออกตามหารถยนต์คันดังกล่าวจนพบตัวเด็กชายและน้องสาวที่มณฑลเจียงซู ซึ่งอยู่ห่างจากมณฑลเจ้อเจียงราว 200 กิโลเมตร เด็กชายรับสารภาพกับตำรวจว่า เขาเริ่มรู้สึกกลัวหลังขับรถไปได้ระยะหนึ่งจนต้องเลี้ยวรถออกจากถนนทางหลวงและหยุดจอดรถที่ลานจอดรถใกล้โรงเรียนแห่งหนึ่งก่อนตำรวจพบตัวเขากับน้องสาวในเวลาต่อมา ขณะที่ภาพจากกล้องวงจรปิดเผยให้เห็นว่า เด็กชายขับรถคันดังกล่าวบนทางหลวงในมณฑลเจ้อเจียงด้วยความเร็วถึง 120 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และมีอีกคลิปหนึ่งที่แสดงให้เห็นว่า เด็กชายขับรถเลี้ยวปาดหน้ารถยนต์อีกคัน จนทำให้ผู้ขับรถคันนั้นต้องหักหลบกะทันหัน เด็กชายคนดังกล่าวยังระบุว่า เขาใช้น้องสาวไปขโมยกุญแจรถยนต์ของพ่อ และขับรถโดยใช้ประสบการณ์จากการสังเกตเวลาพ่อขับรถ รวมถึงการเล่นเกมขับรถยนต์ […]

ซิดนีย์ 20 ก.ค. – ออสเตรเลียพบร่องรอยการระบาดของโรคปากและเท้าเปื่อยจากผลิตภัณฑ์หมูหย็องนำเข้าจากจีน จนทำให้เกิดความวิตกกังวลเกี่ยวกับการระบาดของโรคดังกล่าวที่อาจส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมเนื้อสัตว์ในประเทศ กระทรวงเกษตร ประมง และป่าไม้ ของออสเตรเลีย เผยวันนี้ว่า กระทรวงฯ ตรวจพบชิ้นส่วนไวรัสโรคปากและเท้าเปื่อยในตัวอย่างส่งตรวจหมูหย็องที่วางขายในนครเมลเบิร์น และยังพบเชื้อโรคอหิวาต์แอฟริกาในสุกรจากตัวอย่างส่งตรวจเดียวกันนี้ด้วย แม้ผลทดสอบดังกล่าวชี้ว่า เชื้อไวรัสในตัวอย่างส่งตรวจเป็นเชื้อตาย แต่เจ้าหน้าที่ของทางการออสเตรเลียก็ได้สั่งเก็บผลิตภัณฑ์หมูหย็องทั้งหมดที่เชื่อมโยงกับซูเปอร์มาร์เก็ตและคลังสินค้าในนครเมลเบิร์น อย่างไรก็ดี กระทรวงฯ ระบุว่า โรคปากและเท้าเปื่อยและโรคอหิวาต์แอฟริกาไม่เป็นอันตรายต่อมนุษย์ และได้สั่งการให้ท่าอากาศยานนานาชาติในออสเตรเลียจัดจุดวางพรมฆ่าเชื้อโรคบนพื้นรองเท้าในสัปดาห์นี้ ทั้งนี้ โรคปากและเท้าเปื่อยเป็นโรคที่แพร่ระบาดรุนแรงในสัตว์จำพวกวัว ควาย แกะ แพะ และหมู หนังสือพิมพ์ ดิ ออสเตรเลียน ของออสเตรเลีย รายงานอ้างคำพูดของนายเมอร์เรย์ วัตต์ รัฐมนตรีกระทรวงเกษตร ประมง และป่าไม้ ของออสเตรเลียว่า ผลิตภัณฑ์หมูหย็องที่พบเชื้อโรคปากและเท้าเปื่อยและอหิวาต์แอฟริกาเป็นสินค้าที่นำเข้าจากจีน ขณะที่สภาอุตสาหกรรมเนื้อสัตว์ของออสเตรเลียระบุในแถลงการณ์ว่า ข้อมูลดังกล่าวแสดงให้เห็นว่า ความเสี่ยงจากการระบาดของโรคทั้งสองไม่ได้เชื่อมโยงกับการระบาดของโรคปากและเท้าเปื่อยในอินโดนีเซียเพียงที่เดียว แต่ยังอาจมาจากประเทศอื่น ๆ อีกด้วย. -สำนักข่าวไทย

