รมว.ท่องเที่ยวฯ เล็งถกบอยคอต ห้ามกัมพูชาลุยซีเกมส์

25 ก.ค. – รมว.ท่องเที่ยวและกีฬา เตรียมหารือร่วมกับมนตรีซีเกมส์ ถึงการ “บอยคอต” ห้ามนักกีฬาจากกัมพูชามาแข่งขันซีเกมส์ ที่ไทยเป็นเจ้าภาพ หลังเกิดเหตุปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา นายสรวงศ์ เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวถึงสถานการณ์การปะทะกันบริเวณชายแดนไทย – กัมพูชา ซึ่งอาจจะเป็นเหตุให้มีปัญหาต่อเนื่องมาถึงช่วงที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 33 ระหว่างวันที่ 9-20 ธันวาคม นายสรวงศ์ กล่าวว่า ถือเป็นข้อห่วงใย ซึ่งตนในฐานะรัฐมนตรี ต้องดูแล และได้ประสานไปยังประธานมนตรีซีเกมส์แล้ว เรื่องนี้ต้องมีการหารือกันแน่นอน โดยต้องดูว่า จะเข้าไปแทรกแซงได้อย่างไร หรือจะบอยคอตอย่างไร เพราะถือเป็นเรื่องสำคัญ เนื่องจากมีความสูญเสียของพี่น้องประชาชนเกิดขึ้น แม้แต่การจะเดินทางมาแข่งขันของนักกีฬากัมพูชาเอง บางทีอาจจะไม่ปลอดภัยด้วยซ้ำ ดังนั้น มองว่า ต้องให้เวลาเยียวยา ขณะนี้เหลืออีก 5 เดือนจะถึงซีเกมส์ ถ้าสถานการณ์ไม่บานปลาย ตนในฐานะรัฐมนตรี ไม่มีอำนาจอะไรไปห้ามเขามาแข่ง แต่เป็นเรื่องของคณะมนตรีซีเกมส์ นายสรวงศ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า หลังเกิดเหตุขึ้น โอลิมปิกกัมพูชายังไม่ได้ติดต่อมาคุยเรื่องนี้ ล่าสุดที่มีการติดต่อกันคือ รัฐมนตรีกีฬากัมพูชา ได้ทำหนังสือขอโทษมายังมนตรีซีเกมส์แล้วเรื่องใช้โลโก้ซีเกมส์ผิด.-สำนักข่าวไทย

จ่อยื่น IPU ข้อเท็จจริงปมปะทะชายแดน ประณาม “กัมพูชา”

รัฐสภา 25 ก.ค.-สหภาพรัฐสภาไทย ออกแถลงการณ์ประณาม “กัมพูชา” ใช้ความรุนแรง ทำ ปชช. ไทยเสียชีวิต เตรียมยื่นถึง IPU กว่า 181 ประเทศให้รับทราบข้อเท็จจริง พร้อมแสดงความวิตกต่อสถานการณ์ ชี้ เป็นช่องทางลดปัญหาความขัดแย้ง หวัง สองประเทศเจรจาบนโต๊ะภาคีอีกครั้ง นายนพดล อินนา สมาชิกวุฒิสภา และกรรมการบริหารหน่วยประจำชาติไทยในสหภาพรัฐสภา (IPU) ได้อ่านถ้อยแถลงประจำชาติไทยใน IPU ว่า หน่วยประจําชาติไทยในสหภาพรัฐสภา ขอแสดงความกังวลอย่างยิ่ง และขอประณามการใช้ความรุนแรงที่เกิดขึ้นตามแนวชายแดนโดยรัฐบาลกัมพูชาซึ่งส่งผลให้ เกิดความสูญเสียและบาดเจ็บต่อประชาชนผู้บริสุทธิ์จำนวนมาก ประเทศไทยขอยืนยันพันธกรณีอันแน่วแน่ของตนตามอนุสัญญาออตาวา และพันธกรณีระหว่างประเทศที่เกี่ยวข้องอื่น ๆ รวมถึง อนุสัญญาเจนีวา และกฎหมาย มนุษยธรรมระหว่างประเทศ ซึ่งห้ามการใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคลและการโจมตีต่อพลเรือนและโรงพยาบาลโดยเด็ดขาด ประเทศไทยขอยืนยันอย่างหนักแน่นว่า ไทยมิได้เป็นฝ่ายเริ่มใช้กําลังหรือเผชิญหน้าก่อนแต่อย่างใด ประเทศไทยเป็นเหยื่อต่อการกระทําอันก้าวร้าวโดยไม่มีการ ยั่วยุ และการคุกคามต่อสันติภาพ ซึ่งรวมถึงการใช้กับระเบิด อาวุธหนักและการโจมตีเป้าหมายพลเรือนโดยไม่เลือกของกัมพูชา ประเทศไทยกระทําการเพื่อป้องกันตนเอง และคุ้มครองความปลอดภัยของประชาชนตามสิทธิ์ที่ได้รับการรับรองในกฎหมายระหว่างประเทศ ประเทศไทยขอเรียกร้องให้ยุติการใช้ความรุนแรง ระหว่างประเทศ และยุติการกระทําอันเป็นปรปักษ์ ซึ่งเป็นไปตามพันธกรณีระหว่างประเทศ หน่วยประจำชาติไทยในสหภาพรัฐสภาขอเรียกร้องผ่านประชาคมระหว่างประเทศ และสหภาพรัฐสภา (Inter-Parliamentary Union […]

