วร์ก่อนแชร์ FACTSHEET : 4 ปรสิตใกล้ตัวคนไทย ที่มีภัยต่อสมอง

ปรสิตหลายชนิดเมื่อเข้าสู่ร่างกายแล้วอาจส่งผลร้าย มีบางชนิดอาจจะส่งผลถึงสมองของเรา มาทำความรู้จัก 4 ปรสิตใกล้ตัวคนไทย ที่มีภัยต่อสมอง


🎯 ตรวจสอบข้อเท็จจริงและคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ ผศ.ดร.ทวี สายวิชัย ภาควิชาปรสิตวิทยาและกีฏวิทยา คณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล

“ปรสิต” สิ่งมีชีวิตที่เข้าสู่ร่างกายของเราแล้วอาจส่งผลร้าย และบางชนิดอาจจะมีภัยถึงสมองได้


ตัวที่ 1. “อะมีบา” ?

อะมีบา (Amoeba) หรือเชื้ออะมีบา เป็นสัตว์เซลล์เดียวประเภทโปรโตซัว (protozoa) ชนิดหนึ่งที่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่า มีขนาดใหญ่กว่าแบคทีเรียไม่มากนัก

ปกติแล้ว “อะมีบา” เข้าสู่ร่างกายคนจากการกินอาหาร ดื่มน้ำ ที่มีการปนเปื้อนของอะมีบาระยะติดต่ออยู่ โดยส่วนใหญ่ปนออกมากับอุจจาระ และอุจจาระไปปนเปื้อนกับผัก ผลไม้ น้ำ เมื่อคนเรากินเข้าไป อะมีบาตัวนี้จะมีผลกับลำไส้ ไปทำลายเซลล์ลำไส้ เมื่อเซลล์ลำไส้ทำงานไม่ได้ก็จะเกิดอาการท้องร่วง และอาการอาจจะรุนแรงกว่าท้องร่วงได้


ถ้าอาการรุนแรง ปรสิตชนิดนี้จะกินเซลล์ลำไส้ลึกลงไปถึงหลอดเลือดฝอยที่มาเลี้ยงลำไส้ เข้าสู่กระแสเลือด จากนั้นส่วนใหญ่จะไปที่ปอดและสมอง เมื่อปรสิตไปที่ไหนก็จะกินเซลล์ตัวนั้น ไปที่สมองก็จะเกิดเป็นฝีที่สมอง

อะมีบาบางชนิดก่อให้เกิดโรคในคนได้ เป็นอะมีบาที่อาศัยเป็นอิสระในธรรมชาติตามแหล่งน้ำ ดิน โคลนเลน มีด้วยกัน 2 สายพันธุ์ ได้แก่ สายพันธุ์เนจีเรีย ฟาวเลอรี (Naegleria fowleri) และสายพันธุ์อะคันทามีบา (Acanthamoeba)

สายพันธุ์เนจีเรีย ฟาวเลอรี ถูกพบเป็นครั้งในปี พ.ศ. 2526 และยังพบในประเทศเขตร้อนหรือเขตอบอุ่นเกือบทั่วโลก ส่วนในประเทศไทยพบได้จากการสำรวจแหล่งน้ำในหลายจังหวัด ได้แก่ นครราชสีมา สุรินทร์ อุบลราชธานี และศรีสะเกษ นอกจากนี้ยังมีเพิ่มเติมจากปทุมธานีและสมุทรปราการ ซึ่งพบได้ตามแหล่งน้ำขังในเขตอุตสาหกรรมทั่วไปด้วย 

อะมีบาสายพันธุ์ดังกล่าว สามารถเจริญเติบโตได้ดีที่อุณหภูมิสูงถึง 45 องศาเซลเซียส พวกมันสามารถพบได้ตามแหล่งน้ำโดยทั่วไป ยกเว้นน้ำกร่อยหรือน้ำทะเล 

