ทอ.ส่ง F-16 และ กริพเพน โจมตีสกัดอาวุธวิถีโค้งกัมพูชา

26 ก.ค.- กองทัพอากาศส่ง F-16 และ กริพเพน โจมตียุทธบริเวณ “ภูมะเขือ” สกัดอาวุธวิถีโค้งกัมพูชา อีกจุดปราสาทตาเมือนธม ผลปฏิบัติลุล่วงกลับฐานปฏิบัติด้วยความปลอดภัย เมื่อวันที่ 26 ก.ค.68 กองทัพอากาศ ส่งเครื่องบินขับไล่ F-16 จำนวน 2 ลำ และเครื่องบินกริพเพน จำนวน 2 ลำ ออกปฏิบัติการโจมตี พื้นที่ยุทธบริเวณเป้าหมายทหาร ของทางทหารกัมพูชาบริเวณภูมะเขือ หลังทหารกัมพูชาเตรียมใช้อาวุธวิธีโค้งยิงใส่ฝ่ายไทยหวังยึดภูมะเขือ ส่วนอีกจุดบริเวณปราสาทตาเหมือนธม โดยเป็นจุดที่ทางทหารกัมพูชาได้ตั้งปืนใหญ่และกำลังพลยิงข้ามมายังฝั่งประเทศไทยโดยไร้ทิศทาง ทั้งนี้ผลการปฏิบัติการ ทำลายเป้าหมายได้ทั้งสองจุด ลุล่วงไปด้วยดี และได้บินกลับฐานปฏิบัติด้วยความปลอดภัย ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การขึ้นบินกริพเพนของกองทัพ ในภารกิจสู้รบตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ครั้งนี้ ถือเป็น ‘ประวัติศาสตร์’ ของเครื่องบินขับไล่กริพเพนที่มีประจำการในหลายประเทศ ที่ใช้ในภารกิจสู้รบ-ใช้อาวุธจริงครั้งแรก ที่ผ่านมา กริพเพน ถูกใช้เพียงภารกิจบินรักษาอาณาเขต เช่น บริเวณทะเลบอลติกในทวีปยุโรป ในฐานะสมาชิก ‘นาโต้’ ผ่านเหตุการณ์สู้รบ ‘ยูเครน-รัสเซีย’ และภารกิจเฝ้าตรวจ-คุ้มกันน่านฟ้า ประเทศลิเบีย ที่กองทัพอากาศสวีเดนเข้าร่วมภารกิจ -สำนักข่าวไทย

“แพทองธาร” ขอประชาคมโลกพิจารณาการกระทำของกัมพูชา

กระทรวงวัฒนธรรม 26 ก.ค.- “แพทองธาร” ตอบสื่อนอก ขอประชาคมโลก พิจารณาการกระทำของกัมพูชา เป็นสิ่งที่เหมาะสมหรือไม่ ในเมื่อไทยแสดงออกอย่างชัดเจน ถึงความตั้งใจรักษาสันติภาพ และเปิดการเจรจาในทุกระดับ แต่กลับไม่ได้รับการตอบสนองอย่างจริงใจ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม ตอบคำถามสื่อ CNN เป็นภาษาอังกฤษ ที่ถามว่า หลังการประชุม UNSC ทั่วโลกติดตาม สถานการณ์ไทยกัมพูชา จะอธิบายกับโลกอย่างไร โดยย้ำว่า ประเทศไทยได้อดกลั้นต่อการยั่วยุต่าง ๆ จากฝ่ายกัมพูชา อย่างต่อเนื่อง ตลอดช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา โดยมีความตั้งใจอย่างแน่วแน่ที่จะรักษาสันติภาพ และไม่ต้องการความรุนแรงหรือเหตุการณ์ใด ๆ ที่อาจเป็นอันตรายต่อประชาชนของทั้งสองประเทศ อย่างไรก็ตาม ความพยายามของฝ่ายไทยในการจัดการเจรจาอย่างจริงใจ ไม่ได้รับความจริงใจกลับมาเท่าที่ควร นายกรัฐมนตรีระบุว่าเราได้พยายามผลักดันให้เกิดกลไกทวิภาคี และเวทีการหารืออย่างสันติหลายครั้ง แต่เราก็ยังไม่ได้รับความร่วมมือเท่าที่ควร แม้จะมีการประชุมร่วมกันมาแล้วในอดีต แต่สถานการณ์ก็ยังคงไม่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างเป็นรูปธรรม ทั้งนี้ฝ่ายไทยยังคงพยายามโน้มน้าวให้กัมพูชาเข้าร่วมในการหาทางออกอย่างสันติ และเราก็ยังไม่แน่ใจว่าฝ่ายกัมพูชา มีวาระซ่อนเร้นอื่นใดเพิ่มเติม จากสถานการณ์ปัจจุบันหรือไม่ อย่างไรก็ดี ประชาคมโลกย่อมสามารถเห็นได้ จากรายงานข่าวต่าง ๆ ว่าประเทศไทยได้พยายามอย่างเต็มที่ ในการรักษาความสงบ อย่างสุดความสามารถ […]