สมช. ประณามกัมพูชาใช้กำลังอาวุธโจมตีไม่เลือกเป้า

ทำเนียบ 25 ก.ค.-สมช. ประณามเหตุการณ์ที่ฝ่ายกัมพูชาใช้กำลังอาวุธโจมตี โดยไม่เลือกเป้าหมายที่กระทบต่อพลเรือน สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ขอแสดงความเสียใจไปยังครอบครัวผู้สูญเสีย ผู้ได้รับบาดเจ็บ และผู้ที่ได้รับผลกระทบต่อกรณีฝ่ายกัมพูชารุกล้ำละเมิดอธิปไตยของไทย สมช. ขอประณามเหตุการณ์ที่ฝ่ายกัมพูชาใช้กำลังอาวุธโจมตี โดยไม่เลือกเป้าหมายที่กระทบต่อพลเรือน ถือว่าเป็นการกระทำ ที่ขัดต่อหลักมนุษยธรรม กฎหมายระหว่างประเทศ และกระทบต่อความมั่นคงของชาติ สมช. ยืนหยัดทำหน้าที่อย่างเต็มที่ เพื่อการดำรงชีวิตโดยปกติของประชาชนชาวไทย การรักษาสันติภาพระหว่างประเทศ และขอเป็นกำลังใจให้ทหารและผู้ปฏิบัติงานทุกท่าน.-314.-สำนักข่าวไทย

กองทัพบก ปฏิเสธข้อกล่าวหาใช้ F-16 โจมตีพลเรือนกัมพูชา

กทม. 25 ก.ค.-กองทัพบก ปฏิเสธข้อกล่าวหาใช้ F-16 โจมตีพลเรือนกัมพูชา ดูออก หวังผลเวทีโลก ชี้ไทยใช้ปฏิบัติการทางทหารจำกัดวงแค่เป้าหมายที่ภัยคุกคาม แฉข้อมูลกัมพูชาตั้งจุดยิงอาวุธใกล้ชุมชน หวังใช้พลเรือนเป็นโล่กำบัง ลั่นอาวุธไทยมีประสิทธิภาพ ไม่เหมือนกัมพูชาขาดความแม่นยำ เมื่อเวลา 12.36 น. พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก ชี้แจงกรณีสื่อกัมพูชากล่าวหาว่าไทยใช้อากาศยานโจมตีเป้าหมายพลเรือน ตามที่มีรายงานข่าวจากสื่อบางแห่งในประเทศกัมพูชา ระบุว่าประเทศไทยใช้เครื่องบินรบ F-16 ติดอาวุธโจมตีฐานทัพ และพื้นที่พลเรือนในฝั่งกัมพูชา กองทัพบกขอปฏิเสธข้อกล่าวหาดังกล่าวโดยสิ้นเชิง และเห็นว่าเป็น ข่าวบิดเบือน (Disinformation) ที่อาจถูกใช้เพื่อหวังผลต่อการรับรู้ในเวทีต่างประเทศ จึงขอชี้แจงข้อเท็จจริงตามลำดับดังนี้ 1.ยืนยันฝ่ายไทยใช้ปฏิบัติการทางทหารดำเนินการต่อเป้าหมายทางทหารเป็นหลัก จำกัดวงอยู่เฉพาะเป้าหมายที่เป็นภัยคุกคามทางทหาร ดำเนินการอย่างระมัดระวัง ภายใต้ หลักการป้องกันตนเองตามกฎหมายระหว่างประเทศ และกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ (IHL) 2.มีข้อมูลด้านการข่าวระบุว่า ฝ่ายกัมพูชา พยายามตั้งจุดยิงอาวุธสนับสนุน เช่น ปืนใหญ่ และจรวด ใกล้พื้นที่ชุมชน เข้าข่ายเป็นการใช้ “ใช้พลเรือนเป็นโล่กำบัง” (Human Shields) ซึ่ง ขัดต่อหลักมนุษยธรรมอย่างร้ายแรง 3.ไทยหลีกเลี่ยงเป้าหมายที่อาจกระทบพลเรือน แม้จะมีสิทธิในการตอบโต้ตามหลักการป้องกันตนเอง แต่ฝ่ายไทยพยายามไม่ดำเนินการทางทหารต่อเป้าหมายที่ตั้งอยู่ในพื้นที่เสี่ยงต่อพลเรือน โดยไม่จำเป็น […]