ในส่วนของสายพันธุ์อะคันทามีบา ถูกพบครั้งแรก พ.ศ. 2501 สามารถพบได้เกือบทั่วโลก ส่วนในประเทศไทยมีการสำรวจพบจากแหล่งน้ำธรรมชาติ จังหวัดนครราชสีมา สามารถพบได้ตามแหล่งน้ำ ดิน และโคลนเลนเช่นเดียวกับสายพันธุ์เนจีเรีย ฟาวเลอรี แต่ที่ต่างกันคือ สามารถพบได้ในน้ำกร่อยและน้ำทะเลด้วย โดยจะเจริญเติบโตได้ดีที่สุดที่อุณหภูมิ 25–35 องศาเซลเซียส 

ตัวที่ 2. ท็อกโซพลาสมา กอนดิอาย

 ท็อกโซพลาสมา กอนดิอาย (Toxoplasma gondii) ตัวนี้เป็น “โปรโตซัว” ปกติก็ก่อโรคบิด เป็นพยาธิที่อยู่ระหว่างหนูกับแมว ระยะติดต่อก็จะปนออกมากับอุจจาระแมว เสร็จแล้วหนูมากินอาหารที่มีการปนเปื้อนกับอุจจาระแมว หนูก็จะได้รับเชื้อโปรโตซัวไป

การเข้าสู่ร่างกายคนของปรสิตชนิดนี้ เกิดจากที่บางครั้งหมู วัว ไก่ กินอาหารที่มีการปนเปื้อนของอุจจาระแมว ก็จะได้รับพยาธิชนิดนี้เข้าไป แล้วคนกินเนื้อสัตว์เหล่านี้ที่ไม่สุก ก็จะมีพยาธิตัวนี้ติดเข้าไปได้

บางคนอาจจะเลี้ยงแมว ตอนเก็บอุจจาระแมวอาจจะมีการปนเปื้อนตามเล็บมือ เวลาไปกินอาหารเราก็ได้รับพยาธิตัวนี้ พยาธิตัวนี้ก็จะไชทะลุลำไส้ เข้าสู่กระแสเลือด แล้วก็ไปตามอวัยวะต่าง ๆ รวมทั้งสมองด้วย

ปรสิตชนิดนี้ยังเป็นภัยต่อเด็กที่อยู่ในท้องแม่ด้วย โดยติดต่อผ่าน ‘รก’ ได้ เชื้อก็จะผ่าน ‘รก’ มาหาลูกที่อยู่ในท้อง เวลาคลอดออกมาเป็นทารก บางครั้งก็จะมีการเสียชีวิตตอนแรกคลอด หรือถ้าไม่เสียชีวิตตอนแรกคลอด อาการทางสมองก็จะค่อย ๆ พัฒนารุนแรงขึ้น คุณแม่สามารถตรวจได้ เมื่อทราบว่าคุณแม่ติดปรสิต ก็สามารถที่จะปรึกษาคุณหมอได้เป็นระยะ ๆ

ตัวที่ 3. ปรสิตอีกตัวหนึ่งที่ควรระวังคือ พยาธิตืดหมู ?

พยาธิตัวตืด (Taenia spp.) ที่ควรระวังก็คือ พยาธิตัวตืดวัว (Taenia saginata) และพยาธิตัวตืดหมู (Taenia solium) มีทั้งระยะตัวอ่อนกับระยะตัวเต็มวัย

พยาธิระยะตัวเต็มวัย อยู่ในคนก็สามารถที่จะออกไข่ อยู่ในปล้อง พอปล้องหลุดก็ปล้องแตก ไข่ก็จะปนออกมากับอุจจาระคน

พยาธิระยะตัวอ่อน จะอยู่ในเนื้อหมู คนกินเนื้อหมูดิบก็จะได้รับเข้าไป ซึ่งเมื่อพยาธิตืดหมูเข้าสู่ร่างกายแล้วอาจจะไปสู่สมองได้