“แพทองธาร” ย้ำชัดเขมรเริ่มก่อน 100% ไม่พอใจเข้มปราบแก๊งคอลฯ

กระทรวงวัฒนธรรม 26 ก.ค.- “แพทองธาร” เปิดใจ ขอคนไทยรักกัน หันไปทะเลาะกับคนนอกประเทศก่อน ชี้ขัดแย้งกันเองยังรอได้ แฉกัมพูชาไม่พอใจไทยร่วมมือลาว – เมียนมา ปราบคอลเซ็นเตอร์ เผยสื่อนอกยังตั้งข้อสังเกต “กพช.” สั่งปิด รร.ยิงวันแรก เหมือนรู้ล่วงหน้าจะมีการรบ ย้ำชัดเขมรเริ่มก่อน 100% นางสาวแพทองธาร ชินวัตร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม ให้สัมภาษณ์ภายหลังประชุมติดตามมาตรการการรับมือ และช่วยช่วยเหลือผู้ได้รับบาดเจ็บ และผู้เสียชีวิตในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ 4 จังหวัด ที่กระทรวงวัฒนธรรม โดยนางสาวแพทองธารได้ยืนยันแถลงการณ์ของรัฐบาล ตามที่นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี ได้แถลงไปเมื่อวานนี้ ที่ระบุว่ากัมพูชาถือว่าเป็นอาชญากรรมสงครามขั้นรุนแรง วิธีการต่าง ๆ ขัดต่อหลักสันติวิธีของกฎหมายระหว่างประเทศ และขัดหลักมนุษยธรรมที่ได้ปฏิบัติมาตลอด สถานการณ์ความรุนแรง เป็นสิ่งที่รัฐบาลได้ย้ำตลอดว่าไม่อยากให้เกิดขึ้น สิ่งสำคัญที่สุด คือชีวิตของประชาชน เป็นสิ่งที่เรายึดถือ และพยายามไม่ให้เกิดการเสียเลือดเสียเนื้อ จนฝ่ายกัมพูชาได้ยิงก่อน ตั้งแต่วันที่ 24 กรกฎาคมที่ผ่านมา นางสาวแพทองธารยังกล่าวว่า มีสำนักข่าวต่างประเทศตั้งข้อสังเกตว่า จริงๆ แล้วเรามีหลักฐาน มีดิจิทัลฟุตปริ้นท์ที่สามารถทำให้เห็นว่าใครเป็นคนเริ่มก่อน และมีการตั้งข้อสังเกตว่าในวันนั้นนักเรียนของเราที่อยู่ชายแดนไปโรงเรียนตามปกติ […]