ทูตไทยจ่อแถลงข้อเท็จจริง UNSC ประชุมฉุกเฉิน 25 ก.ค.นี้

นิวยอร์ก 25 ก.ค.-ทูตไทยเตรียมแถลงข้อเท็จจริง UNSC ประชุมฉุกเฉิน 25 ก.ค. ส่งหนังสือแจงนานาชาติ ก่อนเตรียมแจงในที่ประชุม ยันกัมพูชาวางทุ่นระเบิดและเปิดฉากยิงใส่ฐานทหารไทยที่ตาเมือนธม จ.สุรินทร์ ของไทยก่อน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คณะผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติได้ดำเนินการในส่วนของไทยทันที หลังเกิดเหตุปะทะที่ชายแดนไทย-กัมพูชา วานนี้ (24 ก.ค.)โดยมีการส่งหนังสือออกไป 3 ฉบับ ฉบับแรกเป็นหนังสือชี้แจงข้อเท็จจริงเพื่อตอบโต้ข้อกล่าวอ้างของนายกรัฐมนตรีกัมพูชาจากไทย ให้กับนายอาซิม อิฟติคาร์ อาหมัด เอกอัครราชทูต ผู้แทนถาวรปากีสถานประจำสหประชาชาติ ในฐานะประธาน UNSC ในปัจจุบัน พร้อมกันนี้ยังได้ส่งหนังสือชี้แจงข้อเท็จจริงของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้คณะผู้แทนถาวรของสมาชิกสหประชาชาติทั้งหมดรับทราบด้วย ขณะเดียวกัน คณะผู้แทนถาวรไทยยังได้ส่งหนังสือไปถึงนายอันโตนิอู กุแตเรซ เลขาธิการสหประชาชาติ เพื่อแจ้งเหตุการละเมิดอนุสัญญาออตตาวา ซึ่งเป็นอนุสัญญาว่าด้วยการห้ามใช้ เก็บสะสม ผลิต และถ่ายโอนทุ่นระเบิดสังหารบุคคล และการทำลายทุ่นระเบิดดังกล่าว ต่อกรณีที่ทหารไทยเหยียบกับระเบิดจนขาขาดในวันที่ 16 และ 23 กรกฎาคม ซึ่งทุ่นระเบิดที่พบเป็นของที่เพิ่งถูกวางใหม่ และยังมีการเกิดเหตุซ้ำแม้ว่าไทยจะมีการเก็บกู้ทุ่นระเบิดไปก่อนหน้านี้หลังเกิดเหตุครั้งแรกแล้วก็ตาม จึงขอให้มีการดำเนินการสอบสวนตามข้อกำหนดในอนุสัญญา และขอให้กัมพูชาชี้แจงข้อเท็จจริงต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในดินแดนไทยอีกด้วย ทั้งนี้ UNSC จะจัดให้มีการประชุมฉุกเฉินแบบที่เรียกว่า private meeting ซึ่งเป็นการประชุมปิดที่ใช้เวลาราว […]