ปักกิ่ง 20 ก.ค. – เจ้าหน้าที่ของทางการจีนออกมากล่าวขอโทษประชาชนที่อาศัยในอพาร์ตเมนต์แห่งหนึ่งที่อยู่ภายใต้มาตรการล็อกดาวน์ในนครกว่างโจวของมณฑลกวางตุ้ง ทางตอนใต้ของจีน หลังเจ้าหน้าที่ได้ทำลายกลอนล็อกประตูกว่า 84 ห้องพักในอะพาร์ตเมนต์แห่งนี้เพื่อค้นหาผู้ที่มีประวัติสัมผัสใกล้ชิดผู้ป่วยโควิด บรรษัทแพร่ภาพกระจายเสียงอังกฤษ หรือบีบีซี รายงานว่า มีผู้พักอาศัยจำนวนมากติดเชื้อโควิดที่อะพาร์ตเมนต์ในนครกว่างโจว ทำให้เจ้าหน้าที่ของทางการท้องถิ่นต้องเข้าไปติดตามและค้นหาผู้มีประวัติสัมผัสใกล้ชิดผู้ป่วยโควิดที่อาจหลบซ่อนตัวอยู่ในห้องพักเพื่อหลีกเลี่ยงการกักตัวที่ศูนย์กักตัวของทางการจีน ขณะที่สำนักข่าวท้องถิ่นของจีนรายงานว่า เจ้าหน้าที่ของทางการนครกว่างโจวได้ทำลายกลอนล็อกประตูกว่า 84 ห้องในอะพาร์ตเมนต์ดังกล่าว เพื่อค้นหาผู้มีประวัติสัมผัสใกล้ชิดผู้ป่วยโควิด เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม หลังมีรายงานพบผู้ป่วยโควิดจำนวนมากที่อะพาร์ตเมนต์แห่งนี้ อย่างไรก็ดี ทางการนครกว่างโจวระบุว่า จะจ่ายเงินชดเชยค่าเสียหายให้แก่เจ้าของห้องพักทุกคน เหตุการณ์นี้ถูกวิพากษ์วิจารณ์เป็นวงกว้างในสื่อโซเชียลมีเดียของจีน ผู้ใช้งานสื่อโซเชียลมีเดียหลายรายโพสต์แสดงความรู้สึกไม่พอใจและเรียกร้องให้ทางการจีนลงโทษเจ้าหน้าที่ผู้ก่อเหตุในความผิดฐานบุกรุกบ้านเรือนโดยผิดกฎหมาย ส่วนเมื่อวานนี้ทางการนครกว่างโจวได้ออกมากล่าวขอโทษประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากเหตุดังกล่าวว่า การบุกเข้าห้องพักโดยไม่ได้รับอนุญาตถือเป็นการกระทำที่เกินกว่าเหตุไปจากข้อกำหนดเพื่อป้องกันการระบาดของโรคโควิด-19 ทางการจะเร่งสอบสวนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและลงโทษเจ้าหน้าที่ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ในครั้งนี้. -สำนักข่าวไทย

มะนิลา 19 ก.ค. – ฟิลิปปินส์กำลังพิจารณาทำข้อตกลงนำเข้าปุ๋ยจากผู้ผลิตปุ๋ยรายใหญ่ของโลก เช่น จีนกับรัสเซีย เพื่อลดต้นทุนด้านการเกษตรและเพิ่มผลผลิตอาหารท่ามกลางภาวะเงินเฟ้อสูง ทำเนียบประธานาธิบดีฟิลิปปินส์ระบุในแถลงการณ์วันนี้ว่า ประธานาธิบดีมาร์กอส เฟอร์ดินานด์ จูเนียร์ ของฟิลิปปินส์ ได้วางแผนทำข้อตกลงนำเข้าปุ๋ยในราคาที่เหมาะสมจากจีน รัสเซีย อินโดนีเซีย สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และมาเลเซีย