กัมพูชาเผยมีผู้เสียชีวิต 13 ราย จากเหตุปะทะกับไทย

พนมเปญ – กัมพูชาแถลงวันนี้ว่า ทหาร 5 นาย และพลเรือน 8 คน เสียชีวิตจากการสู้รบบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ที่เข้าสู่วันที่สามในวันนี้ นางมาลี โสเจียตา โฆษกกระทรวงกลาโหมกัมพูชา แถลงว่า มีผู้เสียชีวิตมากกว่า 30 คน และผู้ที่ต้องพลัดถิ่นมากกว่า 130,000 คน จากการปะทะครั้งรุนแรงที่สุดระหว่างกัมพูชากับประเทศไทย ในรอบ 13 ปี ส่วนที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย นายกรัฐมนตรีอันวาร์ อิบราฮิม ของมาเลเซีย ประธานกลุ่มอาเซียน กล่าวว่า เขาจะยังคงผลักดันข้อเสนอหยุดยิงต่อไป โดยกัมพูชาได้ให้การสนับสนุนแผนของนายอันวาร์ ขณะที่ประเทศไทยกล่าวว่าเห็นด้วยในหลักการ สำนักข่าวเบอร์นามา ของทางการมาเลเซีย รายงานว่า ขณะนี้ทั้งสองฝ่ายยังคงใช้อาวุธต่อกัน โดยนายอันวาร์ กล่าวว่า เขาขอให้รัฐมนตรีต่างประเทศของมาเลเซียประสานงานกับกระทรวงการต่างประเทศของประเทศที่เกี่ยวข้อง และหากเป็นไปได้ เขาจะติดต่อกับรัฐมนตรีต่างประเทศของทั้งสองฝ่ายด้วยตนเอง อย่างน้อยก็เพื่อหยุดการปะทะกัน.-813.-สำนักข่าวไทย

รมว.ท่องเที่ยวฯ เยี่ยมให้กำลังใจผู้อพยพที่บุรีรัมย์

บุรีรัมย์ 26 ก.ค. – รมว.ท่องเที่ยวฯ เยี่ยมให้กำลังใจผู้อพยพจากเหตุปะทะระหว่างไทย-กัมพูชา ที่ อ.บ้านกรวด และ อ.ละหานทราย จ.บุรีรัมย์ เตรียมคว่ำกัมพูชา ไม่ให้ร่วมแข่งขันซีเกมส์ ครั้งที่ 33 ที่ไทยจะเป็นเจ้าภาพ นายสรวงศ์ เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา เดินทางไปเยี่ยมให้กำลังใจผู้อพยพจากเหตุการณ์ปะทะระหว่างทหารไทย-กัมพูชา ในพื้นที่อำเภอบ้านกรวด และอำเภอละหานทราย จังหวัดบุรีรัมย์ ที่อาศัยอยู่ที่ศูนย์พักพิงชั่วคราว ซึ่งมีทั้งเด็ก ผู้สูงอายุ และกลุ่มเปราะบาง นายสรวงศ์ กล่าวว่า จากเหตุการณ์ครั้งนี้ในนามของกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา ขอประณามต่อการกระทำของฝ่ายกัมพูชา รวมทั้งจะหารือกับประเทศสมาชิกซีเกมส์ 11 ประเทศ ร่วมบอยคอตไม่ให้กัมพูชาร่วมแข่งขันซีเกมส์ ครั้งที่ 33 ที่ประเทศไทยจะเป็นเจ้าภาพ ระหว่างวันที่ 9-20 ธันวาคมนี้.-สำนักข่าวไทย