องค์กรสื่อห่วงความปลอดภัยประชาชนและสื่อมวลชน

กรุงเทพ 25 ก.ค. – จากสถานการณ์การสู้รบที่ปะทุขึ้นในหลายพื้นที่บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งส่งผลให้มีประชาชนชาวไทยได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตรวมถึงความเสียหายต่อทรัพย์สินพลเรือนในหลายพื้นที่ สภาการสื่อมวลชนแห่งชาติ สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย และสหภาพแรงงานกลางสื่อมวลชนไทย ได้ร่วมกันออกแถลงการณ์แสดงความห่วงใยอย่างยิ่งต่อสถานการณ์ดังกล่าว แถลงการณ์ระบุถึงความกังวลต่อความปลอดภัยของประชาชน และไม่ต้องการให้เกิดความสูญเสียไปมากกว่านี้ นอกจากนี้ ยังแสดงความห่วงใยต่อสวัสดิภาพของเพื่อนสื่อมวลชนที่กำลังปฏิบัติหน้าที่รายงานข่าวในพื้นที่เสี่ยงภัย โดยเน้นย้ำให้สื่อมวลชนใช้ความระมัดระวังสูงสุด ปฏิบัติตามคำแนะนำของเจ้าหน้าที่ และยึดแนวปฏิบัติของสภาการสื่อมวลชนแห่งชาติว่าด้วยการนำเสนอข่าวสงครามหรือการสู้รบระหว่างประเทศ พ.ศ. 2565 อย่างเคร่งครัด หลักปฏิบัติสำคัญสำหรับสื่อมวลชนในการนำเสนอข่าวสถานการณ์สู้รบ องค์กรวิชาชีพสื่อมวลชนได้สรุปแนวปฏิบัติสำคัญ 7 ข้อ เพื่อให้สื่อมวลชนใช้เป็นหลักในการรายงานข่าวสถานการณ์การสู้รบ ดังนี้: นำเสนอตามข้อเท็จจริง: ต้องนำเสนอข่าวตามข้อเท็จจริงเท่านั้น หลีกเลี่ยงการนำเสนอข้อมูลหรือความคิดเห็นที่อาจนำไปสู่ความเข้าใจผิด ความเกลียดชัง และอคติ ระมัดระวังภาพและคลิปความรุนแรง: ควรระมัดระวังการนำเสนอภาพหรือคลิปความสูญเสียที่สยดสยองหรือหวาดเสียว โดยคำนึงถึงประโยชน์สาธารณะและเคารพในศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ หลีกเลี่ยงการใช้ความสูญเสียในสงครามเพื่อกระตุ้นยอดขายหรือยอดผู้ชม ระบุแหล่งที่มาและบริบทชัดเจน: ต้องระบุแหล่งที่มาของภาพ คลิปวิดีโอ หรือข้อมูลจากโซเชียลมีเดียให้ชัดเจนก่อนนำเสนอ เพื่อป้องกันการใช้ข้อมูลที่ไม่เกี่ยวข้องหรือคลาดเคลื่อนจากข้อเท็จจริง กรณีใช้แฟ้มภาพข่าว ควรกำหนดวันที่และบริบทให้ชัดเจน ไม่เปิดเผยข้อมูลทางยุทธศาสตร์: ห้ามนำเสนอข่าวหรือภาพข่าวที่เปิดเผยข้อมูลรายละเอียดทางยุทธศาสตร์หรือยุทธวิธี ซึ่งอาจกระทบต่อการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง ยึดหลักมนุษยธรรมและกฎหมายระหว่างประเทศ: ควรเสนอข่าวโดยให้ความสำคัญต่อหลักมนุษยธรรม สิทธิมนุษยชน และกฎหมายระหว่างประเทศว่าด้วยกฎระเบียบสงคราม (Rules of war) เช่น การใช้กำลังที่เหมาะสม การหลีกเลี่ยงความสูญเสียของพลเรือน […]