ประธานาธิบดีมาร์กอสได้ให้คำมั่นว่าจะเดินหน้านโยบายกระตุ้นผลผลิตทางการเกษตรภายใน 6 เดือนข้างหน้า และต้องการให้ฟิลิปปินส์ลดพึ่งพาการนำเข้าอาหาร รวมถึงหลีกเลี่ยงผลกระทบรุนแรงจากปัญหาวิกฤตอาหารที่เกิดขึ้นทั่วโลก ทั้งนี้ ผู้นำฟิลิปปินส์เตรียมแจ้งให้ประเทศผู้ผลิตปุ๋ยทั้งห้ารายทราบถึงปริมาณปุ๋ยที่ฟิลิปปินส์ต้องการนำเข้าในเร็ว ๆ นี้ ปัจจุบันฟิลิปปินส์ใช้ปุ๋ยราวปีละ 2.5 ล้านตัน ก่อนหน้านี้ เจ้าหน้าที่กระทรวงเกษตรของฟิลิปปินส์เตือนว่า ราคาข้าวในประเทศที่พุ่งสูงขึ้นในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้าเป็นผลมาจากราคาปุ๋ยที่แพงขึ้นจากปัญหาสงครามยูเครนที่ทำให้ปริมาณปุ๋ยในตลาดทั่วโลกลดลง ขณะนี้ ฟิลิปปินส์มีอัตราเงินเฟ้อโดยเฉลี่ยสูงถึงร้อยละ 4.4 ในช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้ สูงกว่าที่ทางการคาดไว้ที่ร้อยละ 2-4 และมีอัตราเงินเฟ้อสูงถึงร้อยละ 6.1 ในเดือนมิถุนายน ซึ่งทำสถิติสูงสุดในรอบเกือบ 4 ปี. -สำนักข่าวไทย

ปักกิ่ง 18 ก.ค. – สำนักงานอุตุนิยมวิทยาของจีน ระบุว่า พื้นที่ส่วนใหญ่ของจีนอาจเผชิญกับคลื่นความร้อนอีกครั้งในสัปดาห์นี้ ซึ่งอาจยาวนานจนถึงช่วงปลายเดือนสิงหาคม แม้ว่าจีนมีฝนตกตามฤดูกาลเป็นช่วงสั้น ๆ อยู่ในขณะนี้ สำนักงานอุตุนิยมวิทยาของจีนประกาศเมื่อวันอาทิตย์ว่า คาดว่าพื้นที่ทางตอนใต้ของจีน เช่น มณฑลเจียงซี เจ้อเจียง และฝูเจี้ยน จะมีอุณหภูมิระหว่าง 39-42 องศาเซลเซียสตั้งแต่วันพุธเป็นต้นไป คลื่นความร้อนระลอกล่าสุดนี้มีระยะเวลาตั้งแต่ 16 ก.ค.-24 ส.ค. ทำให้ปีนี้จีนต้องเผชิญกับคลื่นความร้อนนานขึ้นเป็น 40 วัน จากปกติที่ต้องเผชิญ 30 วัน ขณะที่สำนักข่าวรอยเตอร์สรายงานว่า จีนมีอุณหภูมิเฉลี่ยสูงถึง 35 องศาเซลเซียสในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา จนทำให้ท้องถนนหลายแห่งเสียหายและมีประชาชนหลายรายต้องเข้าโรงพยาบาลด้วยโรคลมแดด ในขณะเดียวกัน สำนักงานอุตุนิยมวิทยาของฮ่องกง ได้ประกาศแจ้งเตือนในวันนี้ว่า ฮ่องกงจะเผชิญกับสภาพอากาศร้อนจัดอีกครั้งเช่นกัน ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่สำนักงานอุตุนิยมวิทยาของจีนระบุว่า หลายเมืองของจีนมีอุณหภูมิสูงขึ้นเรื่อย ๆ ในช่วง 30 ปีที่ผ่านมา ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญหลายคนชี้ว่าอุณหภูมิที่สูงขึ้นเป็นผลมาจากปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ. -สำนักข่าวไทย