“เสธ.เบิร์ด” ชี้เขมรขู่ขยับ “ขีปนาวุธ PHL-03” ถือเป็นภัยคุกคาม

26 ก.ค.- “เสธ.เบิร์ด” ชี้ เขมรขู่ขยับ “ขีปนาวุธ PHL-03” วิถีไกล 130 กม. ถือเป็นภัยคุกคาม มองไทยใช้การทำลายทางลึกถือว่าเหมาะสม จากกรณีกองทัพภาคที่ 2 เตือนเฝ้าระวังกัมพูชายิงขีปนาวุธ PHL-03 วิถีไกล 130 กม. เพื่อพุ่งเป้าหมายพื้นที่ยุทธศาสตร์และที่ตั้งทหารนั้น ล่าสุด พล.ต.วันชนะ สวัสดี ผู้อำนวยการสำนักงานประสานภารกิจด้านความมั่นคงกับกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร กรมยุทธการทหาร กล่าวว่า การขยับขีปนาวุธ PHL-03 เป็นการขู่ และถือเป็นภัยคุกคาม ดังนั้นถ้าไทยใช้การทำลายทางลึกถือว่าเหมาะสม จากการที่กัมพูชากล่าวหาว่า ไทยใช้ปฏิบัติการทางอากาศเกินกว่าเหตุนั้น เราไม่ทำเกินกว่าเหตุ แต่สิ่งที่เราทำนี้เป็นเหตุผล เพราะฝ่ายกัมพูชา เคลื่อนกำลังจำนวนมากมาประชิดชายแดน ใช้อาวุธยิงระยะไกลทำร้ายประชาชนของไทย ทั้งโรงพยาบาล โรงเรียน สถานีบริการน้ำมัน ทำให้ประชาชนชาวไทยบาดเจ็บ และเสียชีวิต จากการมีภาพข่าวการเคลื่อนอาวุธยิงระยะไกล ถือว่าเป็นการข่มขู่คุกคามความมั่นคงของไทยอย่างชัดเจน ดังนั้นการปฏิบัติการทางอากาศ เพื่อลดการสูญเสีย สถานการณ์คลี่คลายโดยเร็วที่สุด ทั้งนี้การปฏิบัติการทางอากาศของไทยทำลายเป้าหมายทางทหารเท่านั้น และมีความแม่นยำ -สำนักข่าวไทย

“แพทองธาร” ยังไม่ตอบกัมพูชาขยับอาวุธหนักยิงไกล 130 กม.

กระทรวงวัฒนธรรม 26 ก.ค. – “แพทองธาร” ยังไม่ตอบกัมพูชาขยับอาวุธหนักยิงไกล 130 กิโลเมตร ขยายวงเกินพื้นที่ 4 จังหวัดชายแดนไทย-กัมพูชา ระบุขอประชุมก่อน นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม เดินทางมาที่กระทรวงวัฒนธรรม เวลา 13.55 น. เพื่อประชุมติดตามมาตรการการรับมือและการให้ความช่วยเหลือผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่างกระทรวงวัฒนธรรม และกระทรวงมหาดไทย เมื่อผู้สื่อข่าวสอบถามถึงการที่กัมพูชาขยับอาวุธหนักที่สามารถยิงไกลได้กว่า 130 กิโลเมตร ขยายวงเกินพื้นที่ 4 จังหวัดชายแดนไทย-กัมพูชา จะมีมาตรการตอบโต้อย่างไรหรือไม่ นางสาวแพทองธาร ปฏิเสธที่จะตอบคำถาม โดยระบุเพียงว่าขอประชุมก่อน.-319-สำนักข่าวไทย