ความขัดแย้งไทย-กัมพูชาอาจบานปลายได้

ปักกิ่ง 25 ก.ค. – ผู้เชี่ยวชาญด้านกิจการทหารของจีนกล่าววานนี้ว่า การปะทะกันระหว่างไทยกับกัมพูชากำลังทวีความรุนแรงขึ้นด้วยการนำอาวุธหนัก เช่น เครื่องบินรบและปืนใหญ่จรวดมาใช้ หลังเกิดเหตุการณ์ทุ่นระเบิดตามแนวชายแดนที่มีข้อพิพาท พร้อมกับเตือนถึงความเป็นไปได้ที่จะเกิดความรุนแรงยิ่งขึ้นระหว่างสองประเทศเพื่อนบ้านที่ต่างก็เป็นมิตรประเทศของจีน จาง จุนเซ่อ ผู้เชี่ยวชาญด้านกิจการทหารของจีน กล่าวกับโกลบอล ไทมส์ (Global Times) หนังสือพิมพ์ภาษาอังกฤษของทางการจีนในวันพฤหัสบดีว่า การที่กองทัพไทยนำเครื่องบินขับไล่ เอฟ-16 มาใช้และกัมพูชานำเครื่องยิงจรวดมาใช้ แสดงให้เห็นถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชาที่กำลังย่ำแย่ลง ซึ่งมีความเสี่ยงที่จะบานปลายต่อไป จากมุมมองทางทหารแล้ว ประเทศไทยได้มีความได้เปรียบเนื่องจากมีอาวุธยุทโธปกรณ์ที่ทันสมัยกว่า นายจางกล่าวว่า ทั้งประเทศไทยและกัมพูชาเป็นเพื่อนบ้านที่เป็นมิตรของจีน และสถานการณ์ที่อาจจะบานปลายนี้ไม่เป็นผลดีต่อฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง หรือต่อทั้งภูมิภาค วิธีที่ดีที่สุดคือการแก้ไขปัญหาอย่างสันติผ่านการเจรจา สำนักข่าวรอยเตอร์ รายงานว่า สาเหตุของการปะทะล่าสุดเกิดจากทุ่นระเบิด โดยไทยกล่าวหากัมพูชาในสัปดาห์นี้ว่าวางทุ่นระเบิดในพื้นที่พิพาทซึ่งทำให้ทหารไทยได้รับบาดเจ็บ ในขณะที่กัมพูชาปฏิเสธข้อกล่าวหาดังกล่าวและกล่าวว่าทหารลาดตระเวณออกจากเส้นทางที่ตกลงกันไว้และเหยียบทุ่มระเบิดเก่าที่หลงเหลือมาจากสงครามในกัมพูชา สำหรับจีนมีส่วนร่วมอย่างแข็งขันในการช่วยเหลือประเทศต่างๆ รวมถึงกัมพูชาในการแก้ไขปัญหาทุ่นระเบิด ซึ่งจางกล่าวว่าเป็นการแสดงความรับผิดชอบของจีนในการปกป้องสันติภาพและเสถียรภาพในภูมิภาค ในปี 2567 มหาวิทยาลัยวิศวกรรมกองทัพปลดปล่อยประชาชนจีนได้จัดหลักสูตรเก็บกู้ระเบิดสองหลักสูตรสำหรับบุคลากรจากกัมพูชาและลาว ที่เป็นประเทศที่ได้รับผลกระทบรุนแรงที่สุดจากทุ่นระเบิด กองทัพจีนให้ความสำคัญอย่างยิ่งต่อความร่วมมือระหว่างประเทศในการเก็บกู้ระเบิด ตลอดระยะเวลากว่า 20 ปีที่ผ่านมา จีนได้ฝึกอบรมผู้เชี่ยวชาญด้านการเก็บกู้ระเบิดกว่า 700 คนจากกว่า 20 ประเทศ และส่งกลุ่มผู้เชี่ยวชาญไปต่างประเทศเพื่อดำเนินการสอนภาคสนามหลายครั้ง.-813.-สำนักข่าวไทย