บางครั้งการจัดการของอุจจาระไม่ค่อยดี เช่น อาจจะมีการปนเปื้อนของอุจจาระคนกับอาหารที่กิน หรือแม้กระทั่งดื่มน้ำที่มีการปนเปื้อนของไข่พยาธิตืดหมู เวลากินเข้าไปตัวอ่อนที่อยู่ในไข่ก็จะออกมาจากไข่ แล้วไชทะลุลำไส้ จากนั้นเข้าสู่กระแสเลือด แล้วพัฒนาไปเป็นตัวอ่อนตามกล้ามเนื้อต่าง ๆ ในร่างกาย ซึ่งรวมถึงสมองด้วย

ตัวที่ 4. ปรสิตอีกตัวที่ใกล้ตัวคนไทย คือ พยาธิปอดหนู ?

พยาธิปอดหนู (Angiostrongylus Cantonensis) หรือพยาธิหอยโข่ง

“พยาธิปอดหนู เป็นพยาธิตัวกลมที่เป็นสาเหตุของโรคสมองและเยื่อหุ้มสมองอักเสบในคน ซึ่งพบมากทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทย ผู้ป่วยส่วนใหญ่มีประวัติการกินเนื้อหอยโข่ง หอยเชอรี่ หรือเนื้อสัตว์จำพวกกุ้ง ปู กบ และตะกวด ปรุงแบบดิบ ๆ หรือดิบ ๆ สุก ๆ เช่น นำมาทำก้อย ยำ ลาบ พล่า หรือการกินพืช ผักสด หรือดื่มน้ำที่ปนเปื้อนด้วยตัวอ่อนระยะติดต่อของพยาธิหอยโข่ง   

พยาธิหอยโข่งนั้นโดยธรรมชาติเป็นพยาธิของหนู เช่น หนูนา หนูท่อ หนูป่า พยาธิตัวเต็มวัยเพศผู้และเพศเมียจะอาศัยอยู่ในหลอดเลือดแดงของปอดหนู เมื่อหนูถ่ายอุจจาระจะมีพยาธิตัวอ่อนปะปนมา เมื่อหอย (ทั้งหอยบก หอยน้ำจืด และตัวทาก) กินตัวอ่อนของพยาธิหรือตัวอ่อนของพยาธิไชเข้าตัวหอยจะเจริญเติบโตเป็นตัวอ่อนระยะติดต่อขดตัวอยู่ในกล้ามเนื้อหรืออวัยวะของหอย และเมื่อคนนำหอยมากินโดยไม่ทำให้สุกก่อน ตัวอ่อนระยะติดต่อของพยาธิจะเข้าสู่ร่างกาย ไปตามกระแสเลือด แล้วเคลื่อนที่เข้าสู่สมอง

เมื่อ “พยาธิเข้าไปในสมองแล้ว” จะเจริญเติบโตและเคลื่อนย้ายอย่างรวดเร็ว ทำให้เกิดการอักเสบของสมองและเยื่อหุ้มสมอง ผู้ป่วยจะมีจำนวนเม็ดเลือดขาวชนิดอีโอสิโนฟิล (eosinophil) ขึ้นสูงในน้ำไขสันหลัง ผู้ป่วยบางรายอาจหมดสติได้ บ่อยครั้งที่พยาธิเคลื่อนที่เข้าไปอยู่ในลูกตา ทำให้เยื่อบุภายในตาฉีกขาดและมีเลือดออก อาจจะทำให้ตาบอดได้ การกินเนื้อสัตว์ชนิดอื่นที่ปรุงไม่สุก อาทิ กุ้งฝอย ปู กบ ตะกวด ซึ่งกินหอยที่มีพยาธิ ก็มีโอกาสได้รับพยาธิเข้าสู่ร่างกายได้เช่นกัน