“อนุทิน” ลงพื้นที่ศรีสะเกษ ให้กำลังใจพี่น้องชายแดน-เร่งประสานช่วยเหลือใกล้ชิด

ศรีสะเกษ 26 ก.ค. – “อนุทิน” ลงพื้นที่ จ.ศรีสะเกษ ให้กำลังใจพี่น้องชายแดน ขอบคุณทุกฝ่ายร่วมฝ่าวิกฤติ พร้อมเร่งประสานช่วยเหลืออย่างใกล้ชิด นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย พร้อมคณะ เดินทางลงพื้นที่ จ.ศรีสะเกษ ตลอดทั้งวัน เพื่อให้กำลังใจประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา โดยมีเป้าหมายเพื่อรับฟังปัญหา เยี่ยมเยียนผู้ประสบภัย และเร่งรัดการประสานงานด้านความช่วยเหลือในทุกมิติ ภารกิจเริ่มขึ้นในเวลา 09.30 น. ที่วัดแห่งหนึ่ง ต.ไพรบึง อ.ไพรบึง โดยนายอนุทินได้พบปะพูดคุยกับประชาชนในพื้นที่ สอบถามความเป็นอยู่ และให้กำลังใจแก่ชาวบ้านที่ต้องเผชิญกับสถานการณ์ตึงเครียดจากเหตุความไม่สงบ พร้อมยืนยันว่าประชาชนจะไม่ถูกทอดทิ้ง ทุกภาคส่วนจะอยู่เคียงข้างพี่น้องประชาชนอย่างใกล้ชิด จากนั้นเดินทางต่อไปยังวัดอีกแห่งหนึ่งใน ต.ไพรบึง เช่นกัน โดยระหว่างการพบปะชาวบ้าน นายอนุทิน กล่าวว่า ขอขอบคุณทุกคนที่เสียสละและร่วมแรงร่วมใจกันดูแลพี่น้องประชาชนอย่างดีที่สุด วันนี้สิ่งที่เราต้องทำคือเดินหน้าช่วยเหลือโดยไม่รีรอ พรรคภูมิใจไทยพร้อมเป็นสะพานเชื่อมประสานทุกหน่วยงาน เพื่อคลี่คลายสถานการณ์ และฟื้นฟูชีวิตของประชาชนให้กลับคืนสู่ภาวะปกติโดยเร็วที่สุด ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า นายอนุทิน และคณะ มีกำหนดการเยี่ยมเยียนพื้นที่เสี่ยงภัยและจุดอพยพอีกหลายแห่งใน จ.ศรีสะเกษ ตลอดทั้งวัน พร้อมให้กำลังใจประชาชนทุกจุดที่เดินทางไปถึง โดยมีการพูดคุย รับฟังข้อเสนอแนะจากชาวบ้านในแต่ละชุมชน เพื่อนำข้อมูลไปใช้ในการผลักดันนโยบายหรือมาตรการช่วยเหลือที่ตอบโจทย์ความต้องการอย่างแท้จริง.-319-สำนักข่าวไทย

ไทยชี้แจงสถานการณ์ชายแดนต่อยูเอ็นเอสซี

นิวยอร์ก, 26 ก.ค. – คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ หรือ ยูเอ็นเอสซี (UNSC) เปิดประชุมส่วนตัวเมื่อวานนี้ ที่สำนักงานใหญ่ในนครนิวยอร์ค ภายใต้หัวข้อวาระ “ภัยคุกคามต่อสันติภาพและความมั่นคงระหว่างประเทศ” นายเชิดชาย ใช้ไววิทย์ เอกอัครราชทูตและผู้แทนถาวรของประเทศไทยประจำสหประชาชาติ ได้แถลงชี้แจงสถานการณ์ความขัดแย้งบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชาอย่างละเอียด โดยเน้นย้ำถึงการกระทำที่ยั่วยุของกัมพูชา และความจำเป็นที่ไทยต้องป้องกันตนเองตามหลักกฎหมายระหว่างประเทศ นายเชิดชาย เริ่มต้นด้วยการแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งที่ต้องมากล่าวต่อที่ประชุมภายใต้สถานการณ์ที่ร้ายแรงที่สุด โดยระบุว่า การรุกรานที่ไม่ได้เกิดจากการยั่วยุ จากฝ่ายกัมพูชานั้น คุกคามอธิปไตย บูรณภาพแห่งดินแดน และที่สำคัญที่สุดคือชีวิตพลเรือนผู้บริสุทธิ์ของประเทศไทย ซึ่งเป็นประเทศที่มุ่งมั่นในสันติภาพ เอกอัครราชทูตไทยเน้นย้ำว่า ประเทศไทยถือว่ากัมพูชาเป็นเพื่อนบ้านที่ใกล้ชิดและเป็นสมาชิกในครอบครัวอาเซียนเสมอมา ไทยได้ให้การสนับสนุนกระบวนการสันติภาพ การสร้างชาติ และการพัฒนาของกัมพูชามาโดยตลอดนับตั้งแต่การได้รับเอกราชในปี 2496 แต่ก็ยอมรับว่าในฐานะเพื่อนบ้านย่อมมีความท้าทายและความไม่เห็นด้วย ซึ่งควรแก้ไขด้วยการเจรจา ไม่ใช่ความรุนแรง นายเชิดชาย กล่าวถึงเหตุการณ์ปะทะเล็กน้อยเมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม โดยระบุว่ากองกำลังไทยกำลังลาดตระเวนตามปกติในเขตแดนไทย และถูกบังคับให้ต้องป้องกันตนเองจากการยิงที่ไม่ได้มาจากการยั่วยุ จากฝ่ายกัมพูชา ซึ่งไทยเชื่อว่าการแก้ไขปัญหาผ่านช่องทางทวิภาคีเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพที่สุด และได้มีการประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมเมื่อวันที่ 14 มิถุนายน ที่กรุงพนมเปญแล้ว อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ได้บานปลายขึ้นเมื่อวันที่ 16 และ 23 กรกฎาคม ทหารของกองทัพไทยเหยียบทุ่นระเบิดในขณะที่ลาดตระเวนตามปกติในเขตแดนไทย […]