ยูเอ็นเอสซีจะประชุมฉุกเฉินเรื่องไทย-กัมพูชาวันนี้

คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ หรือ ยูเอ็นเอสซี จะประชุมฉุกเฉินในวันนี้ เกี่ยวกับเหตุปะทะตามแนวชายแดนระหว่างประเทศไทยกับกัมพูชา แหล่งข่าวด้านการทูตเปิดเผยกับสำนักข่าวเอเอฟพีของฝรั่งเศสว่า การประชุมครั้งนี้ ซึ่งเป็นไปตามคำร้องขอของนายกรัฐมนตรีฮุน มาเน็ต ของกัมพูชาจะเป็นการประชุมลับ ในเวลา 15.00 น. ตามเวลาในนครนิวยอร์คของสหรัฐ ซึ่งเป็นที่ตั้งของยูเอ็นเอสซี หรือ ตรงกับ 02.00 น. ของเช้าวันเสาร์ตามเวลาในประเทศไทย สื่อมวลชนกัมพูชา รายงายก่อนหน้านี้ว่านายฮุน มาเน็ต ได้ยื่นคำร้องอย่างเป็นทางการไปยังยูเอ็นเอสซี เรียกร้องให้จัดประชุมด่วนเพื่อยับยั้ง สิ่งที่เขากล่าวหาว่า “ไทยกระทำการรุกรานต่ออธิปไตยของกัมพูชา” ในหนังสือที่ส่งถึงนายอาซิม อิฟติคาร์ อาห์หมัด ผู้แทนถาวรปากีสถานประจำสหประชาชาติซึ่งเป็นประธานหมุนเวียนของยูเอ็นเอสซี นายฮุน มาเน็ตยังเรียกร้องให้ไทยยุติการสู้รบทั้งหมดทันทีและถอนกำลังกลับไปยังฝั่งไทย รวมทั้งหลีกเลี่ยงการกระทำที่ยั่วยุใดๆ เพิ่มเติม.-813.-สำนักข่าวไทย

กสม. ประณามกัมพูชาโจมตีพลเรือน-รพ. เป็นอาชญากรรมสงคราม

กสม. 25 ก.ค.-กสม. ประณามกัมพูชาโจมตี พลเรือน-รพ. เป็นอาชญากรรมสงครามละเมิดสิทธิมนุษยชน กฎหมายสากล เรียกร้องเคารพศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ วอนทุกฝ่ายหยุดการสร้างความเกลียดชังทางเชื้อชาติรวมถึงกับชาวกัมพูชาที่อยู่ในไทย คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) ออกแถลงการณ์ ประณามการโจมตีพลเรือนและพื้นที่โรงพยาบาลบริเวณแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ระบุว่าตามที่ปรากฏเหตุปะทะระหว่างทหารไทยกับทหารกัมพูชาบริเวณชายแดนเมื่อช่วงเช้าวันที่ 24 กรกฎาคม 2568 ที่บริเวณปราสาทตาเมือนธม กระทั่งลุกลามไปในหลายพื้นที่ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา เป็นเหตุให้มีพลเรือนไทยเสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บจำนวนมาก กสม. ขอแสดงความเสียใจไปยังครอบครัวผู้เสียชีวิตทุกคนและขอประณามการกระทำอันไร้มนุษยธรรมของทหารกัมพูชาที่เปิดฉากโจมตี และมุ่งเป้าไปที่พลเรือนและโรงพยาบาล การโจมตีสถานที่ดังกล่าวถือเป็นอาชญากรรมสงคราม (war crimes) ที่ละเมิดหลักสิทธิมนุษยชนสากลและกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ (international humanitarian law: IHL) โดยเฉพาะอนุสัญญาเจนีวาและธรรมนูญกรุงโรม อย่างไม่อาจยอมรับได้ กสม. ในฐานะสถาบันสิทธิมนุษยชนระดับชาติของไทย ขอเรียกร้องให้ทหารกัมพูชาเคารพศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์และหลักสิทธิมนุษยชนสากล ยุติการกระทำความรุนแรงต่อพลเรือนและกลุ่มเปราะบางในพื้นที่ความขัดแย้งโดยทันที และขอแสดงความห่วงใยและส่งกำลังใจไปยังทหารและผู้ปฏิบัติหน้าที่ในส่วนต่าง ๆ บริเวณแนวหน้า ขอให้ทุกหน่วยงานดูแลพลเรือนในพื้นที่เสี่ยงอย่างเต็มกำลัง และขอเรียกร้องให้ทุกฝ่ายหยุดการสร้างความเกลียดชังทางเชื้อชาติ ไม่ส่งต่อและไม่ยอมรับการสร้างความเกลียดชังทางเชื้อชาติต่อชาวกัมพูชาที่อาศัยอยู่ในประเทศไทย ซึ่งไม่มีความเกี่ยวข้องใดกับความขัดแย้งตามแนวชายแดน กสม. หวังเป็นอย่างยิ่งว่าสถานการณ์ความขัดแย้งที่มีผลกระทบอย่างร้ายแรงต่อสิทธิ สวัสดิภาพ และความเป็นอยู่ของพลเรือนทั้งสองประเทศจะคลี่คลายโดยเร็วบนหนทางแห่งสันติภาพ.-314.-สำนักข่าวไทย