คนที่ติดโรคพยาธิหอยโข่งมี “สัญญาณอันตราย” ตั้งแต่ไม่แสดงอาการ มีอาการเพียงเล็กน้อย หรือมีอาการรุนแรงถึงขั้นเสียชีวิต ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับจำนวนพยาธิที่กินเข้าไป รวมทั้งภาวะภูมิคุ้มกันและสุขภาพอนามัยของผู้ได้รับพยาธิ ผู้ป่วยส่วนใหญ่มีอาการปวดศีรษะอย่างรุนแรง คอแข็งและหลังแข็ง บางรายอาจพบอาการอัมพาตบางส่วนของแขน ขา หรือใบหน้าได้

เนื่องจากพยาธิชนิดนี้ไม่สามารถเจริญเติบโตเป็นตัวแก่ในร่างกายคนได้ สุดท้ายพยาธิก็จะตายในตัวของคนเรา แต่ว่าก่อนตายเวลาพยาธิไชไปที่สมอง จะทำให้ปวดศีรษะรุนแรงมาก เมื่อพยาธิออกจากสมองจะเลื้อยไปอวัยวะอื่น ๆ ของร่างกายและสุดท้ายก็ตาย

ป้องกันปรสิตชนิดต่าง ๆ เข้าสู่ร่างกาย ?

การป้องกันที่ดีที่สุด หลีกเลี่ยงการกินเนื้อปลาและเนื้อสัตว์ทุกชนิดแบบสุก ๆ ดิบ ๆ กินอาหารที่ไม่มีการปนเปื้อน หรือล้างผักและผลไม้ให้สะอาด

โรคที่เกิดจากการกินอาหารเนื้อสัตว์ที่ปรุงสุก ๆ ดิบ ๆ ถึงแม้จะเป็นโรคที่พบได้ไม่บ่อยเหมือนโรคติดเชื้อชนิดอื่น แต่ก็เป็นโรคที่บั่นทอนสุขภาพ และทำให้เกิดโรครุนแรงและเสียชีวิตได้ 

เปลี่ยนพฤติกรรมการกินป้องกันโรคได้ นั่นคือกินอาหารที่ปรุงสุกด้วยความร้อนสูงเท่านั้น ซึ่งรวมถึงการดูแลสุขอนามัยส่วนบุคคล เพราะเป็นสิ่งสำคัญในการลดความเสี่ยงที่เชื้อโรคหรือสิ่งแปลกปลอมต่าง ๆ จะเข้าสู่ร่างกาย

สัมภาษณ์โดย ณัฐวัฒน์ จิตรมั่น

เรียบเรียงโดย คมส์ธนนท์ ศุขอัจจะสกุล

ดูเพิ่มเติมรายการ ชัวร์ก่อนแชร์ FACTSHEET : 4 ปรสิตใกล้ตัวคนไทย ที่มีภัยต่อสมอง

ดูข่าวเพิ่มเติม

หากได้รับอะไรมา อย่าเพิ่งแชร์ต่อ ส่งมาตรวจสอบกับ “ศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์”
LINE :: @SureAndShare หรือคลิก http://line.sure.guru
FB :: https://www.facebook.com/SureAndShare
YouTube :: https://www.youtube.com/@SureAndShare
Twitter :: https://www.twitter.com/SureAndShare
IG :: https://instagram.com/SureAndShare
Website :: http://www.ชัวร์ก่อนแชร์.com
TikTok :: https://www.tiktok.com/@sureandshare

สมัครรับฟรี ชัวร์ก่อนแชร์ Newsletter ส่งถึงกล่องอีเมลของคุณทุกสัปดาห์ :: https://i.sure.guru/sureandshareNewsletter

หมายเหตุ : โฆษณาที่ปรากฏอยู่บนหน้าเว็บไซต์นี้ แสดงผลโดยอัตโนมัติจากบริษัทผู้ให้บริการโฆษณา ไม่ใช่การสนับสนุนหรือส่งเสริมจากศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์แต่อย่างใด

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดังเปิดใช้ชื่อวัดรับบริจาค แต่วัดเบิกไม่ได้