เตรียมขนย้ายเสือ 16 ตัว ออกนอกพื้นที่ศรีสะเกษ

ศรีสะเกษ 26 ก.ค. – สถานีเพาะเลี้ยงสัตว์ป่าจุฬาภรณ์ เตรียมขนย้ายเสือ 16 ตัว ออกนอกพื้นที่ หวั่นเหตุหลุดกรงเป็นอันตรายต่อประชาชน หลังสถานการณ์ชายแดนทวีความรุนแรง นายสาธิต พันธุมาศ หัวหน้าสถานีเพาะเลี้ยงสัตว์ป่าจุฬาภรณ์ ต.ปรือใหญ่ อ.ขุขันธ์ จ.ศรีสะเกษ เปิดเผยว่า ขณะนี้สถานีฯ อยู่ระหว่างเตรียมแผนเคลื่อนย้ายเสือโคร่ง 15 ตัว และเสือดาว 1 ตัว รวม 16 ตัว ออกจากพื้นที่อย่างเร่งด่วน หลังสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชาในพื้นที่ใกล้เคียงทวีความตึงเครียด และอาจเป็นอันตรายหากสัตว์หลุดจากกรง สถานีเพาะเลี้ยงสัตว์ป่าจุฬาภรณ์ ดูแลสัตว์ป่ากว่า 500 ตัว บนพื้นที่กว่า 6,000 ไร่ ครอบคลุมเขตรอยต่อของ อ.ภูสิงห์ ขุขันธ์ และขุนหาญ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเพาะขยายพันธุ์สัตว์ป่าก่อนคืนสู่ธรรมชาติ ปัจจุบันสัตว์ในความดูแลแบ่งออกเป็นหลายโซน อาทิ โซนสัตว์กีบ เช่น เก้ง กวาง ละมั่ง, โซนสัตว์ปีก เช่น เหยี่ยว อินทรี และโซนสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม […]