สหรัฐเรียกร้องไทย-กัมพูชาหยุดยิงทันที

วอชิงตัน 25 ก.ค. – สหรัฐเรียกร้องไทยและกัมพูชาหยุดยิงทันที หลังความขัดแย้งตามแนวชายแดนทวีความรุนแรง จนเกิดความสูญเสียต่อพลเรือน ส่วนจีนส่งเสริมให้เจรจาสันติภาพ ยันยันวางตัวเป็นกลางในความขัดแย้งระหว่างสองชาติพันธมิตรของจีนในอาเซียน โฆษกกระทรวงต่างประเทศสหรัฐกล่าวระหว่างแถลงข่าวเมื่อวานนี้ว่า สหรัฐรู้สึกกังวลอย่างยิ่งต่อสถานการณ์ความรุนแรงตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ที่ขยายวงกว้าง และแสดงความเสียใจต่อรายงานความสูญเสียของพลเรือน พร้อมเรียกร้องให้หยุดยิงทันที พร้อมปกป้องชีวิตพลเรือนและแก้ปัญหาความขัดแย้งอย่างสันติ ด้านโฆษกกระทรวงต่างประเทศของจีน แถลงในกรุงปักกิ่งเมื่อวานนี้ว่า ทั้งไทยและกัมพูชาต่างก็เป็นมิตรประเทศของจีน และเป็นสมาชิกที่สำคัญของสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หรืออาเซียน มิตรภาพอันดีระหว่างเพื่อนบ้านและการจัดการความแตกต่างอย่างเหมาะสม สอดคล้องกับผลประโยชน์พื้นฐานและผลประโยชน์ระยะยาวของทั้งสองฝ่าย จีนมีความกังวลอย่างยิ่งต่อสถานการณ์ปัจจุบัน และหวังว่าทั้งสองฝ่ายจะสามารถแก้ไขปัญหานี้ได้อย่างถูกต้องผ่านการเจรจาและการปรึกษาหารือ จีนจะยังคงส่งเสริมการเจรจาสันติภาพ กรณีพิพาทชายแดนระหว่างไทยและกัมพูชาด้วยจุดยืนที่ยุติธรรมและเที่ยงธรรม เขากล่าวอีกว่า จากมุมมองของผลประโยชน์ร่วมกันและความต้องการของประเทศต่าง ๆ ในภูมิภาค จีนยึดมั่นในจุดยืนที่ยุติธรรมและเป็นกลาง และยังคงส่งเสริมการเจรจาสันติภาพในแบบของตนเองต่อไป เพื่อมีบทบาทเชิงสร้างสรรค์ในการลดระดับและลดความตึงเครียดลง ขณะที่รัฐบาลฟิลิปปินส์ออกแถลงการณ์ แสดงความห่วงใยต่อสถานการณ์ชายแดนระหว่างไทย-กัมพูชา พร้อมเรียกร้องให้ทั้งสองฝ่ายระมัดระวังต่อประชาชนผู้บริสุทธิ์ ที่อาจได้รับผลกระทบจากความขัดแย้ง รักษาช่องทางการสื่อสารให้เปิดกว้าง และพยายามลดความตึงเครียดลงโดยเร็ว แถลงการณ์ของกระทรวงการต่างประเทศฟิลิปปินส์ ระบุว่า ฟิลิปปินส์ ไม่ได้มีจุดยืนฝักใฝ่ฝ่ายใดในข้อพิพาทนี้ แต่ขอย้ำถึงความสำคัญของการคงไว้ซึ่งการสื่อสารที่เปิดกว้าง และการลดระดับความรุนแรงของสถานการณ์ พร้อมแสดงความหวังว่า ทั้งประเทศไทยและกัมพูชาจะสามารถแก้ไขปัญหาได้โดยสันติ ใช้กฎหมายระหว่างประเทศเป็นกรอบในการเจรจาและยุติข้อพิพาทด้านสถานทูตต่างชาติหลายแห่ง ออกคำเตือนประชาชนของตัวเองให้หลีกเลี่ยงการเดินทางไปที่บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา เช่น สถานทูตของสหรัฐในประเทศไทย เตือนพลเมืองของตัวเองที่อาจจะทำงานหรืออาศัยอยู่ในจังหวัดที่ติดกับชายแดน ให้ปฏิบัติตามคำแนะนำของเจ้าหน้าที่ในประเทศไทยอย่างเคร่งครัด ขณะที่เว็บไซต์สำนักข่าวบีบีซีรายงานว่า สำนักงานต่างประเทศ […]