บช.ก. 6 ส.ค. – “บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดัง เปิดรับบริจาค ใช้บัญชีชื่อวัด แต่หมอดูเบิกได้คนเดียว ตามกฎหมายทำไม่ได้ ต้องนำบัญชีมาตรวจสอบเส้นเงิน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกรณีที่มีหมอดูชื่อดังได้เปิดรับบริจาคเงินโดยใช้บัญชี ชื่อวัดพระบาทน้ำพุ แต่คนที่สามารถถอนเงินออกจากบัญชีได้คือหมอดูคนดังกล่าว ทำให้ประชาชนเกิดข้อสงสัยว่า ทำไมเปิดรับบริจาคใช้ชื่อวัดแต่วัดถอนเงินไม่ได้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า ตอนนี้มีผู้เสียหายได้มาร้องขอความเป็นธรรมที่ กองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปราม เรื่องหมอดูคนดังกล่าว และได้มีการพูดคุยกับผู้กำกับกอง 1 ซึ่งกำลังตรวจสอบอยู่ มีการอ้างว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาส อยู่ระหว่างการตรวจสอบ และจะต้องมีการเช็คว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และเจ้าอาวาสนำเงินไปใช้อะไร เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีนี้จะเข้าข่ายคดีฉ้อโกงหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่า คิดว่าน่าจะเข้าข่ายคดีฉ้อโกง แต่ก็ต้องตรวจสอบดูว่าเงินที่รับบริจาคมาเอาไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และถ้าเอาไปให้จริง เจ้าอาวาสนำเงินไปใช้จ่ายอะไรบ้าง ผู้สื่อข่าวถามอีกว่ากรณีที่หมอดูคนดังกล่าว นำชื่อวัดมารับบริจาคเงินแต่หมอดูคนดังกล่าวกับเบิกเงินได้คนเดียว ทั้งที่ชื่อในบัญชีที่รับบริจาคเป็นชื่อวัดกระทำได้หรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่าทำไม่ได้ ถ้าใช้ชื่อบัญชีรับบริจาคเป็นชื่อวัดก็ต้องนำเงินไปให้วัดแล้วคนที่เบิกได้ก็ต้องเป็นวัดเท่านั้น เพราะเป็นเงินวัด เดี๋ยวจะต้องมีการนำบัญชีดังกล่าวมาตรวจสอบว่าเงินที่เข้าในบัญชีเท่าไหร่และวัดได้เท่าไหร่ และการรับบริจาคในลักษณะนี้ ต้องมีกรรมการวัดในการตรวจสอบบัญชี ให้ละเอียด ไม่ใช่อยากรับบริจาคก็จะทำได้เลย. -415-สำนักข่าวไทย

บุกค้นบริษัท ยึดโดรน-อุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น

กทม. 6 ส.ค.-ตำรวจกองปราบ ร่วมกับ กสทช. บุกค้นบริษัทใน จ.สมุทรปราการ ยึดโดรน และอุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น ตำรวจกองบังคับการปราบปราม ร่วมกับเจ้าหน้าที่ กสทช. และพนักงานสืบสวนจังหวัดสมุทรปราการ เข้าตรวจค้นบริษัทแห่งหนึ่ง ในอำเภอเมืองสมุทรปราการ หลังพบขัอมูลว่ามีบริษัทแห่งนี้ผลิตอุปกรณ์ และมีอากาศยานไร้คนขับโดรนไว้จำนวนมาก ต่อมาเมื่อแสดงหมายเพื่อขอตรวจค้น นายกฤษนันท์ ได้แสดงตัวเป็นกรรมการผู้จัดการของบริษัทดังกล่าว เป็นผู้นำตรวจค้น จากการตรวจค้นพบอากาศยานไร้คนขับ หรือโดรน 29 เครื่อง, กระเป๋าตรวจจับสัญญาณ 38 อัน, ปืนรบกวนสัญญาณ 129 กระบอก, เครื่องรบกวนสัญญาณ 16 เครื่อง, รถตู้สำหรับตรวจจับและรบกวนสัญญาณ 1 คัน และอุปกรณ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องอีก 50 รายการ โดยของกลางทั้งหมดจะถูกนำไปเก็บไว้ที่กองบังคับการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อนำไปตรวจสอบความถี่ และเอกสารที่เกี่ยวข้อง สำหรับบริษัทดังกล่าว ตำรวจให้ข้อมูลว่า มีเจ้าของโรงงานเป็นคนสัญชาติสิงคโปร์ และมีกรรมการเป็นชาวไทยร่วมด้วย ประกอบกิจการผลิตอุปกรณ์ และอากาศยานไร้คนขับโดรน.-สำนักข่าวไทย

มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงิน

กทม 5 ส.ค.-มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงินอีก “ขจรเกียรติ” ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา ผงาดคุมที่ดิน “เชษฐา” คุม ปภ. โยก “ภาสกร” นั่งผู้ว่าฯ ระยอง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ กระทรวงมหาดไทย เตรียมเสนอให้ ครม.พิจารณาเห็นชอบรวม 5 ตำแหน่ง ประกอบด้วย นายพรพจน์ เพ็ญพาส อธิบดีกรมที่ดิน เป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายเชษฐา โมสิกรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นายขจรเกียรติ รักพานิชมณี ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา เป็นอธิบดีกรมที่ดิน นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เป็นผู้ว่าฯ ระยอง และนายไตรภพ วงศ์ไตรรัตน์ ผู้ว่าฯ ระยอง เป็นผู้ว่าฯ เพชรบุรี.-319.-สำนักข่าวไทย

เปิดปฏิบัติการค้น 200 จุด ล่าพระทำผิดกฎหมาย

กทม. 5 ส.ค.-ตำรวจสอบสวนกลาง เปิดปฏิบัติการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ลุยค้น 200 จุดทั่วประเทศ ไล่ล่าจับพระทำผิดกฎหมาย 181 เป้าหมาย ล่าสุดจับพระวัดดังย่านคลอง 6 ปทุมธานี พบเอี่ยวองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ในฐานะหัวหน้าศูนย์ป้องกันปราบปรามภัยคุกคามและเสริมสร้างความมั่นคงทางพระพุทธศาสนา สั่งการ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. นำกำลังเจ้าหน้าที่หน่วยงานในสังกัด บช.ก. เปิดปฏิบัติการกวาดลานวัด เข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย กว่า 200 จุด เพื่อจับกุมผู้ต้องหาคดีต่างๆ อาทิ ยักยอกทรัพย์ ฟอกเงิน เมาแล้วขับ หรือ มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการยาเสพติด รวมไปถึงองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ที่หลบหนีมาบวชเป็นพระซ่อนตัวตามวัดต่างๆ ทั่วประเทศ โดยกลุ่มผู้ต้องหาที่เป็นเป้าหมายหลักของปฏิบัติการครั้งนี้ มีด้วยกันทั้งหมด 181 ราย แบ่งเป็น ผู้ต้องหาที่ยังมีสถานะเป็นพระ 154 ราย ในจำนวนนี้มีพระตำแหน่งสูงสุดเป็นระดับเจ้าอาวาส ส่วนผู้ต้องหาที่เคยเป็นพระแต่สึกไปแล้วมีทั้งหมด 27 ราย ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการเข้าดำเนินการจับกุม อย่างไรก็ตามขณะนี้มีรายงานว่า จากปฏิบัติการดังกล่าวขณะนี้เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาคนสำคัญได้รายหนึ่งแล้ว […]