โฆษกกระทรวงการต่างประเทศแสดงจุดยืนของไทย

กรุงเทพ 26 ก.ค. – นายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศ และโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์สำนักข่าวอัลจาซีรา (Al Jazeera) ชี้แจงสถานการณ์ความจริงที่เกิดขึ้น ว่า ”การปะทะกันบริเวณชายแดนรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ ในขณะที่กำลังให้สัมภาษณ์อยู่นี้ มีรายงานว่าฝ่ายไทยมีผู้เสียชีวิตแล้ว 14 คน เป็นพลเรือน 13 คน ในจำนวนนี้ เป็นเด็ก 2 คน และทหารอีก 1 นาย“ ”แม้ดูเหมือนว่า สถานการณ์เช้านี้ จะดีขึ้นกว่าเมื้อวาน แต่ไทยก็ต้องปกป้องอธิปไตยในเขตแดน และประชาชนของตน“ โฆษกกระทรวงการต่างประเทศตอบ : “ ไทยได้ติดต่อไปยังกัมพูชาแล้ว นับตั้งแต่เกิดเหตุตึงเครียดขึ้น เรายืนยันมาตลอดว่าไทยต้องการหาทางออกให้สถานการณ์นี้ด้วยสันติวิธี ผ่านกลไกระดับทวิภาคีซึ่งมีหลากหลายทางให้นำมาใช้แก้ปัญหา แต่เป็นที่น่าเสียดายว่า กัมพูชาไม่ตอบสนองแนวคิดนี้ในเชิงบวก ในทางตรงกันข้าม เมื่อวานนี้กัมพูชากลับยิงใส่กองกำลังของไทยทำให้เกิดความสูญเสียอย่างที่เห็น

จีนยืนยันไม่เคยส่งอาวุธให้กัมพูชาใช้โจมตีไทย

ปักกิ่ง 26 ก.ค. – กองทัพจีนปฏิเสธว่าไม่เคยสนับสนุนอาวุธให้กัมพูชาใช้โจมตีไทย แต่อาวุธที่กัมพูชามีอยู่เป็นผลจากความร่วมมือในอดีต การยืนยันของจีนมีขึ้นในระหว่างที่ผู้ช่วยทูตทหารไทยประจำกรุงปักกิ่ง เข้าหารือด่วนเมื่อวานนี้ และยื่นเอกสารชี้แจงเหตุปะทะชายแดน เพจของสำนักงานผู้ช่วยทูตฝ่ายทหารบก สถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงปักกิ่ง โพสต์ข้อความระบุว่า “นับตั้งแต่เกิดสถานการณ์ความตึงเครียดขึ้นบริเวณแนวชายแดนไทย-กัมพูชา จีนไม่เคยสนับสนุนยุทโธปกรณ์ใดๆ ให้กับกองทัพกัมพูชาเพื่อให้มาใช้โจมตีไทย ยุทโธปกรณ์จีนที่มีประจำการในกองทัพกัมพูชาล้วนเป็นผลมาจากการดำเนินงานความร่วมมือในอดีตทั้งสิ้น อย่าหลงเชื่อข่าวปลอมที่ถูกสร้างขึ้นโดยผู้ไม่หวังดี” เมื่อวันศุกร์ ที่ 25 กรกฎาคม 2568 เวลา 14.45 น. พันเอกศิวัตม์ รัตนอนันต์ ผู้ช่วยทูตฝ่ายทหารบก และรักษาราชการผู้ช่วยทูตฝ่ายทหาร ประจำสถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงปักกิ่ง ได้เข้าหารือข้อราชการเพื่อประสานงานเรื่องสำคัญเร่งด่วนกับสำนักงานกิจการความร่วมมือทางทหารระหว่างประเทศ (Office of International Military Cooperation) กองทัพปลดปล่อยประชาชนจีน ณ ห้องรับรอง อาคารสำนักงานกิจการความร่วมมือทางทหารระหว่างประเทศฯ กรุงปักกิ่ง สาธารณรัฐประชาชนจีน โดยมี พันเอกพิเศษเซิ่ง เวย รองผู้อำนวยการกองเอเชีย สำนักงานกิจการความร่วมมือทางทหารระหว่างประเทศฯ เป็นผู้แทนในการหารือ โดยผู้ช่วยทูตฝ่ายทหารบก และรักษาราชการ ผู้ช่วยทูตฝ่ายทหาร […]

1 8 9 10 11 12 108
...