สุรินทร์อพยพชาวบ้านไปยังศูนย์พักพิง หลังเหตุปะทะหนักหน่วง

สุรินทร์ 24 ก.ค. – จ.สุรินทร์ อพยพชาวบ้านไปยังศูนย์พักพิง 3 จุด หลังเหตุปะทะหนักหน่วงตลอดทั้งวันและกินพื้นที่วงกว้าง ส่วนกรณีมีข่าวทหารกัมพูชายิงจรวดหลายลำกล้อง RM-70 โจมตีชายแดนสุรินทร์ คาดน่าจะเป็น BM-21 มากกว่า.-สำนักข่าวไทย

คืนแรกอพยพชาวบ้านน้ำยืน จ.อุบลฯ ไปยังพื้นที่ปลอดภัย

อุบลราชธานี 24 ก.ค. – ชาวบ้านน้ำยืน จ.อุบลราชธานี อพยพออกจากบ้านเรือนใกล้แนวปะทะ มายังพื้นที่ปลอดภัยในศูนย์อพยพ อ.เดชอุดม ที่ทางจังหวัดจัดให้ ขณะที่เสียงปืนใหญ่สงบลงแล้ว แต่ยังต้องเฝ้าระวัง หากเกิดสถานการณ์ฉุกเฉิน ช่วงบ่ายทีมข่าวเดินทางไปยังพื้นที่ อ.น้ำยืน ซึ่งเป็นจุดแนวปะทะ ทำให้บ้านเรือนของชาวบ้านได้รับความเสียหาย 3 หลัง ซึ่งอยู่ในหมู่บ้านกุดเชียงมุน 2 หลัง บ้านโพนทอง 1 หลัง โดยมีผู้เสียชีวิตจากแรงระเบิด 1 คน และได้รับบาดเจ็บจากสะเก็ดระเบิด 3 คน หลังจากเกิดเหตุในช่วงเช้า ทาง อ.น้ำยืน ได้อพยพประชาชนออกจากพื้นที่ทันที บรรยากาศในศูนย์อพยพของ อ.เดชอุดม เป็นพื้นที่อพยพ ปลอดภัย ทางจังหวัดทำแผนไว้นานกว่า 2 เดือน จึงบริหารจัดได้อย่างรวดเร็วและเป็นระบบ เป็นความร่วมมือของทุกหน่วยงาน ทั้งการทำข้อมูลผู้เข้าพัก แจกอาหารและสิ่งของที่จำเป็น ถือว่าเป็นการบริหารจัดการที่รวดเร็ว โดยประชาชนส่วนใหญ่เดินทางมาจาก อ.น้ำยืน ซึ่งเป็นแนวปะทะ ขณะนี้อยู่ในที่ปลอดภัย ชาวบ้านได้ให้ข้อมูลว่าตั้งแต่ช่วงเช้าตื่นนอนมาได้ยินเสียงปืนจึงรีบออกจากบ้าน คว้าเสื้อผ้าและสิ่งของที่จำเป็นออกเดินทางมายังศูนย์อพยพโดยรถส่วนตัว และเดินทางมาพร้อมญาติอีกทั้งยังอยากให้เหตุการณ์นี้จบลงอย่างรวดเร็ว ล่าสุดเสียงปืนใหญ่เงียบสงบลงแล้ว […]

1 24 25 26 27 28 121
...