ข่าวแนะนำ

มอบตัวแล้วอดีตเจ้าคณะตำบล ยิงเจ้าอาวาสวัดดัง จ.เลย

มหาสารคาม 6 ส.ค. – มอบตัวแล้วอดีตเจ้าคณะตำบล ยิงเจ้าอาวาสวัดในพื้นที่ อ.เชียงคาน จ.เลย บาดเจ็บ หลังหนีไปกบดานที่บ้านเกิด จ.มหาสารคาม ตำรวจตั้งข้อหาพยายามฆ่า จากกรณี พระอธิการมานพพร อายุ 47 ปี เจ้าอาวาสวัดโพนสว่าง และเจ้าคณะตำบลเขาแก้ว ขับรถยนต์หลบหนีไป หลังใช้ปืนจ่อยิงพระมหาโยธิน เจ้าอาวาสวัดป่าพัฒนาราม และเจ้าคณะตำบลจอมศรี จนได้รับบาดเจ็บ ขณะที่พระครูถาวรเทวธรรม เจ้าคณะตำบลธาตุ และเจ้าอาวาสวัดสวนธรรมเทวราช เจ้าคณะตำบลธาตุ ซึ่งอยู่ในเหตุการณ์ด้วย หลบหนีได้ทันจึงไม่ได้รับบาดเจ็บ เกิดเหตุในวัดพื้นที่ อ.เชียงคาน จ.เลย เมื่อวันที่ 4 ส.ค.ที่ผ่านมา ต่อมาศาลจังหวัดเลยอนุมัติหมายจับในข้อหา “พยายามฆ่าผู้อื่น และมีอาวุธปืน กระสุนปืน พกพาโดยไม่มีเหตุอันควร” วันนี้ ที่ห้องสืบสวน สภ.เมืองมหาสารคาม พระอธิการมานพพร หรือนายมานพพร ผู้ต้องหาก่อเหตุยิงพระ 2 รูป เข้ามอบตัว เนื่องจากถูกตำรวจกดดันอย่างหนัก เบื้องต้นให้การว่า วันเกิดเหตุมีการปรึกษากัน แต่ไม่ได้ทะเลาะ สาเหตุมาจากตนเองโดนกลั่นแกล้งจากทางพระทั้ง […]

แรงงานกัมพูชาแห่กลับประเทศ รัฐบาลขู่ยึดที่ดิน-ถอดสัญชาติ

6 ส.ค. – รัฐบาลกัมพูชาขู่ยึดที่ดินและถอดสัญชาติแรงงานที่ดื้ออยู่ไทย ส่งผลวันนี้ (6 ส.ค.) ชาวกัมพูชาแห่เดินทางกลับประเทศ ทำจุดผ่านแดนถาวรตลาดบ้านแหลม อ.โป่งน้ำร้อน จ.จันทบุรี รถติดยาว 8 กิโลเมตร ที่จุดผ่านแดนถาวรตลาดบ้านแหลม ต.เทพนิมิต อ.โป่งน้ำร้อน จ.จันทบุรี ตั้งแต่ช่วง 06.00 น. รถติดยาวเหยียดร่วม 8 กิโลเมตร ทั้งรถเช่าเหมา รถตู้ และรถรับจ้างที่ขนแรงงานชาวกัมพูชากลับประเทศ ส่วนภายในบริเวณตลาดบ้านแหลม ช่วงเวลา 07.00 น.ที่ผ่านมา ยังพบชาวกัมพูชาร่วมกว่า 20,000 คน ขนสัมภาระ ข้าวของ มารอเต็มหน้าด่าน มากกว่า 2-3 วันที่ผ่านมา ทั้งนี้ เป็นเพราะมีกระแสข่าวรัฐบาลกัมพูชาขู่จะออกมาตรการเอาจริงกับแรงงานกัมพูชาที่ยังดื้อไม่ยอมกลับประเทศก่อนวันที่ 10 สิงหาคมนี้ จะยึดที่ดินทำกินและถอดสัญชาติ คาดว่าจุดนี้จุดเดียวคนจะกลับกัมพูชาเฉียดครึ่งแสนคน แรงงานกัมพูชากลับประเทศ นายจ้างกลัวไปไม่กลับที่ตลาดสดแห่งหนึ่งใน อ.ศรีมหาโพธิ จ.ปราจีนบุรี พบว่ายังมีแรงงานกัมพูชาก้มหน้าก้มตาทำงานอยู่ แต่มีสีหน้าเคร่งเครียดจากกระแสข่าวที่เกิดขึ้นอย่างชัดเจน แรงงานเล่าว่าไม่อยากกลับกัมพูชา กลับไปก็ไม่มีงานทำ ทางครอบครัวที่กัมพูชาก็โทรมาห่วงว่าคนไทยจะทำร้าย […]

เปิดภาพทหารไทยวางรั้วลวดหนามช่องอานม้า ตรึงกำลังเข้ม

6 ส.ค.- เปิดภาพทหารไทยวางรั้วลวดหนามช่องอานม้า พร้อมตรึงกำลังเข้ม ป้องกันทหารกัมพูชาตัดรั้วลวดหนาม รอบ 2 เมื่อวันที่ 6 ส.ค. 68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังเจ้าหน้าที่ตรวจพบกำลังทหารกัมพูชาเข้ามาดำเนินการตัดลวดหีบเพลง ที่ทางฝ่ายไทยได้วางไว้เพื่อเสริมความมั่นคงในพื้นที่เขตอธิปไตยของไทย ณ บริเวณพื้นที่ตลาดช่องอานม้า อำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี เมื่อวานนี้ (5 ส.ค.) โดยทางฝ่ายไทยได้ดำเนินการแจ้งให้ยุติการกระทำดังกล่าว พร้อมให้ถอยออกจากพื้นที่ ซึ่งฝ่ายกัมพูชาปฏิบัติตาม และได้ออกจากบริเวณดังกล่าวในทันที ต่อมาเจ้าหน้าที่ได้เข้าดำเนินการกางลวดหีบเพลงให้เข้าสู่สภาพเดิม ปัจจุบันยังคงมีการตรึงกำลังที่ฐานปฏิบัติการในพื้นที่เขตอธิปไตยของไทย-สำนักข่าวไทย

เอาผิด 2 ข้อหา อดีตทหาร BHQ-เรียกภรรยาให้ข้อมูล

บุรีรัมย์ 6 ส.ค. – ผู้การบุรีรัมย์ เค้นสอบอดีตทหารองครักษ์พิทักษ์ฮุนเซน ยืนยันไม่ได้เป็นสายลับ หลังถูกจับพร้อมเครื่องแบบทหาร-อาวุธปืน เบื้องต้นตั้ง 2 ข้อหา พร้อมเรียกภรรยามาให้ข้อมูล จากกรณีตำรวจ สภ.ลำดวน จ.บุรีรัมย์ จับกุมนายวิน ดา ทหารเขมรชุด BHQ องครักษ์พิทักษ์ฮุน เซน ได้ในบ้านพักหลังหนึ่งใน อ.กระสัง ซึ่งเป็นบ้านของภรรยาชาวไทย พร้อมปืนลูกซองไทยประดิษฐ์และเครื่องกระสุนปืนลูกซองเบอร์ 12 จำนวน 3 นัด กระสุนปืนขนาด.38 อีก 3 นัด และเครื่องแบบทหารที่มีตราสัญลักษณ์ BHQ หลายรายการ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของทหารกัมพูชา หน่วยรบพิเศษ BHQ ซึ่งเป็นองครักษ์พิทักษ์สมเด็จฮุน เซน จึงควบคุมตัวมาสอบปากคำที่สถานีตำรวจภูธรลำดวน อ.กระสัง จ.บุรีรัมย์ เพราะคาดว่าน่าจะเป็นสายลับเข้ามาฝังตัว ส่งความเคลื่อนไหวทางการทหารไทยให้ฝ่ายกัมพูชา รับเป็นทหารBHQ จริง แต่ไม่ใช่สายลับพล.ต.ต.ณรงค์ศักดิ์ พรหมทา ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดบุรีรัมย์ ลงพื้นที่สอบปากคำนายวิน ดา ด้วยตัวเอง ร่วมกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง […]